นิวยอร์กเป็นเมืองที่มีฤดูกาลครบ มาเที่ยวหน้าไหนก็จะได้อารมณ์และเจอกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ในวโรกาสอยู่นิวยอร์กมาครบปี เลยถือโอกาสรวบรวมสิ่งที่เจอมาเขียนไว้ เผื่อใครมาจะได้นึกภาพออก ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง มีอะไรอัพเดตจะเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ นะ
ฤดูใบไม้ผลิ
เมษายน – มิถุนายน
หลังจากทนอุดอู้อยู่กับอากาศหลัวๆ ตูดๆ มาตั้ง 4-5 เดือนในหน้าหนาว พอเข้าเมษาอากาศก็เริ่มอุ่น (แต่ก็ยังหนาว) แดดเริ่มมา ฟ้าเปิดให้รู้สึกชื่นใจ ปีที่เราอยู่อากาศสวิงมาก บางวันหนาวต่ำกว่า 10 องศา แต่บางวันก็อุ่นมากอุณหภูมิพุ่งไปเกือบ 30 องศา บางวันฝนตกฟ้าหลัว บางวันแดดแจ้งจางปาง…คือแทบปรับตัวไม่ทัน ต้องดูพยากรณ์อากาศก่อนออกจากบ้านแทบทุกวัน ใครจะมาช่วงนี้ให้เตรียมเสื้อผ้าที่ทนหนาวสัก 13-20 C ต้นได้ไว้ก่อนจะดี เพราะถ้ามีมาน้อยอาจต้องได้ซื้อเพิ่ม ถ้าเราหนาวจะเที่ยวไม่หนุกเอานะ
ด้วยความที่อากาศเริ่มอุ่นนี้เอง อาคารต่างๆ เริ่มเอาดอกไม้ประเภทหัวและว่าน เช่นทิวลิปสารพัดสี มาปลูกที่สวนหน้าตึกกันใหญ่ ทำให้เดินไปทางไหน ก็จะเห็นสีสันสดใสได้ตลอดทาง เป็นความรู้สึกที่เบิกบานประหนึ่งดอกไม้แรกแย้ม ถ้ามาช่วงต้นเมษาจะเห็นชัดเจนสุด เพราะดอกทิวลิปบานได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์มันก็เริ่มเฉา
ไฮไลท์อีกอย่างในเดือนเมษาก็คือ “ซากุระ” ซึ่งสามารถไปดูได้ทั้งที่เซ็นทรัลปาร์ค แต่ถ้าแกรนด์ๆ หน่อยแบบอุโมงค์ซากุระ ต้องไปที่ Brooklyn Botanic Garden ซึ่งของเค้าเจ๋งจริง มีต้นซากุระเรียงเป็นแนวยาว ปลูกแบบแน่นๆ มาฮานามิฮิฮะกันได้สบายๆ (ถ้าไปส.-อา คนจะแน่นทะลัก) อันนี้เขาไม่แพ้ญี่ปุ่นนะ มาแล้วฟินมาก ก่อนไปก็ตรวจเว็บเค้าดูว่ามันจะบานเต็มที่วันไหน เค้ามีแผนที่ซากุระบานให้เหมือนที่ญี่ปุ่นเลย
เดือนเมษายังไม่หมด วัน Easter Sunday ใครไม่มีตารางเที่ยวเป็นกิจจะ ลองไปเดินแผ่วๆ แถวถนน 5th Avenue เค้าจะปิดถนน เปิดให้คนใส่หมวกแปลกๆ มาเดินให้คนถ่ายรูปกัน มันคึกคักหนุกหนานมากมาย ปีแรกที่เราเจอเพราะบังเอิญเดินผ่าน แต่ก็หยุดดูอยู่นานพักนึงนะ แปลกตาดี เพราะแต่ละคนบรรจงประดิษฐ์หมวกตัวเองมาแบบเอาจริงเอาจัง บางคนหมวกสูงใหญ่กว่าตัวเองก็ยังมี เป็นอะไรที่แปลกตาน่าตื่นใจ
ต้นเดือนมิย. (ปี 2017 คือวันที่ 13 มิย.) จะมีสิ่งที่เรียกว่า Museum Mile ซึ่งในวันนี้บรรดามิวเซียมบนถนน 5th ทั้งหลายจะเปิดให้เข้าชมฟรี!!!! เป็นไงล่า ทั้ง Museum of the City of New York, the Jewish Museum, Cooper Hewitt, กุ๊กเกนไฮม์, เดอะเมต ซึ่งปกติค่าเข้าแต่ละที่ไม่น้อยนะคะ อย่าง the Met นี่ก็ปาเข้าไป $25 กุ๊กเกนไฮม์ก็ไม่ต่ำกว่า $18 (แล้วแต่ว่ามีนิทรรศการอะไร) อันนี้ลองเช็คดูว่าแต่ละปีมีมิวเซียมไหนเข้าร่วมบ้าง และเค้าจะปิดถนนแถว 5th Ave (ย่านช้อปปิ้ง) ให้มีดนตรีสดอะไรบันเทิงเริงใจไวบ์แบบจะดีมากๆ ใครสนใจก็เช็คดูได้จาก Time Out NYC นะคะ ไปไลค์รอไว้เลย เค้าจะอัพเดตวันที่แน่นอนให้
ปิดท้ายด้วยปลายมิย. มีพาเหรด Pride ที่แน่นอนว่าต้องยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่อื่นใดในโลก
ซัมเมอร์
กค.-ตค.
