


สนามบิน Bergen
เป็นเมืองเล็กๆ ลงเครื่องมาก็เจอตม.เลย คนขาเข้าก็เดินปนๆ กับคนขาออกที่กำลังรอจะขึ้นเครื่องแบบชุลมุนชุลนังนิดๆ เออเป็นอะไรที่แปลกตาดี สมกับเป็นประเทศที่ให้สิทธิเสรีภาพเท่าเทียม (หรือเราบินแบบโดเมสติกก็ไม่รู้ เลยไม่ค่อยมีพิธีรีตอง เพราะต่อเครื่องมาจากลอนดอน)
ชั้น 1 มี information ให้นักท่องเที่ยวถามทาง (บูเดินเข้าไป) มีเครื่องแลกเปลี่ยนเงินอัตโนมัติ (รับเงินไทยด้วย) มีเคาน์เตอร์เช็คอินและ luggage drop มีร้านสะดวกซื้อเน้นขายน้ำและขนมร้านนึง (เราเดินเข้าไป) ช็อกเมื่อพบว่า…น้ำเปล่าครึ่งลิตรขวดละ 26 NOK (ราว 100 บาท!) วิ่งไปฟ้องบูที่ information บูยุ่งซื้อบัตร Bergen Pass อยู่

บัตร Bergen Pass
มีให้เลือกตามระยะเวลาการอยู่ เค้านับเป็นชั่วโมงคือ 24/46/36/72 ชม. พวกเราซื้อ 48 ชม. ข้อดีคือบัตรนี้ใช้นั่งแทรมจากสนามบนิเข้าเมืองได้ เข้ามิวเซียม แกลอรี่ อะแควเรี่ยม และลดอะไรได้อีกหลายๆ อย่าง
บูยืนจิ้มซื้อพาสออนไลน์ (ด้วย wifi free) ก็เพราะตรงเคาน์เตอร์นี้เค้าไม่ขาย แต่เป็นแค่ pick up point ดังนั้นถ้าเราอยากจะเริ่มใช้บัตรนั่ง tram จากสนามบินเข้าเมือง เราก็แค่ซื้อออนไลน์ให้เสร็จก่อน แล้ว pick up จากคุณพนง.ได้ทันทีนั่นเอง (แอบวุ่นวายนิดๆ เนาะ แนะนำให้ซื้อออนไลน์ก่อนมา เพื่อความพลิ้วในการเดินทาง)
จริงๆ การนั่งบัสเข้าเมืองอาจจะเร็วกว่า แต่เราต้องเสียตังจ่ายค่าบัสเพิ่ม (เที่ยวละ 100 NOK! ขณะที่มี Bergen Pass จะได้ขึ้นแทรมฟรี แถมยังได้ดูเมืองไปเรื่อยๆ แต่ละสถานีมีประกาศชื่อ มีดนตรีนำขึ้นมาแบบไม่ซ้ำกันด้วย เราก็ฟังไปดูชื่อสถานีไป เออมันออกเสียงแปลกดี บางทีก็ไม่ตรง บางอันก็ควบกล้ำ) ดูไปดูมา หนังตาชักหย่อน สัก 3 สถานีก่อนถึงปลายทาง (bypargen) อิฉันก็อิงไหล่คุณบูหลับข่า ไม่รู้น้ำลายยืดเปล่า แต่ช่างเหอะแก่แล้ว ไม่ต้องสนใจใคร ทำไงได้มาไฟล์ทอิหลักอิเหลื่อ ทำให้ได้นอนแค่ 1 ชม.จากทั้งหมด 8 ชม.เหอะ
ปล.สถานี Tram จะอยู่ด้านนอกอาคารสนามบิน ต้องเดินออกไปราวๆ 5 นาทีจะเจอ


