Let’s Go!
ทริปนี้เดินทางจาก สิงคโปร์ – Kuantan ด้วยสายการบิน Firefly
เพราะกะเที่ยว 2 เมืองคือ Kuantan และ Terengganu
ใช้วิธีเช่ารถ AVIS จากสนามบิน แล้วขับ 3 ชั่วโมงไปยัง Terengganu ก่อนคืนแรก
คืนที่สองค่อยกลับมาพัก Kuantan
การเช่ารถในมาเลเซีย
จองผ่าน AVIS online ได้ทันที ค่าเช่ารวมประกันทุกสิ่งประมาณ 1700 บาท
ค่าน้ำมันถูกมาก เบนซิน 95 อยู่ที่ประมาณ 20 บาท/ลิตร (ปี 2014)
พนักงานส่งรถแทบไม่มองใบขับขี่ด้วยซ้ำ
รถที่เราได้เป็นรถ Honda City ขับไปประมาณแสนโลแล้วมั้ง
คงเพราะสนามบินนี้ไม่ค่อยมีคนมาลงเท่าไร
จาก Kuantan ไป Teranggnau
มาเลเซียขับรถด้านเดียวกับไทย ถนนออกจากสนามบินแยกเลนกันขับสบาย
หนึ่ง ชม. ผ่านไป เริ่มเป็นแบบวิ่งสวน ชวนหงุดหงิดหัวใจมาก
เหมือนที่นี่ไม่จำกัดเวลาวิ่งรถบรรทุก เลยเห็นวิ่งกันอย่างครึกโครม
ถนนจะแยกและรวมสลับกันแบบนี้ไปตลอดทาง เปิดโอกาสให้รถเร็วกว่าแซงบ้าง
ระหว่างนั้นเราจะวิ่งผ่านจุดที่เป็นโรงกลั่นน้ำมัน ให้ความรู้สึกเหมือนเมืองในอนาคตบอกไม่ถูก
มัสยิดมีความสวยแปลกตา แตกต่างจากที่อื่นๆ ไม่เน้นสีแต่เน้นลวดลายทางเรขาคณิตสวยๆ
บางจุดจะวิ่งบนถนนเลาะริมทะเล สามารถแวะจอดเดินเล่นได้
Terrapuri Heritage Village
เพื่อนที่ทำงานคุณบูแนะนำที่นี่มาให้ เราก็จองไปโดยไม่รู้สักนิดว่า
มันคือโรงแรมเครือเดียวกับ Cameron Highlands Resort
ที่เพิ่งไปพักกันเดือนก่อน สงสัยชะตาจะต้องกัน ดังนั้นแน่นอนว่าพนักงานจะบริการน่ารักกันทุกคน
เจ้าของนอกจากจะมีกิจการรีสอร์ต ยังเป็นเจ้าของกิจการรถทัวร์ในมาเลย์ด้วย
เมื่อความรวย มารวมกับความชอบ เขาจึงกว้านซื้อบ้านไม้เก่าจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วมาเลฯ หลายสิบหลัง
แล้วนำมาซ่อมแซม ปลูกใหม่ให้เหมือนเดิมที่สุดเท่าที่ทำได้
ทำให้ที่นี่ละม้ายคล้ายพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านโบราณที่พักอาศัยได้จริง
มีแอร์ มีน้ำร้อน มีที่นอนนุ่มสบาย แต่ไม่มีทีวี และไวไฟก็สัญญาณแผ่วเบาราวจะขาดใจ
ด้วยความที่บ้านไม้แต่ละหลังอยู่ในวัยอาจุงม่า…อย่างบ้านที่เราพักก็ปาเข้าไปหลักร้อยปีเศษ
ทำให้มีโอกาสศึกษา รู้ว่าบ้านคนสมัยก่อนเค้าอยู่กันยังไง
ศิลปะการแกะไม้เพื่อสร้างลวดลายสวยๆ ให้กับบ้านก็น่าประทับใจมาก
รวมถึงการใช้วัสดุในท้องถิ่นมาสร้างบ้าน คนที่เรียนมาทางนี้คงจะสนุกน่าดู
ก้าวแรกที่ลงจากรถ รู้สึกขนพองอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะเป็นเวลาเย็นโพล้เพล้
แถมปากซอยที่ขับรถผ่านเข้ามา มีวัดและสุสานคนอิสลามด้วย (งืออออออ)
เมื่อรวมกับที่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีในการพักบ้านไม้เก่า ที่จ.เลย
ทำให้ใจเต้นตึก ตึก ตึก หน้านิ่ว คิ้วขมวดเป็นโบว์ กลัวที่สุดในสามโลก แถมวันที่ไปไม่มีแขกอื่นพักเลย
ดังนั้นสิ่งแรกที่ทำคือถามว่าบ้านพักพนักงานอยู่ตรงไหน
เผื่อฉันอยากส่งสัญญาณ SOS ร้องขอความช่วยเหลือจะได้ไปถูก ก็คนมันกลัวอ้ะ >__<
ปรากฎว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เฮ้อโล่ง!)
