ครอบครัวพร้อมใจกันตื่นเกือบ 8 โมง
กินอาหารเช้าขนมปังลูกเกดจากร้านที่ซื้อใน Brugge ชื่อร้าน Aux Merveilleux de Fred ซึ่งเป็นสาขามาจากฝรั่งเศส พวกเรากินครั้งแรกตอนไปปารีส พอบูเห็นสาขาที่นี่ก็รีบเดินเข้าร้านไปซื้อทันที 555 ขนมปังนี้เค้าขึ้นชื่อ มีคนไปต่อแถวยาวๆ รอซื้อตลอด แนะนำให้ลอง

วันนี้ซื้อตั๋วรถไฟแบบ 1 day pass เพราะคิดว่าน่าจะไปนั่นนี่หลายแห่ง
วันก่อนเราโชว์รูปที่ถ่ายมาจากโปสการ์ดร้านนึงให้บูดู (ไม่มีการลงทุน!) เป็นภาพตลาดวินเทจที่ใหญ่และน่าไปมาก วันนี้วันเสาร์พอดี บูเลยพานั่งแทรมไปตลาดวินเทจนั้น ซึ่ง….เดินสนุกมาก! ของเยอะมาก มีทั้งของคัดแล้ว ของที่โละมาเป็นลังๆ ของดี ของแปลกตาบ้าง จานชามที่นี่ลายไม่มุ้งมิ้งเท่าอังกฤษ แต่มีของ ที่ไม่เคยเห็นมากอยู่ ราคาที่นี่จะไม่ได้ถูกเหมือนได้เปล่า แต่ก็ไม่แพงนะเราว่า โดยเฉพาะถ้าเทียบกะปารีส และการที่ตลาดนี้จัดอยู่ในจัตุรัสกลางเมืองล้อมรอบด้วยตึกเก่าแก่ ยิ่งทำให้มันขลังไปอีก
ใช้เวลาในการกรี๊ดกร๊าดพักนึง ได้กรอบรูปลูกไม้มาอันนึงราคา 5 ยูโร คิดว่าถ้าตั้งใจต่อราคาก็คงได้อีกนิดเดียว แต่เราขี้เกียจละ แค่นี้สติจะดูของก็ไม่ค่อยจะมีเพราะกลัวหมีจะเบื่อจนวีนขึ้นมา ชวนลงมาเดินเล่นก็ไม่ยอม ที่เลือกกรอบลูกไม้เพราะอยากซื้อเป็นของที่ระลึก เห็นร้านลูกไม้ขายกรอบรูปละ 4-50 ยูโรแน่ะ (โอเค มันอาจจะละเอียดกว่าแต่นะ…) ระหว่างนั้นหมีกินกล้วยไป 1 ลูก ลมพัดแรงโฮกๆ อากาศหยั่งหนาวเยือกมาก ตอนแรกคิดว่าวันนี้จะอุ่นขึ้นซะอีก ถึงกะต้องเอาพลาสติกกันฝนลงคลุมกันลมให้หมี




หลังดูตลาดเสร็จ บูพาเดินไป comics figures มิวเซียม (moof museum) ซึ่ง…มีแต่ฟิกเกอร์จริงๆ มันเป็นมิวเซียมสำหรับผู้ใหญ่มากกว่า เพราะมีแต่ฟิกเกอร์โชว์อยู่ในตู้ เป็นคอมมิคส์สัญชาติเบลเยี่ยมทั้งหลาย หมีได้เดินบ้าง แต่เดินไปครึ่งทางก็ร้องหาของกิน คือมันไม่มีอะไรให้เค้าจับต้องออกมาเล่นได้เลย แต่พวกเราก็เสี่ยงมาเพราะคิดว่าอาจจะเวิร์ก สรุปคือไม่เวิร์กสำหรับเด็กนะคะ ค่าเข้าแพงเชียวคนละ 12 ยูโร





บูพาไปดูเด็กฉี่
นางบอกว่าสมัยเด็กๆ ตอนมากับแม่ งงมากว่าทำไมเด็กฉี่คือสัญลักษณ์ของเบลเยี่ยม กระนั้น…นางก็ยังพาเรามา ฮ่าๆๆ พวกเราเดินไป town square โฉบซื้อฟริตซ์ใส่ห่อกระดาษกินสักครั้งเพื่อบรรยากาศ เป็นร้านทางผ่านที่ดูดี ทั้งหมดราคา 3 ยูโรแบบราดเมโย ถ้าไม่ราดคิดแค่ 2 ดีที่ฟริตซ์มาแบบไม่ร้อนจัด หมีกินได้เลย และกินไป 3 แท่ง ส่วนพ่อแม่ก็ใช้ส้อมจิ้มแบ่งกันกินจนหมด เดินไปเรื่อยๆ กินปากเกรอะไปเรื่อยๆ
พอไปใกล้ๆ เด็กฉี่ก็ตกใจ เนื่องจากเห็นคนออเต็มล้น (อ่านในบล็อกก็ว่ามีคนนะ แต่ทำไมของจริงเยอะม๊าก) อ๋อ ที่แท้เค้ากำลังเปลี่ยนเสื้อใหม่ให้เด็กฉี่อยู่ คนเลยหยุดดูกัน เราก็เลยขี้เกียจรอเพราะขืนรอคนขนาดนี้คงไม่สนุกจะถ่ายรูปหรอก ให้หมีถ่ายกะเด็กฉี่ทีร้านวาฟเฟิลข้างๆ แทนไปเลย มีให้เลือกซ้ายขวา จะเอาแบบช็อคโกแลตหรือวาฟเฟิลเลือกได้





