เที่ยวบิลเบา 2: Bilbao day 2

 

ibis Bilbao

IMG_4591

ตื่น 7 โมงกว่า อาบน้ำ ลงไปกินอาหารเช้า พบว่าดีกว่าที่คาด มีให้เลือกแยะพอควร แฮมดีมาตรฐาน ขนมปังโอเค กาแฟอร่อยใช้ได้ มีผลไม้เป็นลูกๆ ให้เลือกกินด้วย คือฉันมีความสุขละ ขอกินผลไม้บ้างเหอะ ไฟเบอร์ค่ะ ไฟเบอร์! (อยู่สเปนเอะอะกินฮาม็อง)

ไอบิสดีตามมาตรฐาน ห้องกว้างพอควร มีแชมพูสบู่แบบ all in one ให้ใช้ เสียแต่…ไม่มีหมวกคลุมผมให้ คือมันเหมือนไม่จำเป็น แต่พอไม่มีก็กลายเป็นอยากใช้ขึ้นมา ถึงไม่มีรองเท้าแตะให้ แต่โชคยังดีที่พื้นห้องเป็นไม้ก็เลยไม่เย็นเท้าเท่าไหร่ ส่วนที่นอนโอเคนะ ไม่ดีมาก แต่ไม่แย่

 

สวน  Artxanda

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เราเดินผ่านบ้านเมือง ข้ามสะพาน Zubizuri (สะพานขาว) ซึ่งออกแบบให้โค้ง ดีไซน์เก๋กู้ด ไปจนถึงสถานีขึ้นแทรมไปชมวิวจากมุมสูง รอไม่เกิน 5 นาที ใช้เวลาไต่ขึ้นไปไม่เกิน 3 นาที ด้านบนเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก มี งานอาร์ตฟิงเกอร์ปริ๊น และนาฬิกาแดดตรงกลาง เห็นวิวบิลเบามุมสูง

น่าประหลาดคือแม้จะจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่นทท.น้อยเหลือเชื่อ หรือจะพูดให้ถูกคือแทบไม่มีเลย ที่สำคัญคือแทรมนี้เค้าใช้งานกันจริง สำหรับคนที่มีบ้านอยู่บนเขาด้วย จังหวะนั่งขึ้นนี่สนุกมาก ได้ส่องบ้านคนที่อยู่ระหว่างทาง บางบ้านปลูกส้มต้นบะเลิ่มไว้ด้านหน้า บางหลังก็มีสวนหลังบ้านงามตา

 

กุ๊กเกนไฮม์ มิวเซียม

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เป็นไฮไลต์ออฟเดอะเดย์ของพวกเราเลย กระทั่งตอนหลังมีโอกาสได้ไปกุ๊กเกนไฮม์สาขานิวยอร์ก บอกได้คำเดียวว่า สู้ที่บิลเบาไม่ได้!!!!!

จากสถานีแทรมเดินมาไม่ไกล เราใช้วิธีขึ้นลิฟต์ตรงขาสะพานแดง Salbeko Zubia (ตัวสะพานสีแดงๆ มีชื่อเรียกว่า Arku Gorriak ซึ่งจัดเป็นอาร์ตเวิร์กอย่างหนึ่ง The Red Arch ผลงานของ Daniel Buren 2007) แล้วเดินตัดสะพานแดงไปที่มิวเซียม จากบนสะพานเห็นมิวเซียมมุมสูงแบบเต็มตา วิวแม่น้ำ บ้านเรือน โอยสวยมาก

คนเข้ามิวเซียมเยอะพอสมควร ใช้เวลาต่อแถวซื้อตั๋วราว 10 นาทีได้ ตอนแรกได้ยินบูบอกว่าเป็น modern art museum เราแอบกลัวเบื่อนิดๆ เพราะไม่อยากดูรูปภาพ หรือสิ่งใดที่ออกแนว abstract (กลัวหลับ)


ปรากฏว่าที่นี่มีงาน Installation และผลงานของศิลปินมา exhibit มากกว่าภาพน่าเบื่อ (แม้จะอายุเป็นพันปี มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาก หรือมีคุณค่าทางศิลป์สูงส่ง แต่ฉันง๊วงงงงง) พวกเราสนุกกันตั้งแต่แผ่นเหล็กขนาดใหญ่มากกกกกก ที่เอามาดัดม้วนเป็นรูปทรงต่างๆ ให้เอนเอียงแต่ยังตั้งได้ด้วยตัวมันเอง ตรงกลางเปิดช่องให้คนเดินระหว่างแผ่นได้ด้วย (ภายหลังถึงรู้ว่า ผลงานของศิลปิน Richard Serra คนนี้ ถูกนำไปจัดแสดงหลายที่มาก เราไปเจองานเขาอีกทีที่ Dia: Beacon ในนิวยอร์ก แต่ไม่เยอะเท่าที่บิลเบา) งานนี้มีสปอนเซอร์เป็นบริษัทเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะต้องใช้เหล็กจำนวนมากในการทำ