สำหรับนักกิจกรรมทั้งหลาย การมานิวยอร์กช่วงซัมเมอร์ถือเป็นไฮไลท์ของชุมนุมกิจกรรมระดับโลกที่มีให้เลือกมากจนถึงขนาดไปไม่หวาดไม่ไหว โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์นี่บับ…เยอะ
แต่เราเพิ่งย้ายมานิวยอร์กหน้าร้อนพอดี ดังนั้นกิจกรรมวันส-อา ส่วนใหญ่คือการเดินหาบ้าน การซื้อของเข้าบ้าน ย้ายบ้าน รวมถึงการเข้าป่าปีนเขา ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมในเมืองเท่าไร
สิ่งที่ต้องมีติดตัวเวลาเที่ยวช่วงซัมเมอร์คือ
1.ประโคมกันแดดเยอะๆ
2.แว่นตากันแดด และหมวก
3.น้ำเปล่าให้เพียงพอ
เพราะอากาศจะร้อนและแห้งมาก ทำให้เรารู้สึกกระหายตลอดเวลา เมนูช่วงนี้ที่ขายดีมากก็คือ Cold brew กับ Lemonade ที่มีเกือบทุกคาเฟ่ กินน้ำมะนาวช่วงไหนของปี ก็ไม่สะใจแซบสะใจเท่าหน้าร้อนเลยจริงๆ อันนี้ต้องพิสูจน์
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าช่วงนี้จะมีงานอะไร ให้ติดตาม Time Out New York หรือไม่ก็แอป EventBrite ดู คอนเสิร์ตช่วงนี้ก็อาจจะมีมากกว่าปกติ คือแบบเดินๆ ไปก็อาจเจอคอนเสิร์ตกลางลานหน้า Lincoln Center ที่เปิดให้เข้าชมฟรี มีเบียร์และของว่างให้ซื้อนั่งจิบไปด้วยได้ ดังนั้นเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมไว้ เจออะไรน่าสนใจก็กระโจนใส่ได้เลย

ตลาดกลางแจ้ง พวก Farmers Market หรือตลาดอาหาร มักจะเปิดชั่วคราวเฉพาะในหน้าร้อน ที่เราแนะนำก็ของ Urban Eat ที่รวมร้านเด็ดๆ ไว้ในที่เดียว เช่นพิซซ่าของ Roberta’s มีโดนัทของ Dough ลักษณะจะขายแบบฟู้ดคอร์ท ซื้อแล้วไปหาที่นั่งกินเอา ตั้งอยู่หน้า Flatiron


อีกอีเวนต์นึงที่ขาดไม่ได้ ก็คือการดูพลุวันฉลองฯ วันชาติอเมริกา วันที่ 4 กรกฏานั่นเอง จะมีการจุดทั้งฝั่ง East River และ Hudson River ใครใกล้อันไหนก็ไปทางนั้น เท่าที่ผ่านมาเราเห็นคนไปดูกันริมแม่น้ำแถวๆ United Nations เยอะเชียว กำหนดเวลาแต่ละปีไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับเวลาพระอาทิตย์ตก อย่างปี 2018 นี่ทางฝั่ง Hudson River ที่ยัยเมียใกล้กว่าจะจุดปาเข้าไป 3 ทุ่มครึ่ง! ส่วนหนึ่งเพราะเค้าจ้างสนูปด็อกมาเล่น แล้วฮีดันมาสายชั่วโมงนึง ทุกอย่างเลยช้าตามไป…น่าสงสารลูกเด็กเล็กแดงที่เฝ้ารอดูกันมากบอกเลย