การไม่มีทีวีและไม่มีสัญญาณไวไฟ ทำให้เราเข้านอนกันไว และหลับสบายตลอดคืน
แอร์ในห้องเย็นดี ไม่มีแมลงไต่เข้ามาในห้อง ที่นอนนุ่มและไม่มีกลิ่นอับ
ฝักบัวแบบ Rain Shower ทำให้อาบสะใจ น้ำอุ่นตลอดเพราะใช้หม้อต้มขนาดใหญ่
ห้องน้ำใหญ่มากกก มีอ่างอาบน้ำไม้ให้ด้วย สุขภัณฑ์ก็ใช้ของดี
ในห้องมีแค่น้ำดื่ม แต่ไม่มีมินิบาร์ แต่มีตู้เย็นขนาดเล็ก กาต้มน้ำไฟฟ้าและชาพร้อมถ้วยให้
ข้อดีอีกอย่างคือ ชายหาดด้านหน้าที่พักสะอาด และไม่มีคนเลย
เสียอย่างเดียวไม่รู้แมลงหวี่มาจากไหนเยอะแยะ สงสัยเป็นแมงหวี่ต้นมะพร้าว
สรุปว่า
เป็นที่พักที่ค่อนข้างประทับใจ แต่ไม่เหมาะกับคนจิตอ่อนเป็นอย่างยิ่ง
เพราะตัวรีสอร์ตค่อนข้างห่างไกลผู้คน แต่ถ้าใครชอบบ้านเก่า ของเก่า
มาแล้วน่าจะชอบ
เราพักแบบ Half-board คือห้องพัก 1 คืน พร้อมอาหารเย็นแลอาหารเช้า สำหรับ 2คน
ราคาอยู่ที่ RM578
พนักงานพาชมโดยรอบ หลังจากเช็คอิน
Reading Room มีสัญญานไวไฟแรงสุด แต่ก็แผ่วเหลือใจ
มุมจากส่วนรีเซฟชั่น แกะไม้ได้สวยมากเลย
ห้องรีเซฟชั่น ดัดแปลงมาจากบ้านไม้หนึ่งหลัง
ตรงกลาง ริมห้องอาหาร คือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ หน้าตาสะอาดเชียว
สระว่ายน้ำ รายรอบด้วยบ้านไม้หลายหลัง
ตอนไปพนักงานพูดอย่างภาคภูมิว่า “มีสระว่ายน้ำด้วยนะคะ”
เอิ่ม…อากาศหนาวอ่าค่ะ คงจะไม่ว่าย … อันนี้ตอบในใจนะ กลัวเค้าเสียใจ
บ้านที่เราพักคือหมายเลข 1 เป็นบ้านเตี้ยๆ ติดกับรั้ว และใกล้บ้านพักพนักงาน
มีส่วนระเบียงกว้างด้านหน้า ห้องพักด้านใน เข้าใจว่าเขาต่อเติมส่วนห้องน้ำยื่นออกไป
ทำให้ห้องน้ำมีขนาดใหญ่ ใช้สบายมาก ๆ
เตียงสี่เสา นุ่มสบาย สะอาดสะอ้าน
ภาพนี้ถ่ายตอนเช้า เพราะตอนเข้าห้องครั้งแรก
จิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว กลัวไปทุกสิ่งอย่าง เลยไม่ได้ถ่ายอะไรไว้
