เที่ยวนิวออร์ลีนส์ : New Orleans

img_0189

เห่นโหล….นิวออร์ลีนส์

นิวออร์ลีนส์เป็นเมืองหลวงของรัฐลุยเซียน่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ติดทะเลชายฝั่ง อากาศเค้าจะอุ่นเย็นร้อน ไม่หนาวมากมายเหมือนทางเหนือ ทั้งเมืองอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ขับรถออกนอกเมืองไปจะเห็นเลยว่าเราถูกห้อมล้อมด้วยน้ำๆๆ ไกลสุดลูกหูลูกตา แน่นอนว่ามีป่าโกงกางเป็นจำนวนมาก

จะบอกว่ามันคือเมืองแรกที่ฝรั่งมังค่ายกพลขึ้นบกมาปักหลักอยู่อเมริกาก็คงได้ ดังนั้นประวัติศาสตร์ที่นี่จึงยืดยาวยิ่งกว่า Washington DC หรือบอสตันเสียอีก เพียงแค่ไม่ได้มีบทบาททางการเมืองมากเหมือนสองเมืองที่ว่าเท่านั้น

ที่นี่เริ่มเฟื่องฟูในยุคที่เป็นแหล่งผลิต White gold หรือ “น้ำตาล” ซึ่งสมัยนึงเป็นสิ่งมีค่าราคาแพงมหาศาล ที่ดินแถบนี้ถูกพลิกผันเป็นไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลมากมาย โดยนักแสวงโชคจากแดนไกลทั้งฝรั่งเศส สเปน และอื่นๆ มาจับจองที่ดินกันอย่างเพลิดเพลิน การค้าขายทาสเลยเฟื่องฟูตาม ข้าทาสชาวแคริบเบียนทั้งหลายที่ถูกขโมยตัว ลักพาตัว หรือขนใส่เรือมาปล่อยไว้ที่นี่ คือแรงงานหลักที่ทำให้แถบนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นถ้าได้อ่านประวัติศาสตร์นิวออร์ลีนส์จะพบว่า มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับทาส ตระกูลเจ้าของ plantation (ไร่และฟาร์ม) และวัฒนธรรมหลากหลายของผู้คนที่ถูกหลอมรวมจากการใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายร้อยปีในเกือบทุกสิ่งที่พบเจอ

img_0093

นิวออร์ลีนส์นี่หนุกจีจีนะ

แน่นอนว่าสำหรับคนที่มาอเมริกา…นิวออร์ลีนส์มักไม่รวมอยู่ในแผนการเดินทางของทั่น คนที่ลงใต้ส่วนใหญ่ก็รวดไปฟลอริด้า ออร์แลนโด หรือไม่ก็ไมอามี่ แต่กล้ายืนยันเลยว่า เมืองนี้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ของอเมริกา ด้วยเคยถูกปกครองทั้งจากสเปนและฝรั่งเศส มีข้าทาสจากแคริบเบียน และประเทศต่างๆ ในเอเชียมาอยู่รวมกันดังที่ว่า (จะบอกว่ามีเยอะมากๆๆๆ) ดังนั้นศิลปะวัฒนธรรม อาหารการกินอะไรต่ออะไรจึงโดดเด่นเฉพาะตัวมากๆ ยิ่งถ้าใครอินกับแจ๊ส ที่นี่ถือเป็นต้นกำเนิดเพลงแจ๊สที่ในหลวงของเราทรงโปรดมาก

สำหรับคนที่ตั้งใจว่าจะไปนิวออร์ลีนส์ และบังเอิญมาอ่านเจอบล็อกนี้เข้าให้ ขอให้ทราบไว้ว่าเดี๋ยวนี้นิวออร์ลีนส์ไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อนอีกแล้วนะ จีๆ … แค่ในที่คนเยอะให้เก็บของมีค่ามิดชิด อย่าเลินเล่อประมาท หรือเดินในที่ไม่ควร ระวังให้เหมือนเราไปเที่ยวทีอื่นๆ นั่นแหละ ไม่มีอะไร

….จองโรงแรม….