รร.Sandic bypargen
Scandic เค้าเป็นเชนโรงแรมในสแกนดี้ ที่เน้นโลเคชั่นใกล้สถานีรถไฟในเกือบทุกเมืองที่เราไป ดังนั้นพอออกมาปุ๊บนี่ก็แทบจะถึงโรงแรมเลย ที่จองเพราะรีวิวเขียนว่าอาหารเช้าเลอเลิศมาก 55555 คือมีอาหารท้องถิ่นนอร์เวย์ให้กินครบ เห็นแก่กินสุดๆ อะ
เราจองห้องเล็ก (ใหญ่กว่ารร.มาตรฐานญป.นิดนึง) ได้วิวไม่ดี (ติดตึก) ทำไมเวลาจองผ่าน expedia หรือ booking ห้องถูกสุดถึงไม่เคยได้วิวดีเลยล่ะ (คำตอบอยู่ในคำถามแล้วป่ะ? 55555) แต่คงไม่ได้อยู่ห้องนาน เลยไม่ค่อยใส่ใจ กระนั้น…ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องนอนเค้าดี นุ่ม อุ่น ผ้าดีไม่สากเลย เมื่อรวมกับน้ำอุ่นไหลแรง ท่อห้องน้ำไม่ตันแล้ว อิฉันพอใจโรงแรมนี้มากค่ะ

เอาเป๋าวางปุ๊บ ล้างหน้ายังไม่ทันหายเปียก คุณบูชวนออกไปซื้อซิมทอสับจะได้มีเน็ตใช้ เราก็เออเห็นฟ้าสลัวๆ สติไม่มีจะคิดตรึกตรองอะไรเพราะง่วงมาก เลยคิดเอาเองว่ามันน่าจะสัก 5 โมงเย็นแล้ว รีบออกไปเดินเล่นหาอะไรกินสักหน่อยก่อนดึก จะได้รีบกลับมานอน จึงลากสังขารในเสื้อผ้าเน่าๆ กางเกงผ้ายืดที่ใส่นั่งเครื่อง ออกจากรร.ไป เพื่อที่บูจะบอกว่า
“เพิ่งบ่ายสามเอง ร้านยังไม่ปิด เราน่าจะเที่ยวได้หลายที่อยู่นะ”
ห๊ะ! นี่ฉันยังต้องเดินเที่ยวอีกพักใหญ่กว่าจะได้นอนเหรอเนี่ย โอย แงงงงง อะไรกัลลลลลลลล….เปลี้ยมาก

ซิมมือถือ
ถ้าเป็นนทท. ซื้อจาก 7-11 หรือร้านสะดวกซื้อจะดีสุด เพราะถ้าซื้อจากร้านทอสับเราต้องมีไอดีคนที่นี่ (เจ้าของร้านทอสับบอกมา) ตัวซิมไม่แพงนะคือ 49 NOK แต่มันไม่ได้มาพร้อมเน็ต เราต้องเติมเน็ตเอง เราจะอยู่นอร์เวย์กัน 12 วันเลยซื้อ 3GB ในราคา 149 รวมๆ แล้วก็คือ 198 NOK
ปัญหาคือ ซื้อแล้วอาจต้องใช้เวลาถึง 24 ชม.ในการเปิดซิม และถ้าซื้อวันศุกร์ตอนค่ำ(เช่นเรา) ติดเสาร์อา อาจจะต้องรอวันจันทร์โน่นแน่ะ ถึงจะได้ใช้! โอนี่รึ ระบบของประเทศพัฒนาแล้ว อยู่ฮ่องกงสิงคโปร์ ซื้อไม่ถึง 15 นาทีก็ใช้ได้แล้ว เขารองรับแต่นักท่องเที่ยวโลคัลรึไง
และที่หนอนหนูที่สุดก็คือ เรารอกันจนวันอังคารก็ยังใช้ไม่ได้ จนคุณบูต้องโทร.ไป call center ของอิบริษัทมือถือ ถ่ายรูปแอปที่กรอกตอนซื้อส่งไปให้เค้าเองถึงจะใช้ได้ สรุปเป็นไปได้ว่าพนักงานเซเว่นจะไม่ได้ส่งไปที่ศูนย์ให้ หรือไม่ก็ส่งผิดที่…อยากจะบ้า ดังนั้นใครซื้อก็ระมัดระวังไว้นิดนึงนะ ยืนดูจนกว่าจะเห็นตำตาว่าเค้าส่งให้แล้วจิงๆ เพื่อความชัวร์
ตลาดปลา
Bergen เป็นเมืองเล็กๆ นะ แหล่งท่องเที่ยวมีไม่กี่ที่หรอก และตลาดปลาก็เป็นหนึ่งในอันดับท้อปที่เราต้องเจอ เพราะจะเดินไปไหนก็เหมือนจะผ่านหรือเฉียดตรงนี้ตลอด เพราะมันอยู่ใกล้ Town square บูพามาที่นี่เป็นที่แรกเพราะหิว…ชีวิตครอบครัวตัวพีนี่วนเวียนกับเรื่องอาหาร ไม่ก็การปีนเขาตลอดนะ