ตู้ทางด้านขวา มีของพื้นเมืองจัดวางไว้ ใครจะซื้อก็สามารถซื้อได้
มีอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างให้ครบครัน
ชอบตรงมีสบู่นกแก้วให้ด้วย มันคลาสสิกมากบอกเลย
อ่างอาบน้ำไม้ น่าใช้งานมว้ากก …
อาหารเย็นที่เค้าเตรียมให้ค่ะ … ที่นี่จะใช้แม่ครัวในพื้นที่มาทำ
อาหารก็จะง่ายๆ คือมีผัดผัก กุ้งผัดซอสมะขาม ไข่เจียว ปลาผัดเปรี้ยวหวาน และซุปไก่
ซุปไก่ของมาเลฯ จะค่อนข้างมันมาก รสจะละมุนๆ ไม่เปรี้ยว ไม่เผ็ดอะไร
แต่ที่ขำคือ ของหวานหลังอาหาร มีลูกชิ้นปลาทอดมาให้ด้วย … คือแบบ มันคาวป้ะ?
กินไปขำไป แต่ Terengganu เค้าขึ้นชื่อเรื่องลูกชิ้นปลา และข้าวเกรียบปลามาก
เนื่องจากเป็นเมืองติดทะเล มีปลาแยะ จะเห็นร้านขายของพวกนี้ริมทางแยะมาก
ลองซื้อข้าวเกรียบปลามาก็กินอร่อยเหาะ ขอบอกเลย ห้ามพลาด
สุดยอดไฮไลท์ของการพักที่ Terrapuri ก็คือการเห็น “ครอบครัวหมูป่า”!!!!
ตอนแรกเราเดินเล่นริมรั้ว อยู่ๆ ก็เห็นตัวอะไรดำๆ วิ่งโหยงๆ เรียงกันเป็นแถว
จากป่าริมน้ำ ไปที่ลานกว้างในสวนมะพร้าว
พอรู้ว่าเป็นหมูป่าก็แทบจะกรี๊ด เพราะมันน่ารักมาก มีทั้งพ่อแม่ แล้วก็ลูกเกือบสิบตัว
ยืนมองอยู่เป็นนานเลย สักพักครอบครัวหมูป่าก็พากันวิ่งไปที่อื่น
ยามเช้า…ริมทะเล
ปกติเราไปเที่ยวที่ไหน ไม่ค่อยขยันตื่นเช้ามาดูอาทิตย์ขึ้นกันหรอก
แต่เพราะเราเข้านอนกันเร็ว เลยตื่นกันได้ไม่ยาก แถมมุมหน้ารีสอร์ตเหมาะสำหรับส่องอาทิตย์ขึ้นมาก
แถมบนหาดก็มีแค่เราสองคน … : )))))
เดินเล่นกันหนุงหนิง…
ปล่อยเงาทอดยาาาาาาาาาาาาววววว….
อาหารเช้า บนบ้านสูงริมสระน้ำ บรรยากาศดีมาก
ผัดหมี่อันนี้ ตอนแรกไม่แน่ใจ แต่พอไปพักอีกโรงแรมนึง
เห็นในไลน์บุฟเฟ่ต์ เลยฟันธงได้ว่า เป็นอาหารเช้าของคนมาเลฯ
อารมณ์คงคล้ายๆ แมกกี้หมี่
ก่อนกลับเราเดินเล่นกันรอบๆ รีสอร์ตอีกครั้ง
เก็บของออกเดินทาง จุดหมายถัดไปคือ “เดินเล่นเมือง Terengganu” : )