ย่าน Garden district ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆๆ (ยัยเมียเองก็พักย่านนี้ ชื่อโรงแรม Queen Ann ห้องนี่ลายดอกพร้อยได้บรรยากาศเข้ากะเมืองฝุด!) ตอนกลางคืนเดินท่อมๆ กันสองคนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีผับที่เสิร์ฟอาหารอร่อย หอยนางรมสดราคาถูกเทพ! คือสงบและปลอดภัยจนตอนแรกก็แปลกใจเหมือนกัน (แต่ดีใจมากกว่า)

เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่น่าจะอยากพักแถว French  Quarter เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก ใกล้ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านดังหลายๆ แห่ง แต่…ข้อเสียของ French Quarter คือ “กลิ่นเหม็นมาก!!!” คือแค่ไปเดินตามถนนหนทางยังรู้สึกถึงกลิ่นหมักหมมที่ไหลลอยออกมาจากพื้นดินได้แม้ในเวลากลางวัน ที่สำคัญคือเสียงดนตรี คนเมาโวยวาย โดยเฉพาะถนน Bourbon Street อันลือชื่อเนี่ย…กลางคืนเหมือนข้าวสารX3 บอกเลอ หนกขูมากและกลัวคนเมาด้วย ถ้าจะพักก็ให้เลือกมุมถนนที่สงบหน่อยก็น่าจะดี

การเดินทางในนิวออร์ลีนส์ ทำได้ด้วยการขึ้นแทรม ถ้าคิดว่าวันนึงจะขึ้นแทรมมากว่า 2 เที่ยวให้ซื้อตั๋ววันไปเลยนะ จะคุ้มกว่ามาก ถึงแทรมจะช้า บางช่วงคนขึ้นเต็มก็ต้องรอขบวนถัดไป แต่เราก็มองว่ามันเป็นการเดินทางที่เพลินดี ได้ชมวิวเมืองไปด้วย

โรงแรม Quuen Ann ที่เราพัก บ้านเก่าแก่ แสนสงบ ปลอดภัยจากทุกสิ่ง 

 

เหตุผลที่เรามา New Orleans …

img_0240

1. ไก่ทอด / oyster / อาหาร southern ทั้งหลาย

อาหารไทย 4 ภาคแตกต่างกันฉันท์ใด อาหารเมกาตามเมืองต่างๆ ก็แตกต่างกันฉันท์นั้นแลเอิงเอย…
ตอนแรกแอบอาย ที่จะบอกว่าเหตุผลที่ผลักดันให้เราลงใต้ไปนิวออร์ลีนส์ ก็คือ “อาหาร” ค่ะทั่นผู้ชมมมมมมม แต่ถ้าเคยอ่านบล็อก adaytrip มาบ้าง ก็คงพอนึกออกว่า แต่ละทริปของอิครอบครัวนี้…ล้วนมีแรงผลักดันมาจากอาหาร จะมาอายตอนนี้คงไม่ทันละป้ะ จะบอกว่าถ้าใครเป็นฟู้ดดี้อ่านตรงนี้คงจะสนุกมาก แต่ถ้าไม่ใช่ก็ข้ามไปอ่านเรื่องที่เที่ยวเลยก็ได้นะ

** คำเตือน ** 
อาหารใต้ส่วนใหญ่ “เค็มมากถึงมากที่สุด!!!” เกียมใจไว้ได้เลย เอ็งไม่รอดแน่ๆ โดยเฉพาะพวกร้านเก่าแก่เทรดิชันนัลจ๋าทั้งหลาย จะไฮโซแค่ไหนก็จัดเต็ม เค็มจนเกือบกระอักออกมาเป็นเม็ดเกลือ