เอาล่ะสิ อากาศแปรปรวนขั้นเทพตามประสาเมืองที่ล้อมรอบด้วยทะเล นาทีออกจากรร.นี่ครึ้มฝนตกซู่ๆ ต้องกางร่ม พอเข้าไปหาซิมมือถือออกมาอ้าวฝนหยุด
อีก 10 นาทีแดดเปรี้ยงเข้าหน้าจนตาหยี คิดว่ารอดแล้วนะ
อีกไม่เกิน 20 นาทีอ้าวฝนลงเม็ดอีก…เอ็งจะเอายังไง๊ งงชีวิตไปหมดแล้ว จะให้เก็บร่มดีหรือไม่คะตอบ!
นอกเรื่องไปบ่นดิินฟ้าให้ใครฟังมิทราบคะคุณเอ๋น้อย?
ตลาดปลามี 2 ส่วนคือในอาคารกับ Outdoor
แต่ที่คนชอบไปเดินเล่นและนั่งกินคือส่วน outdoor คงเพราะมันดูคึกคักกว่า ส่วนใหญ่เน้นขายแต่อาหารทะเลจี่บนกะทะร้อน และ open face sandwich เย็นๆ ไม่ได้มีพวกซุปหรืออาหารตามสั่งให้ทานเท่าไร นอกนั้นก็มีพวกของที่ระลึกเอากลับบ้านเช่น เนื้อปลาวาฬซีลสุญญาญากาศ ไข่ปลาคาเวียร์ ไข่ปลาแบบหลอดบีบกินกับขนมปัง ปลาแห้งหน้าตาแปลกๆ (จริงๆ ละคือปลาค็อด) ที่คนเอาไปต้มให้เนื้อกลับมาฟูอีกครั้งสำหรับทำอาหารในหน้าหนาว
เดินๆ ดมๆ สุดท้ายตัดสินใจเลือกร้านนึงตรงหัวมุม สั่งปลาค็อด แซลมอน กับ monk fish จี่บนกะทะร้อนกินกับผักสับ (สับซะเล็กจนถามบูว่า นี่สลัดกินได้ หรือแค่มีไว้รองจาน?) แล้วก็สั่งขาปู king crab มาอันนึง สไปร์ทขวดนึง เบียร์ขวดนึง สนนราคา 800 NOK
…แพงเนาะกะแค่อาหาร 2 จานข้างล่างเนี้ย… (ราว 3600 บาท) ตอนแรกก็นึกว่าเป็นราคาปกติของที่นี่
ปรากฎมารู้ตอนหลังว่า “ราคาอาหารแผงที่ขาย outdoor แพงกว่าใน Indoor มาก!” ดังนั้นใครมาอย่าหลงผิดเชื่อพ่อค้าแม่ค้าด้านนอกเหมือนเรา ให้เข้าไปสั่งด้านในจะดีกว่า อาหารอร่อยกว่า ราคาถูกกว่า คุณภาพการปรุงอาหารก็ดีกว่ากันเยอะ…เชื่อรุ่นพี่ไว้ไม่ผิดหวังนะฮะ (วันถัดมาเรากิน indoor ราคาราว 500 NOK)
กินอิ่ม เช็ดมือจนสะอาด กินสไปร์ทล้างคาวซีฟู้ด บูจูงจมูกเราไปเที่ยวที่ Bryggen ต่อ (ฮือออ ง่วงงง)

