เตรียมตัวเที่ยวนอร์เวย์ : day 0

อยู่เมกามาครบปี เลี่ยนการท่องเที่ยวในประเทศนี้พอสังเขป เลยไปเที่ยวสแกนดิเนเวียมั่ง เพราะล่าสุดที่ไปสตอกโฮล์ม ก็ปี 2012 โน่น

ทริปนี้มีความตั้งใจอยู่ 2 อย่างคือ
1.เดินเขาและขึ้น Glacier ที่นอร์เวย์ (เขาขึ้นชื่อเรื่อง Fjord)
2.เที่ยว moomin world และช้อป marimekko แบบถึงถิ่นในประเทศฟินแลนด์
แค่นี้จริงๆ

วีซ่าไปนอร์เวย์
การขอวีซ่าไปนอร์เวย์นั้น ก็เหมือนเชงเก้นทั่วไป นอกจากหลักฐานการทำงานและ statement แล้ว ก็ต้องมีประกันเดินทาง ที่ต้องซื้อวงเงินตามเขาต้องการ การขอก็ผ่าน vfs เหมือนกันทั่วโลกรวมถึงที่เมกา ปกติเค้าบอกใช้เวลา 15 วันทำการ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถึงหรอก อย่างเราก็ราวๆ 5 วันทำการ เค้าก็โทร.มาเรียกให้ไปรับพาสปอร์ตละ
ใครกำลังจะขอ ลองเสิร์ชในกูเกิลดู มีคนรีวิวแบบละเอียดยิบชนิดเหมือนช่วยจับมือเรากรอกฟอร์มให้ไว้เยอะเลย

สกุลเงินนอร์เวย์ และค่าครองชีพในนอร์เวย์
NOK : Norwegian kroner เพราะพี่เขาไม่เข้า EU

อยากขีดเส้นใต้และ BOLD ตัวอักษรนี้ว่า “ค่าครองชีพในนอร์เวย์แพงเลือดสาด!!!!!”
โอเค คุณบูตั้งข้อสังเกตว่า บล็อกสตอกโฮล์มของเราก็บ่นเรื่องค่าครองชีพว่าแพงมากเหมือนกัน เอาเป็นเหมารวมๆ เลยแล้วกันว่า การมาเที่ยวประเทศแถบสแกนดิเนเวียเนี่ย เตรียมตัวพบกับค่าอาหาร ที่พัก และอื่นๆ ที่แพงกว่าทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอร์เวย์ เราว่าแพงกว่าที่อื่น ขนาดเราใช้ชีวิตในนิวยอร์กที่ค่าครองชีพก็ว่าไม่ถูกแล้วนะ คิดง่ายๆ จากการเทียบค่ารถ ค่าอาหาร ค่าสแตมป์ติดโปสการ์ด (นอร์เวย์ 84 บาท/ดวง ฟินแลนด์ 50บาท/ดวง) นอร์เวย์กินขาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ

อีกทั้งเพื่อนคุณบูที่ทำงานประจำในเขตสแกนดี้ทั้ง 4 ประเทศฟันธงได้ว่า “นอร์เวย์แพงสุดแล้วจากทั้งหมด” ดังนั้นใครจะมาก็เกียมใจ

คิดง่ายๆ ว่าน้ำเปล่าครึ่งลิตรขวดละ 100 บาท (เมกาขายแค่ 35 บาท!) ให้ถูกหน่อยก็ซื้อตามซูเปอร์เช่น Rema1000 ซึ่งน้ำ 1.5 ลิตรราคาจะลดลงเหลือ 30 NOK  แต่เรื่องน้ำเปล่าไม่เป็นไร เพราะ tap water หรือน้ำก๊อกเขากินได้สะอาดปลอดภัย เอาขวดไปรองกินได้เลย…เอาเป็นว่าจบไปเรื่องนึง

ส่วนอาหาร เตรียมมาม่ามากันบ้างก็ดี ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่หาของอร่อยกินยากด้วย (หรือจะพกพริกป่น น้ำพริก ข้าวสวยแบบเวฟมา เราก็เห็นดีด้วย เพราะบอกเลยว่าอาหารไม่ใช่ประเด็นหลักของการมาเที่ยวนอร์เวย์ เอาจิงๆ มีแต่ปลาๆๆๆ จนคุณบูถึงกะแฮชแทกว่านี่เป็น Fish over dose trip ของพวกเรา)

ถ้าเราสั่งแล้วกินที่ร้านเลยเค้าจะคิดภาษี 25% เพิ่มจากราคาอาหารเข้าไปอีก แต่ถ้าเราสั่งแบบทูโก ภาษีจะเหลือ 15% เท่ากับว่าถ้าไม่นั่งกิน ราคาอาหารลดลง 10% ทันที (มื้อนึงก็เตรียมไว้เลย 3-400 NOK สำหรับอาหารธรรมดามาก)

นอกจากอาหารจะแพงแล้ว ส่วนใหญ่ยังเย็นชืด รสชาติจืดจาง เช่นแซนวิชเปิดหน้าวางปลา/กุ้ง เย็นๆ ไว้ มีวาไรตี้ให้เลือกน้อยมากกก เน้นอาหารปลาทะเล ปลาหมัก กุ้ง และการปรุงรสก็ธรรมชาติ ขัดใจฟู้ดดี้ตัวยงอย่างพวกเรามาก กระนั้นด้วยความพยายามของคุณบูในการเสาะแสวงหา ก็ถือว่าเราได้กินของอร่อยและของที่ต้องลองของเค้าครบครันทีเดียว