มิวเซียมมี 3 ชั้น ขนาดของมันไม่ใหญ่โตอะไรนะ แต่ชั้น 2 เป็นงาน installation ทั่วไป (เจอแท่งเหล็กแขวนปูนอีกรอบ หลังจากเห็นมาที่ Tate Modern บางครั้งก็คิดเหมือนกันว่า เราไปมิวเซียมมาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงมาเห็นงานที่เคยเห็นมาแล้วเนี่ย)

แต่ความเพี้ยนระดับตัวแม่อยู่ที่ชั้น 3 อันเป็นผลงานของคุณแม่ Niki (niki de saint phalle) ที่บอกได้เลยว่า ยิ่งดูงานนางไปยิ่งอึ้งอ้าปากค้างเป็นถั่วปากอ้าขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการรู้ว่านางเป็นคนอเมริกัน-ฝรั่งเศส หน้าสวยหุ่นดี เป็นนางแบบ แต่เริ่มงานอาร์ตจากการเอากระปุกสีมาแปะบนแคนวาสแล้วใช้ปืนไรเฟิลยิงให้สีไหลออกมาเป็นศิลปะ ตามด้วยสีสเปรย์  จากนั้นเริ่มทำงานภาพวาดแบบ mix media โดดไปจับงานเซรามิก ไม่พอยังทำสวนในอิตาลี (คล้าย Park Guell นะคิดว่า) ตามมมาด้วยการสร้างงานชิ้นใหญ่บึ้มๆ ออกมาจำนวนมาก (ปี 2003 เปิดอีกสวนในอเมริกาด้วย) บางชิ้นก็สวย น่ามอง น่าทึ่ง บางชิ้นก็สะท้อนความเพี้ยนนำหน้าความสวยของขุ่นแม่บ้างไรบ้าง

แต่งานของ Niki ที่เราชอบสุดคืองาน silk screen dear Diana เวอร์ชั่นแรกๆ ที่ยังใส ง่ายๆ เข้าถึง น่าเอาแขวนไว้บนฝาบ้านต่อเติมจินตนาการเพ้อๆ ให้ยิ่งฟุ้งเข้าไปอีก (หลังๆ นางชักเพ้อเจ้อและเพี้ยนมากจนแอบกลัว) อ่านประวัติด้านหน้างาน พบว่า Niki เคยมีปัญหาทางจิต และถูกแพทย์จับช็อตไฟฟ้า อา…นี่สินะ..วิถีศิลปิน แต่ก็ชอบอ่ะ เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงอ้วนเต้นรำที่เห็นนั่นคือผลงานของ niki ดูเพลินไม่อยากกลับบ้าน แต่เมื่อยขาและหิวมาก! จึงต้องเดินออกมาข่ะ (ดูจนหมดแล้วเหอะ เกือบ 3 ชม.ที่อยู่ในนั้น)

 

ร้านอาหาร Nerua

IMG_4741

ร้านนี้อยู่ติดกับมิวเซียม แต่ไม่ใช่ร้านอาหารของมิวเซียม ต้องเดินออกมาแล้ววกไปทางแม่น้ำ จะเจอบันไดทางเข้าเล็กๆ

บูบอกว่ามันคือร้านอาหารมิชิลินสตาร์ 1 ดาว แต่กลับไม่ค่อยมีคน ตอนแรกหวั่นใจ แต่ตอนหลังดีใจ เพราะเค้าเชิญให้เราเข้าไปดูครัวด้วย!! สักพักพอนั่งกินก็มีคุณลุงตามเข้ามาอีก 1 คน พวกเรากินอาหารเหมือนกันคือ  9 types (9 คอร์ส) และเลือกกินเครื่องดื่มแพร์ริ่งเหมือนกันด้วย (เรากินแบบ alcohol free ซึ่งไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน บูรีบเชียร์ให้กินใหญ่ นางคงสงสารไม่ว่าจะไปไหน ยัยเอ๋น้อยกินของอร่อยกับน้ำเปล่าตลอดเว)