Bryggen
คือมรดกโลกเลยนะ ตอนแรกเราก็ว่าเอ๊ะทำไมคนชอบกันจัง คืออาคารไม้เก่าแก่พวกนี้ก็สวยงามดี แต่ข้างล่างมันก็มีแค่ร้านขายของที่ระลึก? (แถมเป็นร้าน Dale of Norway ซะส่วนใหญ่) แล้วก็ร้านอาหารสองสามร้าน แค่ยืนถ่ายรูปด้านหน้าแชะๆ แล้วคงไม่มีอะไรล่ะมั้ง



ปรากฏยัยเอ๋น้อยชอบสุด เพราะนอกจากร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกที่เน้นเสื้อไหมพรม อาภรณ์อบอุ่นทั้งหลาย และของที่ระลึกจำพวกกวางมูสแล้ว พอเราเดินเข้าไปด้านใน จะพบซอกเล็กบ้านน้อย ที่เขาบูรณะขึ้นมาใหม่ให้สวยเหมือนของเก่า (ที่อดีตเคยถูกไฟไหม้จนแทบไม่เหลืออะไรเป็นระยะๆ ในอดีตที่ผ่านมา) เดินเพลินสนุกมาก มีร้านขายของดีไซน์ชื่อ ting ทีอยากขนทุกสิ่งกลับมาเลย
ใช้เวลาในนี้พักใหญ่ เพราะบ้านไม้เก่าเขาสวยจริงๆ มีคาเฟ่น่านั่ง แต่เราไปถึงตอนเค้าจะปิดร้านแล้ว (จึงชวด)











ขึ้นแทรมไปดูวิวมุมสูง
ใช้บัตร Bergen pass ลดได้ 50% แน่ะ ปลื้มปริ่มมาก (ราคาเต็มไปกลับ 90 เหลือคนละ 45 NOK) บนยอดเขานอกจากจะได้เห็นวิวเมืองสวยๆ แล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าให้เลือกเยอะ ตั้งแต่ครึ่งชม.ไปจนถึงหลายชั่วโมง เรารีบบอกบูว่าเอาสั้นๆ นะยะ ฉันง่วงและเหนื่อยจิตายแล้ว
เออนะ ขึ้นมาถึงรู้ว่า Bergen มีตึกสีพาสเทลน่ารักๆ อยู่เพียบเลย ตึกพวกนี้ตั้งในโซนเมืองเก่า ติดตลาดปลานั่นแล

บูปรานีคนง่วงด้วยการเลือกเดินไปดูทะเลสาปในระยะแค่ 500 เมตร คนไม่ค่อยมี อากาศเย็นสบายบริสุทธิ์สุดริด ป่าเขียวชอุ่มมีเฟิร์นเกาะเป็นจุดๆ มีแยกนึงเขียนบอกว่าเดินลงเข้าเมือง เรารีบเหล่บูบอกว่าฉันไม่เดินลงเขานะวันนี้เหนื่อย! อีกอย่างซื้อบัตรไปกลับมาแล้ว จะเดินลงทำไม บูก็เคๆๆ (โล่ง!)





ปรากฏพอจะขึ้นแทรมลงเขาจริง รถรางคนแน่นมากกกกก เป็นพิเศษ กะคร่าวๆ แล้วคงต้องรอไม่ต่ำกว่า 30 นาทีแน่ๆ ระหว่างนั้นคนเริ่มผละจากแถวเดินลงเขากัน แต่แถวก็ยังยาวมากอยู่ดี (แทรมเหมือนมีคันเดียว)
….ท่าทางดวงยัยเอ๋น้อยมันไม่ถึงไง เลยต้อง…เดินลงเขาข่าาาาาาา