หน้าร้อนเป็นช่วงที่ Coney Island ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ New York City คึกคักที่สุด ไปเลยค่ะ นั่งรถไฟลงไปสุดสายก็จะถึง ที่นั่นมีสวนสนุก มี Wall Art (เสียตัง) มีอาหารสารพัดชนิด ที่ไม่ควรพลาดคือ Nathan’s Hot Dog เพราะสาขาแรกเขาอยู่ตรงนี้ จริงๆ มันก็ไม่ได้อร่อยมากมายอะไร แต่เป็นการกินเพื่อบรรยากาศมากกว่า ทางเดินริมทะเลเขาเป็นไม้ดี๊ดี ไม่มีเสี้ยนให้ต้องสะดุด หาดทรายหรือก็สะอาด มาเดินเล่นอย่างเดียวก็หนุกแล้ว
ที่ขาดไม่ได้คือการตกแต่งบ้านรับเทศกาลฮาโลวีน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เริ่มต้นเดือนตุลาไปจนถึงต้นๆ พย. เลย นิวยอร์กก็เป็นเมืองหนึ่งที่โคตระจะจริงจัง ถ้าเดินผ่านย่านบ้านเรือนจะพบเห็นการตกแต่งสารพัดรูปแบบ ขนมาทั้งหยากไย่ โครงกระดูก ป้ายหลุมศพ ฟักทองสารพัดขนาด เรียกสายตาพวกเราได้ และเจ้าของบ้านเขาก็ตั้งใจอย่างนั้นด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งสีสันของการมาในช่วงนี้นะจ๊ะ ถ่ายรูปเพลินมากบอกเลย
มาช่วงนี้แนะนำให้กินเบอร์รี่ต่างๆ ทั้งสตรอว์เบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ซึ่งตรงกับหน้าเค้า รสชาติจะหวานเป็นพิเศษ ถ้าซื้อจาก Farmers Market ก็จะได้เบอร์รี่โลคัลที่ปลูกในฟาร์มแถวๆ New Jersey เราว่าอร่อยดี เราชอบซื้อจากฟาร์มเมอร์สมากกว่าซูเปอร์ เพราะรสชาติจะดีกว่า เนื่องจากว่ามันตรงหน้าพอดี
ฤดูใบไม้ร่วง
ตค.-พย.
เป็นช่วงเวลาที่เราอยากให้กินเวลายาวนานที่สุดของปีก็ว่าได้ เพราะใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นแดงเหลืองเพลินตามาก อากาศหรือก็ดี๊ดี ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนด้วย ใครชอบแต่งตัวแบบเลเยอร์จะสนุก และเราในฐานะคนที่ไม่เคยอยู่ในประเทศที่มีฤดูกาล ก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ
ตามถนนหนทางก็มีให้ดูพอประมาณ แต่สวยๆ เยอะๆ ก็ต้องตามปาร์คต่างๆ ถ้าใครมีเวลามากพอจะนั่งรถไฟจากแกรนด์เซ็นทรัล ออกนอกเมืองไปปีนเขา ก็จะยิ่งฟินเข้าไปอีก 5 ระดับ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเรานั่งรถไฟออกไปปีนเขาติดๆ กันเลยเพราะมันสนุกมากจริงๆ อากาศก็ดี (ติดหนาว) มีสีสันให้ดูเพลินตลอดทาง ไปปิคนิคกันบนเขาก็เป็นอะไรที่สนุกกว่าหลายเท่า (แม้จะหนาวจนเกือบนั่งไม่ติด) เราชอบที่ Bear Mountain และเคยเขียนบล็อกเรื่องปีนเขาหน้าฟอลล์ที่นี่ไว้ คลิกอ่านที่นี่
