
เวลาเปิด-ปิด
หน้าร้อน (ไฮซีซั่น) ราวพค.-สค. 08.00 to 21.30 น.
หน้าหนาว (โลว์ซีซั่น) ราวมค.-มีนา และ ปลายตค. – ธค. 08.30-18.30 น.
เวลาอื่นๆ ของปี เปิด 08.00-20.00 น.
ค่าบัตร
ผู้ใหญ่ซื้อออนไลน์ 7 ยูโร / ซื้อหน้าสวน 8 ยูโร
เด็กไม่ถึง 6 ขวบเข้าฟรี
เด็ก 6-12 ปี ซื้อออนไลน์ 4.90 / ซื้อหน้าสวน 6.20 ยูโร
(ถ้าจะไปเที่ยวหลายที่ ลองสอบถามตั๋วแบบ Bundle ที่สามารถเข้าได้หลายที่ ราคาจะถูกกว่า)
การเดินทาง
สถานี Metro Vallcarca หรือ Lesseps จากนั้นเดินขึ้นเนินไปอีกราว 10-15 นาที บางช่วงมีบันไดเลื่อนให้
หรือหากต้องการมาด้วยเส้นทางอื่น ศึกษาได้จากลิงก์ของปาร์ค คลิกที่นี่
ความเป็นมาของ Park Güell (เรียบเรียงจาก Wiki + อ่านเพิ่มเติม)
ที่นี่จัดเป็นมรดกโลกในฐานะ “ผลงานของคุณอันตอนี เกาดี้”
ตัวปาร์คสร้างในปี 1900-1904 เริ่มแรกตั้งใจจะออกแบบให้เป็นสวนส่วนตัว
ของบ้านพักตากอากาศจำนวน 60 หลังบริเวณชานเมือง บนเนินเขาคาร์เมล
ซึ่งเป็นไอเดียของท่านเคาน์ Eusebi Güell (อันเป็นที่มาของชื่อสวน Park Güell หาdใครสงสัย)
แต่ไปไงมาไงไม่รู้ อยู่ๆ ก็สร้างบ้านได้แค่ 2 หลังโดยฝีมือการออกแบบของ
สถาปนิกชื่อ Francesc Berenguer (น่าแปลกที่ไม่ใช่คุณเกาดี้)
ที่ประหลาดกว่านั้นนิดๆ คือคุณเกาดี้ซื้อบ้านหลังหนึ่งที่สร้างเสร็จ (เป็นบ้านตัวอย่างด้วยนะ)
แล้วย้ายมาอาศัยอยู่กับครอบครัวระหว่างปี 1906-1926 (จนเสียชีวิต)
อนิจจามันน่าแปลกไหม สถาปนิกที่ใครต่อใครอยากให้ไปออกแบบบ้านให้
กลับอาศัยอยู่ในบ้านที่ออกแบบโดยอนอื่น อันนี้อิฉันแอบงง (หรือออกแบบบ้านให้คนอื่นจนเหนื่อยก็ไม่รู้)
ตอนนี้บ้านที่คุณเกาดี้เคยอาศัยอยู่ ถูกปรับให้เป็นมิวเซียมของเขา ตั้งด้านหน้าทางเข้านั้นแล
สวนเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมครั้งแรกปี 1926 (ปีที่คุณเกาดี้เสียชีวิต)
แม้จะไม่ได้ออกแบบบ้าน แต่สิ่งก่อสร้างอื่นๆ ภายในสวนได้รับการออกแบบโดยคุณเกาดี้เอง
แน่ล่ะ เขานำเอาวิศวกรรมโครงสร้างอันแปลกประหลาด รวมถึงรูปแบบต่างๆ จากธรรมชาติและเรขาคณิตมาใช้อย่างสนุก
ที่โดดเด่นสุด คงไม่พ้นการเอากระเบื้องสวยๆ มาทุบให้แตก แล้วหยิบมั่วมาต่อใหม่ให้เป็นรูปทรงต่างๆ
ซึ่งพออ่านรายละเอียดการก่อสร้าง ก็พบว่าเขาให้คนงานเป็นคนทุบและเลือกกระเบื้องต่างๆ เองเลย
อาคารด้านหน้ามีหลังคาทรวดทรงผิดมาตรฐาน เรารู้สึกว่าเหมือนมันเป็นบ้านขนมปังขิง
ที่มีครีมนุ่มๆ โปะบนยอด มีปล่องไฟลูกกวาดแสนน่ารัก เข้ากับบรรยากาศสวนที่เน้นให้ความรู้สึกสบายหย่อนใจ
ความรู้สึกส่วนตัว เกี่ยวกับ Park Güell
ด้วยความที่ที่นี่อยู่ห่างออกมาจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ พอควร (แต่ไม่ไกลมากหรอก)
เพื่อไม่ให้ไปแล้วเสียเที่ยว เลยอยากแนะนำอย่างยิ่งให้จองตั๋วก่อนไป (จองออนไลน์ประหยัดกว่าคนละ 1 ยูโรด้วยนะ!)
แต่ตอนไปเรายังด้อยประสบการณ์เลยไม่ด้จอง ตอนไปถึงมัน 10 โมง แต่บัตรเร็วที่สุดที่เข้าได้คือตอนบ่ายครึ่ง
เลยตัดสินใจจองตั๋ววันถัดไปตอน 9 โมงครึ่งแทน…แม้จะต้องเทียวไปเทียวมา ก็ยังดีกว่ารอตั้งหลายชม.
ใครซื้อตั๋วเวลาไหนก็มาให้ตรงเวลา พนักงานย้ำนักย้ำหนา ถ้ามาช้าเกินไป (น่าจะราวครึ่งชม.)
คุณจะอดเข้าเพราะมีการจำกัดคนในแต่ละช่วงเวลาไม่ให้มากเกินไป
อิฉันว่าจองตั๋วเช้าแล้วนะคือ 9.30 น….แต่พอไปถึงก็พบว่ามีคนเยอะพอควร
กลุ่มทัวร์จีนจับกลุ่มกันเรียงแถวถ่ายรูปคู่กับตัวซาลาเมนเดอร์สุดฮิต ชนิดที่ไม่สนใจจะถ่ายรูปมุมใดทั้งสิ้น
พอหันไปดูมิวเซียมคุณเกาดี้ด้านหน้า อูย…คนต่อแถวกันยาวเหยียด เพราะบ้านหลังเล็กไง เข้าได้ทีละไม่แยะ
เลยตัดสินใจเดินเล่นมันไปรอบๆ หนีคนบ้างไรบ้าง
ด้วยความที่เราเข้าสวนจากด้านหลัง จากบนเนินเขาคาร์เมลฮิลล์
เลยมีโอกาสเดินลงมาเรื่อยและพิจารณาสวนจากมุมสูง
ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเข้าสวนสนุกเป็นอย่างยิ่ง…
เพราะหลังคาบ้านด้านหน้านั่นไง! มันเหมือนบ้านในนิทานมากๆ
แบบนี้จะไม่รักคุณเกาดี้เหรอ ในเมื่อเขาออกแบบอะไรก็น่ารักตัลหลอด
และไม่ใช่แค่เรานะ ดูเหมือนทุกคนจะสนุกกับการได้วิ่งเล่นถ่ายรูป ฯลฯ ในสวนกันไม่รู้เบื่อ
ที่เราประทับใจที่สุดคือ main terrace ซึ่งเป็นลานกว้างๆ สำหรับจัดกิจกรรม
ซึ่งเขาออกแบบให้ฐานด้านล่างเป็นเสาที่เพดานตกแต่งด้วยศิลปะโมเสก เข้าธีมปาร์คทั้งหมดโดยรวม
เป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า แถมทำให้รู้สึกว่าที่นี่กว้างกว่าที่คิด
แน่นอนว่าสิ่งที่ติดใจที่สุด ก็คงไม่พ้นตึกหลังคาครีมสีขาวนุ่มนั่นแล โฮ่ๆ (พูดแล้วพูดอีกจะไม่รู้กันเลยเหรอ)
เน้นย้ำ ของที่ระลึกของคุณเกาดี้ที่นี่…ถูกกว่าที่อื่นๆ ในเมืองนิดหน่อย
ถ้าเจอถูกใจก็ให้ซื้อเลย ย้ำ! ถ้าเจอถูกใจให้ซื้อที่นี่เลย!





