สำหรับเรา Santorini ถือเป็นไฮไลต์ของทริปกรีก
เพราะชอบทั้งที่พัก Kapari Natural Resort
ชอบทิวทัศน์บนเกาะ ฟ้าสีเข้มสวย น้ำทะเลระยิบระยับ
หันหน้ามองไปทางไหน ก็สวย สวย สวย สวย ส๊วย สวยมากกกก!
ผู้คนพากันสร้างบ้านบนหน้าผา เพราะเกาะนี้ไม่มีที่ราบมากนัก
Santorini คือเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้ดินส่วนใหญ่มีสีดำ
เขาฉลาด ด้วยการเอาสีขาวมาทา คะนี้ก็เลยกลายเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตา ดึงดูดให้คนมาเที่ยว
การที่เกาะอยู่ห่างจากเกาะอื่นๆ ด้วยการนั่งเรือประมาณ 2 ชม. (แล้วแต่ประเภทเรือ)
ทำให้รู้สึกเหมือนถูกตัดขาด นอกจากวิวสวยๆ แล้ว อาหารก็อร่อย
ที่สำคัญถ้ามา อย่าลืมแวะพิพิทธภัณฑ์เขาล่ะ เพราะอารยธรรมของกรีกในสมัยก่อนล้ำหน้าขะน้าด
คนชอบหรือทำงานเครื่องปั้น ก็จะได้แรงบันดาลใจกลับไปแยะเลย
เกาะ Santorini เล็กๆ นี้แบ่งเป็นหลายเมือง แต่ที่นทท.ชอบไปคือ
Fira : มีมิวเซียม ร้านค้า ร้านของที่ระลึก ร้านอาหารมากมาย ที่พักจะถูกกว่าเมืองอื่น
Imerovigli : เมืองขนาดเล็กมาก ไม่มีร้านค้า มีแค่ร้านอาหารไม่กี่ร้าน ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทหรู
Oia: เมืองที่คนนิยมไปดูพระอาทิตย์ตกดิน มีร้านค้า ของที่ระลึก และคาเฟ่เก๋ๆ แยะ ที่พักเมืองนี้มักราคาแพง
การเดินทางมา Santorini
ทำได้ทั้งทางเครื่องบิน และ เรือ
ระบบเรือของที่นี่ ต้องศึกษาให้ดีๆ ก่อนจอง เพราะบางบริษัทวิ่ง จ, พ แต่บางบริษัทวิ่ง อ, พฤ
แต่ละบริษัทก็ใช้เรือต่างกัน บางลำวิ่งเร็ว บางลำวิ่งช้า บางลำแวะจอด 3 เกาะ บางลำแวะจอด 5 เกาะ
สำหรับคนที่คิดว่าจะเมาเรือบอกเลยว่า ให้จองเรือแบบเร็วสุดเถอะ และเตรียมหลับบนเรือ
ขนาดเราไม่ใช่คนเมารถ เมาเรือ ยังจะอ้อก … ชิงหลับตลอดกาลเลย จุดนี้
การเดินทางบน Santorini
สามารถเช่ารถขับได้ มีบริษัทเช่าทั่วไปบนเกาะ
ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้จะอยู่ในเมือง Fira คุณบูเธอหาเอาจากในอินเทอร์เน็ตนี่แหละ
เราก็แค่จองล่วงหน้า บอกรอบเรือที่จะถึง พอลงจากเรือ คนของบริษัทก็จะรอรับอยู่แล้ว
เขาจะเป็นคนขับพาเราจากท่าเรือ ไปรับรถในเมือง Fira
เพราะ “ถนนระหว่าง Fira ไปท่าเรือ ชันโคตตตตต!!”
ให้นึกสภาพหน้าผาชันๆ ไว้นะ แล้วถนนก็ค่อยๆ ซิกแซก ตลบซ้ายขวาขึ้นไปเรื่อยๆ
บางครั้งเราเองก็ยังงง ว่าเอาตัวรอดจากการขับรถในกรีกมาได้ไง
เพราะถนนบนเกาะส่วนใหญ่ทั้งแคบ ทั้งชัน รถก็เป็นรถเกียร์กระปุกเกือบทั้งนั้น
ถนนจากท่าเรือ ขึ้นไปยังเมือง Fira
กลับเข้าเรื่อง Kapari Natural Resort
ก่อนไปเราเลือกที่พักที่ชอบไว้ในใจประมาณ 4 ที่ กะว่าจะลงมติกะคุณบูก่อนค่อยจอง
ปรากฏช่วงก่อนเที่ยว มนุษย์เรามักยุ่งเหมือนโดนลงทัณฑ์ เลยไม่มีเวลาคุยกันเรื่องนี้
กว่าจะได้จอง ก็เหลือที่นี่เป็นที่สุดท้ายพอดี ซึ่งถือว่าฟ้าเป็นใจ เพราะชอบที่นี่มากๆ
เนื่องจากมีห้องพักแค่หลักสิบต้นๆ บวกกับความที่เมืองเล็ก เลยทำให้สงบลึก
ราคาห้องไม่ถูก แต่ทั้งทริปเราเลือกพักแบบไม่แพง เพราะตั้งใจจะตะลุยเมืองทั้งวัน
ดังนั้นการมา Santorini เลยเหมือนการมาพักผ่อน อยู่นิ่ง และใช้เวลาอยู่ในที่พักแยะกว่าเมืองอื่นๆ
ลักษณะห้องจะเป็น 2 ชั้น … ชั้นล่างคือห้องเก็บเสื้อผ้า ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น