กิจกรรมต่างๆ ช่วงนี้จะเซาๆ ไปบ้าง แต่ winter market ก็เริ่มทยอยเปิดให้เดินเล่นกันแล้วตามปาร์ค หรือลานโล่งต่างๆ ที่หน้าร้อนเคยเปิด Farmers market ก็จะเปลี่ยนเป็น Winter Market ขายพวกเครื่องหนาว ของขวัญชิ้นเล็กๆ สำหรับซื้อให้กันวันคริสมาสต์ มุมนึงก็จะเป็นพวกอาหารง่ายๆ
ช่วงนี้จะเริ่มเห็นอาคารต่างๆ เริ่มเอาหัวกะหล่ำสารพัดสีมาปลูกแทนดอกไม้ เพราะกะหล่ำคือพืชหนึ่งในไม่กี่ชนิด ที่อึดและรอดฤดูหนาวที่หิมะตกโครมๆ ได้ไปจนถึงสปริงหน้าได้ ฟังดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไร แต่ก็ดีกว่าเห็นก้านต้นไม้โกร๋นๆ หรือไม่มีอะไรเขียวๆ ให้มองเลยอะเนาะ
มาช่วงนี้ แนะนำให้กินแอปเปิลกับแพร์นะคะ เพราะเริ่มเข้าหน้าเค้าแล้ว โดยเฉพาะแพร์ช่วงนี้จะหวานอร่อย ยิ่งใครได้ซื้อจาก Farmers Market จะอร่อยกว่าซื้อในซูเปอร์ฯ ลูกดำๆ แบบนี้แหละหวานฉ่ำนักแล
หน้าหนาว
ธค.-มีค.
หน้าหนาวนิวยอร์กนี่หนาวจริงจังนะ อุณหภูมิไม่ค่อยสูงกว่า 5C บางวันก็ติดลบ แต่นั่นไม่เท่าไร ตัวการจริงๆ ก็คือ “ลมหนาว” ที่พัดมาทีไร ให้ความรู้สึกเยือกและแหลมคมมาก วันฟ้าหม่นอากาศอาจจะเย็น แต่วันที่ฟ้าเปิด เดินกลางแดดเปรี้ยงแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเย็นเยือกยิ่งกว่า ดังนั้นเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อมกับการลุยหน้าหนาวด้วยนะ (มี tips เรื่องเสื้อหน้าหนาวอยู่ด้านล่าง)
ใครมาช่วงปลายมกรา – สัปดาห์แรกของกุมภาพันธ์ มีปรากฎการณ์ตั๋วบอร์ดเวย์แบบ 1 แถม 1!! ถูกและดีมีจริง ปกติตั๋วขี้หมูขี้แมวแบบนั่งไกลโพ้น ก็เฉียดร้อยเหรียญเข้าไปแล้ว ดังนั้นใครตั้งใจจะมาดูอยู่แล้วก็เข้าเว็บนี้เลย NYCgo.com เค้าจะมีสิ่งที่เรียกว่า Broadway Week ซึ่งในวีคนั้นจะจัดให้ละครบอร์ดเวย์ในนิวยอร์กมีการขายตั๋วแบบ 1 แถม 1 (ปี 2018 เริ่ม 20มกราปลายๆ – สัปดาห์แรกของกุมภา) … เสียดายที่เราชวดทั้งสองปีเลย ปีแรกคือไม่รู้ ส่วนปีที่สองคือมีเบบี๋ ไปดูไม่ได้ T^T
เดือนธันวาจัดเป็นอีกช่วงเวลาที่มีกิจกรรมให้ดูเยอะพอควร ที่จำได้แม่นๆ คือ Macy’s Easter Parade ซึ่งเป็นงานใหญ่ จัดในวันอีสเตอร์ เขาจะปิดถนนแถว 5th Avenue (งานอะไรก็มาจัดแถวนี้หมดเลยเนาะ) ให้ขบวนพาเหรดบอลลูนยักษ์ใหญ่ ใครจะไปดูก็ใส่เสื้อผ้าให้อุ่นเข้าไว้ จะได้ยืนดูสบายๆ ไม่ทรมาน พาเหรดกินเวลาเป็นชม.ๆ เหมือนกัน