ไปกินอาหารกลางวันกันที่ร้าน chez leon คือเป็นร้านที่ได้ลงมิชลินไกด์ ทางร้านมีสองส่วนคือส่วนเริดๆๆ กะส่วนล่กๆๆๆ แน่นอนว่าเราต้องเข้าส่วนล่ก เพราะกลัวหมีจะกรีดร้องในร้านที่เงียบกริบ ร้านนี้เค้าดังหอย moules เราก็สั่งมาหนึ่ง กับไก่ในแป้งเพสตรี้ชื่อ Volauvent อีกหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ควรลองเมื่อมาเบลเยี่ยม
อร่อยทั้งคู่ หอยบ้านเมืองนี้คือไม่มีกลิ่นคาวเลยจ้ะ กินได้เลยล้านเปอร์ฯ ไม่คาว มากะซุปเค็มนิดๆ และฟรายส์ไม่ใส่เกลือ ทำให้ทุกสิ่งลงตัวมาก (ฟรายส์ทอดได้เพอร์เฟ็กต์มาก อร่อยกรอบนอกนุ่มใน กินไปไม่มีเลี่ยน)
ระหว่างกินหอยก็หันไปเห็นคุณป้าโต๊ะข้างๆ สั่งมาเหมือนกัน วิธีการกินของคุณป้าคือ แกะๆๆๆๆ เปลือกออกจนหมดก่อน เพื่อให้เนื้อหอยได้จุ่มอยู่ในน้ำซุปทุกตัว แล้วค่อยๆ ตักกินกะฟรายส์…เออว่ะ อิเราก็สงสัยเหมือนกันว่าหอยตัวบนๆ มันแห้งแล้ว จะเอาจุ่มซุปที่อยู่แค่ก้นหม้อก็เกะกะติดเปลือกตัวอื่น เลยต้องกินไปแบบนั้น รู้งี้ทำแบบคุณป้าดีกว่า ใช้เวลากินน้อยกว่าด้วยเพราะจะได้รีบแกะๆๆๆ เปลือกมันรอบเดียวเลย (ตบเข่าฉาด)
หมีกินน้ำส้ม(ผสมน้ำเปล่า) ด้วยแก้วเบียร์ แล้วชอบใจมาก บอกว่าตัวเองกำลังกินเบียร์อยู่ (คงเพราะเห็นด๊ากินเป็นประจำ) เดี๋ยวนี้รู้หมดละ ไหนเบียร์ ไหนไวน์
สรุปว่าอาหารร้านนี้อร่อยดี บรรยากาศคลาสสิกๆ มีเก้าอี้เด็ก อาหารมาเร็ว คนล้งเล้ง เหมาะกับคนมีลูกเล็ก






