เกาะไฟอยู่ห่างจากแมนฮัตตันออกไปไม่ถึง 1 ชม.เอง แต่การจะไปต้องมีรถ เพราะไม่มีระบบขนส่งสาธารณะเอื้อมถึง ครอบครัวตัวพีได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนคุณบู ให้พวกเราติดสอยห้อยตามไปเที่ยวด้วย ขอขอบพระทัยมา ณ ที่นี้
จุดเด่นของเกาะไฟคือลักษณะที่เหมือนเนินทรายเล็กๆ ทอดตัวยาวเหยียด มีแนวชายหาดทรายขาวสะอาดตากินพื้นที่รอบเกาะถึง 83 ไมล์ ขณะที่ความกว้างนั้นน้อยมาก เดินจากด้านนึงไปอีกด้านนึงใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเอง
Photo from : www.nan.usace.army.mil/Missions/Civil-Works/Projects-in-New-York/Fire-Island-to-Montauk-Point-Reformulation-Study
บ้านเรือนบนเกาะนี้ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักตากอากาศชายทะเลของคนในเมืองเสียมากกว่า เพราะที่นี่มาได้เฉพาะหน้าร้อน มาช่วงอื่นจะหนาวจัด เย็นจัด ไม่ใช่แค่ว่าลงเล่นน้ำไม่ได้ แค่จะมาอยู่ก็คงไม่ไหว เพราะถ้าที่อื่นหนาว ที่นี่จะหนาวกว่า ถ้าที่อื่นมีพายุหิมะ ที่นี่ก็จะโดนแบบหนักกว่าเนื่องจากอยู่ประจัญหน้ากับทะเลเลย
บ้านพักตากอากาศที่นี่ทำน่ารักมากกกก ส่วนใหญ่ปล่อยให้เช่าในหน้าร้อนเท่านั้น
พวกเราจอดรถกันที่ Bay 5 สุดเกาะทางด้านซ้าย แล้วเดินเล่นตามสะพานไม้ไปจนถึงประภาคารเก่าแก่ ที่ตอนนี้ก็ยังใช้การได้








พวกเราเดินเตาะแตะมาถึงหมู่บ้าน Kismet เห็นร้านอาหารเก่าแก่ ท่าทางน่าอร่อย จึงเดินเข้าไปสั่งอาหารกันทันที หิวล้าว



น้ำทะเลช่วงบ่ายแกยังเย็นเฉียบ แค่เดินเอาเท้าไปจุ่มๆ ยังเชี้ยบบบบหัวแม่เท้า ลงไปเล่นน้ำคงได้ตัวแข็งตาย อีกอย่างเขาอนุญาตให้ลงว่ายน้ำได้เฉพาะบริเวณที่มี life guard on duty เท่านั้น ซึ่งก็เข้าท่า เพราะคลื่นแถบนี้แรงโคต วิ่งๆ ลงไปนี่อาจจะโดนคลื่นซัดตูมกู่ไม่กลับได้
ด้วยความที่ไม่ได้หยิบเสบียงอะไรติดตัวมา เลยพากันถอดรองเท้าผ้าใบ เดินบนหาดกลับไปที่ลานจอดรถ แล้วค่อยหาที่นั่งปิคนิคกัน การเดินบนหาดนี่จัดเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายหนักอย่างนึงเลยนะ เพราะมันใช้เรี่ยวแรงเยอะจริงๆ กว่าจะถึงนี่คือหอบแฮก ที่กินๆ ไปคงจะหายหมดละ
สิ่งนึงที่ประทับใจมาก คือไม่ว่าหาดจะยาวแค่ไหน มันสะอาดแทบจะหาขยะสักชิ้นไม่เจอ ทรายละเอียดเดินไปไม่ต้องกลัวแก้วบาดเท้า อยากให้หาดบ้านเราเป็นแบบนี้บ้าง ไม่รู้เป็นแค่เรารึเปล่า แต่เดินบนหาดในไทยทีไร จะต้องเห็นเศษแก้วขวดเบียร์บนหาดทุกครั้ง ที่นี่เขาห้ามเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปทานบนหาดเลยค่าเจ๋งมาก




คนส่วนใหญ่ก็มาปูเสื่ออาบแดดกัน เห็นบางคนดำเป็นเหนี่ยงแล้วฉันนี่กลัวแสบแทน (ส่วนพวกเขาเห็นฉันใส่หมวก ใส่ปลอกแขน กุงเกงขายาว ก็คงระอาเหมือนกัน)
ปิดทริปด้วยการนั่งปิคนิคกินขนม ผลไม้กันแป๊บนึง ก่อนพากันกลับตอน 6 โมงเย็น เห็นบางกลุ่มยังเพิ่งเอาอาหารลงมาเตรียมปิคนิกกันเอง เพราะหน้าร้อนที่นี่พระอาทิตย์ยังไม่ตกจนกระทั่งเกือบ 3 ทุ่ม