บรรยากาศคริสมาสต์ สมัยเด็ก เวลายัยเอ๋น้อยได้ไปดูไฟคริสมาสต์แถวแยกราชประสงค์นี่คือตื่นตาตื่นใจสุด แต่พอโตขึ้น ได้มาเดินดูการตกแต่งตู้โชว์ การประดับต้นคริสมาสต์ในบรรยากาศของประเทศที่เค้านับถือคริสต์กันจริงๆ นี่มันคนละเรื่องเลยเนาะ 5555 เค้าแต่งกันเอาจริงและออร์แกนิกมาก จนทำให้บรรยากาศโดยรวมมันเฟสทีฟสุดๆ เหมือนในหนังเลย
ตามหน้าซูเปอร์ฯ จะมีคนเอาต้นคริสมาสต์มาวางขาย โอ๊ย….เห็นแล้วอิฉันก็อกสั่นอยากได้ แต่…ก็ตัดใจ เพราะพอหมดหน้า ถ้าเราไม่เอาไปทิ้ง ใบมันก็จะร่วงเกลื่อนในบ้านให้ต้องคอยเก็บอีก อย่าหาเหาใส่หัวนะยัยเอ๋น้อย (บูกระซิบมา)
Thanksgiving Sale! เป็นสุดยอดแห่งเซลประจำปีของนิวยอร์ก ลดเยอะ ลดยาว ลดมากที่สุด เราเคยไปห้าง Macy’s ตอนวันบ็อกซิ่งเดย์ อุแม่เจ้า แทบไม่มีที่จะยืนหายใจ แต่สนุกมาก!! ของลดราคาชนิดที่ว่าไม่ได้คิดจะไปซื้ออะไร ยังได้ของติดมือกลับมาจำนวนมาก ดังนั้นพลาดไม่ได้เลยนะ ช่วงนี้เขาเซลจริงๆ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยมีที่แบบต่อแถวยาวๆ ทนหนาวรอกันหน้าร้านกันมากเท่าไหร่ เพราะทางออนไลน์เขาก็เซลด้วยเช่นกัน ดังนั้นคนเลยสั่งทางออนไลน์กันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครไปที่ร้านได้ เขาก็จะมีพวกสินค้า Doorbuster คือลดเฉพาะที่ร้านเท่านั้น เพื่อดึงดูดให้คนไปจับจ่ายกันจริงๆ จ้า
อย่างนึงอยากบอกไว้ คือร้านรวงส่วใหญ่ (90% เลย) จะเปิดราวๆ 4-5 โมงเย็นในวัน Thanksgiving ดังนั้นตอนเช้าถนนหนทางจะเงียบเหงามาก เพราะร้านรวงเขาปิดกันหมด ถ้าใครไม่คิดจะมาดูพาเหรด ก็ไม่ต้องรีบตื่นมาช้อปนะ เดี๋ยวเก้อ

ดูต้นคริสมาสต์ที่หน้าตึก Rockefeller เป็นเหมือนเทรดิชั่นไปแล้ว ใครมาก็ต้องแวะไปถ่ายรูปสักนิด เพราะมันอยู่บนถนนฟิฟธ์ ยังไงเราก็ต้องไปแถวนั้นบ้างสักวันแหละ จริงๆ ตึก Reockefeller เค้ามีงานอาร์ตหน้าตึกสวยมาก และแต่ละด้านก็ไม่ซ้ำกันเลย แถมเอางานอาร์ตสวยๆ มาจัดแสดงเสมอ ไปทีไรก็มักจะได้เห็นอะไรสักอย่างเสมอ ไม่ควรพลาดค่ะ


Ice Skating นอกจากมีต้นคริสมาสต์ยักษ์แล้ว ที่ Rockefeller ยังมี ice rink ในตำนานให้คนเล่นในหน้าหนาว (กรี๊ด นึกถึงหนัง Serendipity เอ๊ะ…นั่นมัน Central Park!!) หนาว บรรยากาศจะล้อมรอบด้วยตึกสูง แต่ถ้าใครอยากเล่นสเกตในสวน โอบล้อมด้วยต้นไม้ ก็ต้องที่ Central Park หรือไม่ก็ Bryant Park เลยค่า


ส่วนนี้เป็นลานสเก็ตที่ Central Park ถ่ายในวันที่หิมะตกหนักจนคลุมเคลือบขาวโพลนไปทั้งสวน