ออกจากร้านอาหารให้หมีเดินแป๊บนึง แต่วันนี้อากาศเยือกมากและลมแรง
หมีเลยเอาแต่พูดว่า “นั่ง” สักพักงอแงมาก เลยให้นั่งบั๊กกี้ พวกเราเลี้ยวเข้าคาร์ฟูร์เลือกของฝาก (จำพวกคุกกี้แห้ง) เลือกซื้อผลไม้พวกเบอร์รี่เก็บไว้ให้หมี เพราะคาร์ฟูร์เล็กแถวบ้านไม่มี
พอออกจากคาร์ฟูร์ก็หลับป๊อก (ก่อนนอนบอก “ไม่นอนๆ”) พวกเราแพลนกันไปต่อที่ Atomium เพราะเป็นแลนด์มาร์กอะเนาะ
แต่ขณะนั่งรถแทรมไป หมีตื่นกลางครัน คงเพราะอากาศในรถไฟมันอุ่น แต่ตัวเค้ายังอยู่ในแด้มันเลยร้อนจนต้องตื่นขึ้นมางอแงเพราะนอนไม่อิ่ม ก็ปลุกปลอบกันไป ให้กินแอปเปิลที่เหลือไป กินขนมไป อ่ะๆๆ ใกล้ถึงสถานีที่ต้องลงแล้ว
อ้าว…ฝนเริ่มปรอยเว้ยเฮ้ย
อากาศหนาวเยือก ลมพัดตึง นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่…ช่างเป็นอากาศที่ไม่เหมาะกับการมาเดินเตร่ข้างนอกเลยแม้แต่นิดเดียว
บูบอกว่าสมัยเด็กมันก็มีแล้วนะ Atomium อะ ตอนนั้นมันก็สร้างมานานแล้ว แต่เราว่ามันยังดูใหม่อยู่เลยนะ ดูดีเลยแหละ เอ้ารีบถ่ายรูปกับ Atomium สามแชะแล้วก็รีบดิ่งเข้าไปที่ Design Museum ที่อยู่ติดกันทันที!
คือตอนบูอ่านรีวิวก็บอกว่ามิวเซียมนี้มันไม่ได้มีอะไร เราเลยไม่อยากไป แต่ในเมื่อตอนนี้ฝนตกและไม่มีทางไป เราก็ไปข่ะ…เอ้ารีบๆๆ จ้ำๆๆ เข้ามิวเซียม ฝนจะตกแล้วววว
Design Museum เป็นมิวเซียมที่มีนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับของดีไซน์พลาสติก และนิทรรศการหมุนเวียนตอนนี้คือโปสเตอร์พังก์ ค่าเข้ามิวเซียมคนละ 10 ยูโร
ถาวรนี่โอเคนะ ของดีไซน์เค้าเยอะอยู่ เดินดูสนุกได้เรื่อยๆ แม้ระหว่างเดินเราต้องห้ามไม่ให้หมีปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ (ดีไซน์ที่เค้าโชว์อยู่)
เดินไปหมีบอก “เก้าอี้” “นั่งกินข้าว” “โต๊ะ” บอกย้ำๆ พูดเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ แล้วก็ปรู๊ดไปดูอันอื่น
เดินไปเดินมาสักพัก
“คาหนม”
จ้า…
ไปล้างแบล็คเบอร์รี่ที่ซื้อมาจากคาร์ฟูร์ให้นั่งบั๊กกี้กิน…แพ้บเดียวหมดกล่องจ้า!!!
กินเสร็จจะออกจากมิวเซียมก็ไม่ยอมให้ใส่โค้ต ไม่พอยังนอนพื้นประท้วงอีก มี้ก็รอไปจนนางยอมใส่เสื้อเอง ไม่ได้บังคับขืนใจอะไร พร้อมเมื่อไรเราค่อยออก




อ้าวพอจะออก ฝนดันตก (ฮ่วย…)
พวกเราดูพยากรณ์อากาศก่อนมา เลยเตรียมเสื้อโค้ตแบบกันฝนได้กันมาด้วย พอฝนตก็ใส่โค้ตใส่ฮู้ดดี้ แล้วก็เดินฝ่าฝนไปแบบนั้นแหละ เพราะบางทีกางร่มมันก็จะปลิว
ขึ้นรถไฟกลับรร พอถึงสถานีใกล้รร ลงแวะร้านช็อคโกแลตดูเล่นๆ ซื้อบิสกิตกะขนมไข่ใส่เนยหอมฉุยชื่อ Breton ซื้อเสร็จหมีรอขอจิกกินอยู่แล้ว จึงแกะแจกคนละชิ้น…เฮ้ยอร่อยม๊าก หอมเนยมาก และป่นม๊าก หันไปเห็นหมีอีกทีคือขนมกระจุยผุยผงทั่วเสื้อ ทว่าคำพูดที่หลุดจากปากหมีคือ
“เอาอีก”
จ้า….


เอาหมีไปวิ่งวนๆ ไปซูเปอร์ฯ ได้ขนมกรอบ มะม่วงอบแห้งและอะไรต่ออะไรมาเป็นการต่อชีวิตไป แวะกลับไปพักที่รร.ก่อนอาหารเย็น เพราะร้านส่วนใหญ่เปิดหกโมง ระหว่างยังอยู่รร. หมีพูดคำเดียวว่า “กินข้าวที่บ้านๆ” คงเพราะเบื่ออาหารนอกบ้านที่เน้นฟรายส์ติดกันมาสองสามวันแล้ว ดังนั้นคุณบูจึงมีมิชชั่นนั่งหาร้านอาหารจีนให้จงได้
โชคดีที่รร.อยู่ไม่ไกลจากย่านที่พอจะเรียกว่าไชน่าทาวน์ของเค้า
ออกไปกินอาหารจีนแต้จิ๋วชื่อ Beijingya เฮ้ยอร่อยมาก เป็ดย่าง ผัดผัก ข้าวสวยร้อนๆ กินกะซอสพริกเผาเผ็ดแซบ! หมีกินเกี๊ยวคนเดียว 4 ตัว (หมดชาม) ข้าวสวยอีกจำนวนนึง เป็ดอีกชิ้น คงคิดถึงข้าวเหมือนกันแหละ อิแม่กินข้าวสวยไปสามชาม! สรุปฟินทั้งครอบครัวตอนออกจากร้าน
ออกจากร้าน แวะซูเปอร์จีน กะเดินเล่นๆ ปรากฏได้ทาโร่มาถุงนึง กะมี้ได้มาม่ามาสองถุง เอาไว้กินตอนเช้า (เป็นธรรมเนียมหรือไงไม่รู้ ตอนไปปารีสก็กิน แต่อยู่บ้านไม่ยักกินนะ คงกินแก้เลี่ยนแหละ)
ปิดท้ายด้วยรูปติ่งๆ