ระหว่างเดินลงมาก็ไม่รู้หรอก แต่มาอยู่ด้านล่างเท่านั้น ถึงบางอ้อ
ว่าถนนที่เราเดินจากบนเนินสู่พื้นล่าง ถูกค้ำยันโดยเสาเอียงพวกนี้
ที่คุณเกาดี้ออกแบบให้รู้สึกเหมือนเรากำลังเดินอยู่ในถ้ำ แถมเป็นการดีไซน์ในการถ่ายน้ำหนักถนนได้เจ๋งอย่าบอกใคร
ถ่ายรูปก็สนุก แถมเวลาถ่ายมีการเข้าคิวกันด้วยนะ เพราะจะได้ไม่มีคนอยู่ด้านหลังเรา
(ซึ่งพวกเราไม่ค่อยรอหรอก จังหวะไหนไม่มีคนก็ดีไป แต่ถ้าถ่ายติดคนก็ช่างมันเต๊อะ ^^”)












เห็นเสาต้นบะเลิ่มค้ำไว้แบบนี้ ชั้นบนคือ main terrace สำหรับกิจกรรมกลุ่มใหญ่
และเคยมีการจัดงานเต้นรำกันบนนั้นมาแล้ว ขณะที่ชั้นล่างไม่ปล่อยให้ว่างน่าเบื่อ
มีศิลปะโมเสกบนเพดานให้แหงนคอตั้งบ่าดูกันตลอด ด้วยความแปลกตาของเพดานพวกนี้
ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเกล็ดปลา? ฟองน้ำ? หรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ ที่คุณเกาดี้เขาไปได้แรงบันดาลใจมาก
ทำให้เราสัมผัสกับควมพิเศษ แตกต่างและมีเอกลักษณ์ของมันได้















2 thoughts