การเล่นหิมะ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สนุก ปีที่เราอยู่มีหิมะตกในนิวยอร์กราว 10 ครั้งได้ และที่ตกแบบหนักๆ แบบพายุหิมะราว 3 ครั้งเองมั้ง ดังนั้นใช่ว่าพอคุณมานิวยอร์กหน้าหนาวแล้วจะเจอหิมะเสมอไปนะ และถ้ามาแล้วเจอแบบหนักๆ ล่ะก็ ให้พุ่งตัวไปเซ็นทรัลปาร์คเลอ(หรือปาร์คไหนก็ได้) หนุกมาก ไปกลิ้งตัวบนหิมะ ลื่นปรู้ดลงมาเหมือนเด็กๆ ก็ทำได้(ถ้าไม่อายใคร) ทุกอย่างจะขาวโพลนไปหมด ต้นไม้สลัดใบทิ้งไว้แต่กิ่งก้านแห้งๆ ยิ่งทำให้เหมือนเราอยู่ในนาร์เนีย ที่เราแปลกใจก็คือ…พอหิมะตก…อากาศจะอุ่นกว่าตอนหิมะไม่ตกซะอีก ดังนั้นใส่เสื้อขนเป็ดที่อุ่นที่สุด เอาผ้าพันคอหนาวสุดพันคอและหน้าไว้ แล้วออกมากันได้เลย


พูดถึงการแต่งตัวหน้าหนาวในนิวยอร์ก…บอกตรงๆ ว่าเราเองก็เพิ่งย้ายมาอยู่ประเทศที่มีฤดูกาลเป็นครั้งแรก และนิวยอร์กก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่หนาวเยือกที่สุดเมืองหนึ่งของโลก…อิเอ๋น้อยก็กลัวสิคะ เรามันสัตว์เมืองร้อน เราไม่คุ้นกับความหนาวเย็น…เราจะตายไหม????????????
บทสรุปก็คือ ครอบครัวตัวพีเสียเงินค่าเสื้อกันหนาวเยอะมากในปีแรกที่ย้ายมา เปลืองจีจี T^T แต่เทคนิคหลักๆ ก็คือ “ต้องมีเลเยอร์แยะๆ” เพราะแต่ละชั้นของเสื้อผ้าจะช่วยเก็บกักความอบอุ่นให้อยู่ในตัวเรา มือ-เท้า-หู ต้องอุ่นนะ ห้ามปล่อยให้เย็นเฉียบเด็ดขาด
สิ่งที่ทำให้เรารอดจากหน้าหนาวนิวยอร์ก มีดังต่อไปนี้
1.เสื้อ heattech ของ Uniqlo ใส่ไว้ด้านใต้สุดของทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ อยู่ในบ้านตูก็ใส่
2. ใส่เสื้ออย่างน้อย 4 เลเยอร์เวลาออกจากบ้าน (heattech / เสื้อยืดหนาหรือเชิ้ตผ้าสักหลาด / สเวตเตอร์หรือฟลีซ / ทับด้วยแจ็คเกตหนา)
3. ถุงมือแบบพลีซ ถ้ามีถุงร้อนก็เอาซุกเป่าเสื้อไปด้วย
4. ผ้าพันคอ ต้องมี เพราะคอจะทำให้เรารู้สึกหนาวสุดๆ มีผ้าพันให้อุ่นๆ ไว้จะรู้สึกสบาย เลือกแบบหนาๆ ใหญ่ๆ ไม่ต้องอายใคร บังหน้าได้ยิ่งดี
5. บีนนี่ หรือหมวกไหมพรม แล้วทับด้วยเอียร์มัฟฟ์ มันช่วยไม่ให้หูแข็ง เดินบนถนนได้สบายขึ้นอีกนิด
6. ถุงเท้ามูจินี่เอาอยู่นะ เราใส่สลับกับถุงเท้าปีนเขา
7. รองเท้าหนังอะใช้ได้ แต่เดินนานๆ หัวแม่เท้าจะแข็งชืดทรมาน ให้ดีต้องรองเท้า UGG หรือไม่ก็รองเท้าที่มีขนบุด้านใน จะอุ่นสบายเหมือนอยู่ในบ้าน
8. ช่วงล่าง ใส่ heattech รองด้านใต้ ทับด้วยกางเกงชีโน่เนื้อหนา
ทะนี้ก็รอดละ พกน้ำร้อนใส่กระติกออกจากบ้านไปด้วย จิบเวลาหนาวๆ ดีนักแล