ส่วนชั้นบน เป็นห้องนอนเล็กๆ ลักษณะเหมือนบ้านคนในสมัยก่อน ที่จะอยู่กันตามถ้ำ เหมือนโพรง
เพียงแค่ว่าถ้ำนี้ มีกลิ่นหอมของ Black Vanilla และเย็นฉ่ำจากแอร์ที่เปิดทำงานตลอด
พอเข้าไปถึงก็มีผลไม้ต้อนรับและไวน์ขาว (หรือแชมเปญ จำไม่ได้ละ) รอท่า
พนักงานยกกระเป๋าที่นี่ ต้อง “อึดขั้นเทพ” เพราะอย่างที่บอก รีอสร์ตอยู่บนหน้าผา
จะเดินไปห้องอาหารทีก็ต้องไต่บันได …จะเดินไปไหนก็ต้องไต่ขึ้นลงบันไดตลอด
บันไดจากลานจอดรถ ลงมาที่รีสอร์ต
มีสระว่ายน้ำเล็กๆ ให้ด้วย แน่ล่ะ ฝรั่งผลัดกันแช่ท้างงงงวัน
เพราะอากาศมันร้อน แดดจ้า เห็นวิวสวย
ผลไม้ต้อนรับ
ห้องน้ำ แยกส่วน เปียก ห้อง น้ำแรงสะใจมาก
ห้องน้ำ ถอยออกมาอีกนี้สสสสสส
ห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่น…นอนเขลงกันตรงนี้เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่บ่าย 2 -4 โมง
เพราะช่วงนั้นแดดจะจ้ามากๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าออกไปเดินท่อมๆ อาจจะสุกได้
เราเลยแบ่งการเที่ยวเป็น 2 ช่วง คือเดินไป Fira หลังอาหารเช้า กลับมานอนเล่น
พอ 5 โมงเย็น ค่อยขับรถออกไปเมือง Oia เพื่อเดินเล่น หาข้าวเย็นกิน หรือไม่ก็กลับมากินที่รีสอร์ต
ชอบประตู น่ารักดี
จากห้องนอนเราที่อยู่ชั้น 2 สามารถเปิดออกไปที่สระว่ายน้ำได้
แต่ประตูเค้าเล็กน่ารักมากกก พอคุณบูเปิดแล้วเหมือนบ้านคนแคระเลยอ่ะ
ห้องนอน …รู้สึกอุ่นๆ ยังไงบอกไม่ถูกตอนนอนห้องนี้
มีหน้าต่างเล็กๆ เห็นวิวได้ตั้งแต่ลืมตาตื่นตอนเช้า
ห้องอาหารของรีสอร์ต วิวดีสุโค่ยยยยย
ทุกเช้าจะมีความสุขมาก (ยกเว้นเวลานั่งใกล้คนสุบบุหรี่ เพราะที่นี่ยังอนุญาตให้สูบได้ถ้าเป็นนอกอาคาร)
อาหารเช้าที่นี่ มีขนมอบ ขนมหวานให้เลือกแยะเลยทีเดียว
ถ้าเทียบกับที่เป็นรีสอร์ตแค่สิบกว่าห้อง มีเมนูอาหารเช้าแบบทำร้อนๆ ให้เกือบสิบอย่าง
เราชอบ “เบรดบาสเก็ต” เค้าที่สุด กินหมดตะกร้าทุกวัน
แยมที่เสิร์ฟ เป็นแยมกรีก หรือไม่ก็น้ำผึ้งที่ผลิตบนเกาะนี้ หรือเกาะใกล้เคียง…อร่อยเหาะ!
อาหารเช้าเมนูไข่อะไรสักอย่าง จัดมาน่ารักมากๆ
ทำให้ไข่ต้มกะผักธรรมดา มุ้งมิ้งขึ้นอีกหลายระดับเลย
ชอบแยมที่เห็นทุกอย่างเลย อร่อยมากๆๆๆ
กินกลางวันกะเค้าครั้งนึง วันแรกที่มาถึง เพราะเหนื่อยเกินจะออกไปไหน
เบอร์เกอร์เค้าก็อร่อยดี
ส่วนอาหารเย็น คนมักจะจองทานกันที่ระเบียงตรงนี้ เพราะเห็นอาทิตย์ตกดินสบายๆ
สำหรับเราแล้ว ชอบบรรยกาศตอนนั่งดูอาทิตย์ตกดินที่นี่ที่สุด
เหมือนขอบฟ้าไม่มีอะไรมากั้น ไม่มีคนมานั่งติดกันเหมือนจุดชมวิว
มีอาหารอร่อยๆ เสิร์ฟ แล้วก็มีบูนั่งอมตุ่ยใกล้ๆ (เพราะพอก้มหน้าอ่านมือถือเมื่อไร จะโดนข้าน้อยถลึงตาใส่ทันที)
super happy moment
อยากไปอีก = =”
อาหารอื่นถ่ายไม่ทันเพราะมันเริ่มมืดลงเรื่อยๆ แต่นี่เป็นของทานเล่นที่น่ารักเกิ๊น!
คือขนมปังกรอบ ฟิกแห้ง เบซิล กับครีมอะไรสักอย่าง
หันไปมองรอบๆ แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ทำให้ทั้งเมืองกลายเป็นสีชมพูอุ่นไปเลย
บ๋ายบายค่ะ คุณดวงอาทิตย์ ❤
ด้านหน้ารีสอร์ต คือเขาหินเล็กๆ ที่เห็นตอนแรกไม่คิดอะไร
วันต่อมา คุณบูเธอลากไปปีนมันจนได้ เหนื่อยโฮก T^T
แต่ก็ทำให้ได้เห็นวิวเมือง Imerovigli ทั้งเมือง เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าทำ ถ้ามีแรงกันนะ : )
One thought