IMG_4805

พนักงานเริ่มต้นด้วยการชวนเราไปดูครัวอ่ะ เป็นครัวเปิดแยกโซนอาหารชัดเจน ด้านหลังล่างลงไปมี experiment kitchen สำหรับคิดเมนูอาหารของฤดูกาลหน้าด้วย (โห…นานมากอ่ะ) สักพักเขาก็ให้ดื่มเครื่องดื่ม ซึ่งคือน้ำผักต้มกับสมุนไพร (อืม คนเอเชียไม่คุ้นกับการดื่มน้ำผักในแก้วใส อย่างนอ้ยก็ไม่ใช่ฉันล่ะ พอจะทำเป็นวางลืมๆ ไปบูดันทักขึ้นมา ต้องหยิบมากินจนหมดอี๊ก!)

ต่อมาพนักงานเอาหม้อน้ำมันร้อนจัดมา แล้วหยิบหนังปลาแห้งมาจุ่มลงไป มันก็พองฟู่วววว เป็นการทอดหนังปลาสด ที่กรอบหอมอร่อย ฝรั่งมังค่าคงคิดว่าเป็นอะไรที่แปลกนะ เอ๊อกินหนังปลาได้ด้วยเว้ย แต่ยัยเอ๋น้อยกับตาคุณบูนี่ชอบกินหนังปลากับเตี๋ยวต้มยำไทยๆ เราที่สุดอะ แต่เราก็มารยาทงามด้วยการกินอย่างอร่อยให้เขาดู (มันก็อร่อยจริงแหละ คิดถึงด้วยหนังปลาเนี่ยยยย) เสร็จสิ้นการสาธิต พนักงานก็ถ่ายรูปให้เราสองคนด้วย น่ารักจริงๆ (ตรงครัว 5555)

IMG_4713
การสาธิตทอดหนังปลากรุบกรอบ 

อาหารใช้เวลาชม.กว่าถึงจะจบคอร์ส ทุกอย่างเรียบง่ายใช้ local produce เป็นหลัก มีสิ่งที่ไม่เคยกินมาก่อนเช่นยอดอ่อน artichoke ถั่วซึ่งเป็นเหมือนคาร์เวียร์ของผักกินแล้วตุ้บตั้บในปาก (และกินกับไอติมด้วยครับ แปลกไปอี๊ก!) ซุปซีฟู้ดก็รูปแบบใหม่มาก อ้อๆๆ ที่ประทับใจสุดคือเมน ซึ่งเป็นตับฟรัวการ์ มันอร่อยผิดตับห่านมาก เหมือนผ่านกระบวนการอะไรมาก่อนไม่ใช่ตับเป็นก้อนๆ แล้วเอาไปทอดเนยแบบนั้น นุ่ม หยุ่น กำลังดี กินกับเลนทิลโฟมละเหมาะ

verdict ร้านนี้บริการสุโค่ยเกินราคา เป้นร้านอาหารมิชิลินสตาร์ที่ราคาถูกสุดที่เคยกินมา แต่เขาไม่ยึดติดกับเมนูอาหารสเปนเลย เน้นใช้โลคัลโปรดิวซ์อย่างเดียว เพลนๆ เน้นความอร่อย ไม่หวือหวาด้านเทคนิค หรือแปลงโฉมเนื้อให้กลายเป็นผัก แปลงโฉมผักให้กลายเป็นซุป ฯลฯ คืออันนั้นก็หวือหวาไป๊ (บูบอกว่า พรุ่งนี้จะพาไปร้านมิชิลินสตาร์ 3 ดาว ดูซิว่าอิฉันจะชอบแบบไหนมากกว่า แต่ยัยเอ๋น้อยเดาได้เลยว่าน่าจะร้าน 1 ดาว…อ้าว..)

 

metro ของ Bilbao

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ออกจากร้านเราเดินถ่ายรูปเก็บตกกุ๊กเกนไฮม์ แล้วขึ้น metro ไปเมืองเก่า เมโทรนี้โดดเด่นตรงเป็นผลงานของนักออกแบบชื่อดังก้องโลก (เกอร์คิ่น HK airport, shianghai airport, etc) เข้าไปแล้วมันไม่ได้หวือหวาอะไรนะ แต่ให้ความรู้สึกเหมือน back to the future เหมือนหลุดไปในโลกไซไฟนิดๆ ขนาดที่ไม่ใหญ่มากยิ่งทำให้รีลเข้าไปใหญ่ ทางเข้าก็เดิ้นมากอ่ะ  เป็นงานศิลปะที่ทุกคนสัมผัสได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม ทุกคนได้สัมผัสเท่าเทียมกันเอิงเงย