แต่ก็เป็นอะไรที่สนุก และเหนื่อยน้อยกว่าที่คิด (เดินลงไง แต่วันถัดมานี่ปลีน่องฉันร้าวเลยนะ) ได้เห็นวิวเมืองสวยๆ ตลอดทาง ป่าก็เขียว อากาศเย็นสบายไม่หนาวจัด มีคนเดินตามมาด้วยกันตลอดทาง บางช่วงมีคนวิ่งออกกำลังกายสวนขึ้นเขาไป (มองตามอย่างริษยา) และตอนเกือบๆ จะถึงสถานีแทรมด้านล่าง ผ่านบ้านคุณป้าคนนึงที่ปลูกดอกไม้ไว้หน้าบ้านเยอะมาก โอยสวยมากกกกกก ยืนชื่นชมไม่หยุดปาก อยากทำแบบป้าบ้างงงงงงง (ถ่ายรูปรัวๆ)
ใช้เวลาเดินลงราว 45 นาที (แห่งความสุขใจ) อันนี้แนะนำสำหรับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติของ Begen และประหยัดเงินขาลงไปในตัว เอ๊ะ…อ้าว เท่ากับเราไม่ได้ลดน่ะสิ เพราะดันทิ้งตั๋วแล้วเปลี่ยนมาเดินแทน








เดินลงมาถึงเมือง….พลังปลาที่กินไปหมดแล้ว เลยพยายามหาอะไรเบาๆ กินกัน ปรากฏหายาก เพราะร้านประเภทซุปๆ มันปิดไปแล้วตอน 6 โมงเย็น (ขนะนั้นเวลาสองทุ่ม แต่ฟ้าแจ้งจางปางเหมือน 5 โมงเย็น) สุดท้ายเจอร้าน Pingvinen ซึ่งแปลว่าเพนกวิน บรรยากาศคล้ายบาร์ แต่คนมานั่งกินข้าวกันเยอะ บูจึงจูงวิญญานฉันเข้าไปในร้าน



เราสั่งซุปไก่กับเซลลารี่ เพราะดึกแล้วไม่อยากกกินจุกมาก
ส่วนบูกินอาหารเก่าแก่ของนอร์เวย์ชื่อ Pluk Fish ที่เอาปลาค็อดตากแห้งมาต้มกับครีมและมันฝรั่ง จากนั้นเอาเนื้อปลามายีๆๆ ผสมกับมันฝรั่งและน้ำต้ม กลายเป็นอาหารหน้าตาคล้ายมันบดที่มีเนื้อปลาเป็นส่วนประกอบหลัก โรยหน้าด้วยเบคอนเป็นอันจบ
เมนูนี้เค้าบอกว่า มีรสมีชาติกว่าอาหารจานอื่นๆ ของนอร์เวย์แล้ว…อนิจจัง ชามถังกะละมังหม้อ ได้แค่นี้เองเหรอ…อยากจิพกพริกป่นมาด้วยจริงๆ ฉันจะสาดมันลงบนอาหารทุกสิ่งเลยคอยดู๊!
ราคาอาหารมื้อนี้น่าจะสัก 5-600 NOK (บูสั่งเบียร์ 1 ขวด)
ปล.คุณบูคอมเมนต์ว่า ราคาแอลกอฮอล์ตามร้านอาหารในประเทศนี้ก็แพงหูฉี่เช่นกัน นางจึงตั้งงบให้ตัวเองว่า มื้อนึงกินได้แค่ขวดเดียว และต้องเลือกขวดที่ถูกที่สุดด้วย โถน่าสงสาร…จะไม่ดื่มก็ได้นะคะ คิๆ




คืนนั้นจำได้ว่าเราเปิดฝักบัวรดตัวนานมาก ชนิดไม่กลัวน้ำท่วมโรงแรม เพราะคราบไขมันหยึยที่ไม่ได้อาบน้ำตั้งกะขึ้นเครื่อง จนออกไปตะลอนๆ เพิ่งกลับมาก็คิดว่าเกิน 24 ชม.ละล่ะ (เพราะไปต่อเครื่องอีก)
แต่ก็นับว่าโอเคนะ วันแรกเรามาถึง Bergen ตอนบ่ายสาม ก็ยังได้เที่ยวสองสามที่แน่ะ (แม้ฉานจะอยู่ในสภาพซอมบี้ตลอด) พรุ่งนี้มีอีกเต็มวันเตรียมลุย
ขณะเราพิมพ์บันทึกนี้ บูที่บอกว่าจะจิบวิสกี้อ่าน kobo เป็นเพื่อน ก็ชิงหลับไปต่อหน้าต่อตาอย่างไร้ยางอาย คนทรยศ!