อาหารร้อนๆ หาไม่ค่อยมี ร้านอาหารก็น้อยแสนน้อย ก่อนไปไม่คิดว่าจะหาร้านกินยากเย็นขนาดนี้   ยกเว้นถ้าคุณชอบกินของ 3 อย่างนี้คือซูชิแบบฟาสต์ฟู้ด เบอร์เกอร์ และเคบับ เพราะมีร้านพวกนี้เยอะจริงๆ

ปกติไปประเทศไหน เราจะชอบออกไปกินอาหารเช้าที่คาเฟ่นอกบ้าน แต่ประเทศนี้ไม่มี หรือหายากมาก ถึงกับต้องซื้อนม โยเกิร์ต ขนมปัง ไส้กรอก ชีส ไข่ จากซูเปอร์มาทำกินกันเองง่ายๆ (แถมถูกด้วย ช้อป 300 NOK กินได้ 4 มื้อ!) โชคดีเราจองพักแบบ airbnb เลยมีอุปกรณ์พวกหม้อไหจานชามอะไรพร้อม นี่ถ้ารู้ว่ายากขนาดนี้จะเอาข้าวสารมาต้มกินกับไข่เจียว ปาป๋อง คงฟินปรอทแตก

ของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้า พบว่าไม่ได้ถูกกว่าที่อื่นเลย กระทั่งที่เป็นแบรนด์นอร์เวย์เอง เช่น H/H, Cathelene Holmes, งานนอร์ดิคดีไซน์ทั้งหลาย คือแทบจะไม่มีการขยับราคาลงให้ชื่นใจ เราทำได้แค่เอาภาษีคืนราว 13% เท่านั้นเอง (แต่ขั้นตอนการคืนภาษีนี่ง่ายแสนง่าย) บ่องตงว่าข้าวของแพงจนสยอง เราได้ของจากประเทศนี้น้อยมากกกกก  หยิบจับอะไรไม่ค่อยลง กระทั่งของวินเทจมือสอง ก็ยังแพงกว่าทั่วไปในยุโรป

ภาษา
คนนอร์เวย์พูดภาษาอังกฤษอย่างเทพ!

อากาศ
อากาศที่นอร์เวย์สะอาดบริสุทธิ์มาก เขามีนโยบายส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า จะเป็นว่ามีเสาให้เสียบไฟชาร์ตรถตามที่ต่างๆ ทั่วไป ประกอบกับประเทศนี้มีธรรมชาติและป่าเยอะ ดังนั้นถ้าได้ขึ้นไปตามป่าเขา ก็จะรู้สึกเลยว่าการหายใจแบบชุ่มปอดนี่มันเป็นแบบนี้เอง

เราไปนอร์เวย์ช่วงซัมเมอร์ (ปลายกค.-สิงหา) อากาศเย็นติดจะหนาวเป็นบางวัน แต่เหนืออื่นใดคือ “ความแปรปรวน” เดี๋ยวแดด เดี๋ยวฝน เดี๋ยวอุ่น เดี๋ยวหนาว ดังนั้นแฟชั่นที่จะเห็นคนใส่จนชินตาก็คือ “เสื้อกันฝน/กันลม”  เพราะมันสะดวกกับทุกสภาพอากาศ และใช้งานได้จริง ดังนั้นเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนอย่างที่ว่าไว้หน่อยก็ดี

การขอภาษีคืนในนอร์เวย์
ก็เหมือนประเทศอื่นๆ คือมีเอกสารจากร้านมาให้เรากรอกแล้วเอาไปยื่นขอเงินคืน ทางร้านจะบอกให้เราเตรียมของไว้เผื่อเค้าเรียกตรวจ แต่ในความจริงคือ พนักงานถามเราว่า “ของแพ็คลงเป๋าแล้วเหรอ งั้นไม่เป็นไร” เออแบบนี้ก็ได้เหรอ 5555 แต่บอกเลยว่าหย่อนยานและง่ายมาก คนขอภาษีคืนน้อยด้วย ถึงสนามบินตรงไปซอย 9 เคาน์เตอร์ขอภาษีคืนจะอยู่ตรงนั้น อย่าลืมกรอกอะไรให้เรียบร้อย ขอคืนเป็นเงินดอลล่าร์ ยูโร หรือนอร์เวย์คราวน์ก็ได้ มันสุดยอดมากๆ เราใช้เวลาคืนภาษีไม่เกิน 2 นาทีอะ เร็วจิงๆ

แผนการเที่ยวในนอร์เวย์ของเราเป็นแบบนี้
Bergen 3 วัน (เที่ยวเมือง มี Unesco site ดูวิว )
Sogndal 1 วัน (เดิน Glacier)
Geiranger 2 วัน (เดินเขา เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยของ Fjord)
Alesund 2 วัน (เดินเขา ดูนกพัฟฟิน)
Oslo 4 วัน (เดินเมือง ชอปปิ้ง)
จากเมืองนึง ไปอีกเมืองนึง เราใช้บริการครบทั้งเฟอร์รี่ บัส เครื่องบิน
ค่าเดินทางบอกตงว่าไม่ถูก และบางเส้นทางต้องเปลี่ยนจากบัสขึ้นเฟอร์รี่แล้วต่อบัส ค่อนข้างหลายต่อ แต่ระบบเค้าวางไว้ดีมากกกกกกกก ทุกอย่างจะเป๊ะๆๆ ขอแค่ขึ้นบัสคันแรกให้ได้ จากนั้นจะมีรถหรือเรือมารอเราชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลารอเลย จะลำบากนิดอิตรงถ้าเรามีเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ นี่ล่ะ