 

arkeologi museoa

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

บูพายัยเอ๋น้อยเข้าอาร์คิโอโลจีมิวเซียมอีกแล้ว!!! อันนี้ออกจากสถานีก็จะเจอเลย ที่นี่ค่อนข้างเล็ก เหมือนจะขุดมาจากซากปรักหักพังเดียวที่ถูกทับถมคล้ายมาชูพิชู แล้วเอาสิ่งที่สำคัญและอาจมีคนขโมยไปได้มาจัดแสดงในมิวเซียม ทำให้ของมีไม่มากเท่าไหร่ (คือความจริงเป็นยังไงเราไม่รู้หรอก เพราะอ่านไม่ออก ไม่มีภาษาอังกฤษสักตัว มีแต่ภาษาบาสก์ กะสเปน

มีพวกอุปกรณ์หาปลา อาวุธ ซากเรือไม้ (เหลือสัก 30% ได้) ถ้วยโถโอชาม (ดูใหม่และสวยมาก) ที่สะดุ้งโหยงสุดคือตรงจุดแสดงโครงกระดูก (สมบูรณ์มากครบตัวเลย) มีการเอาภาพที่ต่อเติมให้เห็นว่าถ้าเป็นคนจะเป็นยังไงมาทาบให้ดูด้วยเทคนิคสมัยใหม่ แต่ตอนเปลี่ยนภาพไปเป็นของจริงด้านล่างนี่ดิ มันดังและปุบปับมากจนฉันแทบกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เฮ้ออ….

เดินเมืองเก่า เข้า 3 โบสถ์

เดินเมืองเก่าที่เมื่อคืนเดินนั่นแหละ 4 ทุ่มคนเงียบหงอยหอยสังข์ ตอน 6  โมงคึกคักมากกกก เพราะแถบนี้เป็นร้านรวงขายของ บาร์ พินโชส์ เบเกอรี ร้านอาหาร (คาเฟ่ไม่มี มีแต่ร้านขนมหวานแห้งๆ) เราแวะโบสถ์ทั้ง 2 แห่งแถวนี้ แวะร้านรวงต่างๆ แล้วเดินขึ้นเนินไปดูอีกโบสถ์ ที่โคตะระจะโลคัล (เจอเด็กสาว 3 คนเอาก้นไถราวบันได ประหนึ่งเป็นกระดาานลื่น เห็นแล้วเจ็บก้นแทน) จากนั้นก็เดินลงเนินมาหาอะไรกิน

 

Zaharra

พินโชส์ร้านแรก เน้นเบอร์เกอร์จิ๋ว กับไข่ Tortilia ประเภทต่างๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของเด็ดเขา เราดูร้านอื่นแล้วไม่มีนะ เราสั่งคาโบนาร่า tortilia เสิร์ฟมาแบบอุ่นๆ เลยอ่ะ รสชาติกำลังดี นี่สิ spanich omelette ของแท้ของดี (คืนแรกที่มากินจากร้านใกล้ รร อันนั้นเย็นชืด ฮือ T^T)

 

Ekain

IMG_4790

ร้านนี้เขาเด็ดตรงเอาทูน่าก้อนแบบไขมันน้อย มาราดด้วยมะเขือเทศสับ น้ำมันมะกอกและบัลซามิก เป็นรสชาติที่ลงตัวมาก ตราตรึง

เสร็จจากกิน เราไปเดินเล่นตรงเมืองเก่า ผ่านร้าน Zara  และพอเข้าไปพบว่า…มันถูกกว่าเมืองไทยและฮก.จริงๆ ค่ะ!!! อิฉันเลยซื้อมา 5 ตัว รู้ตัวอีกทีร้านจะปิดแล้ว รีบพุ่งตัวไปจ่ายสตางค์โดยยังไม่ได้ลอง (โชคดีเค้ายังทำ tax refund ให้!) แล้วรีบพุ่งตัวออกจากร้านที่ประตูงับไปแล้วครึ่งนึงได้

 

เป็นอีกวันแห่งความสุขีใน bilbao  จังหวะเที่ยวเบาลงกว่าตอนอยู่ marid  แยะเลย คงเพราะเมืองไม่ใหญ่มาก และการไปกุ๊กเกนไฮม์ก็ยกระดับความสุขในสเปนของเราเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่า

 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s