“ไก่ทอด”
นี่คือสิ่งที่ยัยเมียตั้งตารอที่สุดก็ว่าได้ ไม่ได้ติดใจจาก Popeye หรือ KFC นะ แต่ติดใจจากร้าน Sylvia ที่นิวยอร์ก เพราะไก่ทอดเค้าอร่อยมาก! กินกะซอสเผ็ดแล้วบับ…จี๊ดจ๊าดได้ใจ เรียกว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ของอาหารใต้ในอเมริกาให้ยัยเมียเลยก็ว่าได้ ดังนั้นมาถึงแหล่งแล้ว ตั้งเป้าว่าจะต้องลองกินไก่ทอดให้เยอะที่สุด คติคือ “พุงแตกยอมได้ ไก่ทอดต้องกิน!!” ดังนั้นเราเลยลองไก่ทอดกันหลายร้านมาก (จนบูแอบมองบน เพราะนางอยากกินอย่างอื่นบ้าง) ร้านต่าง ๆที่ไปกินมามีรูปปลากรอบด้านล่างนี้เลย ส่วนใหญ่อร่อยเกือบทุกร้าน

img_9827
Coop’s Place ::::  ไก่ทอดมื้อแรกของเราด้วยอาการหิวจัดขนาดกินวัว 3 ตัว!! ร้านนี้ทอดไก่ดี หนังบาง ไม่อมน้ำมัน เนื้อไม่ยุ่ย กินกับ hot sauce แล้วเอาใจไปเลย จานนี้มาพร้อม Jambalaya (ข้าวผัดคลุกเครื่องเทศและเนื้อสัตว์)
img_0500
Mother’s Restaurant ::::: เป็นไก่ทอดกับฟรายส์บ้านๆ อร่อยมาก! ทอดดี๊ดี ขนาดน่องกำลังดี ไม่เค็มด้วย! จริงๆ จะบอกว่าร้านนี้ของอร่อยเกือบทุกอย่าง รสไม่เค็มจนน่าแปลก เพราะเทรดิชันนัลมาก

ส่วนนี่คือไก่ทอดจากร้าน Willie Mae’s บูหมายมั่นปั้นมือว่าต้องอร่อยแน่ เป็นร้านดังเพราะเปิดมานาน ถ้าไปตอน 11.45 คนต่อคิวกันยาวมากกกก แต่โชคดีบ้านเราไปตอน 11.10 ค่ะ ไปทันทีที่ร้านเปิดจึงมิต้องรอ (ไม่เห็นแก่กินเท่าไหร่อะเนอะ) … เหตุผลที่คิวยาวเพราะไรรู้มะ…กะทะทอดไก่มีแค่ 1-2 ใบเองอะ แล้วเค้าทอดทีละกะทะ ได้กินกันทีละโต๊ะสองโต๊ะ แต่…จะบอกว่าไรรู้ป่ะ ไก่ทอดอมน้ำมันแหละ แป้งกรอบมากแต่หนา(เป็นบางจุด) กินแล้วเลี่ยนสุดๆ ฟรายส์ก็เป็นแบบอ้วนๆ ไม่ค่อยกรอบ สรุปคือไมปลาบปลื้มเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องลองไปกิน

img_0409
ส่วนนี่เป็นไก่ทอดจากร้านแรนดอมนอกเมือง ผ่านก็แวะกิน มันคือ KFC ชัดๆ! กลิ่นรสความกรอบอะไรใช่หมด พอกินกับ hot sauce แล้วอร่อยขึ้นอีกระดับ…กล่องนี้ยัยเมียซัดคนเดียวเลยค่า

“oyster”
มาถึงพระเอกอีกคนบ้าง จริงๆ แล้วที่นี่เขาดัง crawfish (คล้ายล็อบสเตอร์แต่ตัวจิ๋วจุ๋ม) แต่ช่วงปลายปีที่เราไปมันไม่ใช่หน้าเค้า ถ้ากินก็แปลว่่าเป็นของที่อิมพอร์ตมาจากเมืองอื่นหรือไม่ก็เมืองจีน! แต่ oyster นี่คือสดแท้แน่นอน  ที่สำคัญ “ถูกม๊ากกกกกกกกกกก”

ปกติเราชอบ oyster แบบสุกมากกว่า กินดิบได้ก็แค่ตัวสองตัว พอตัวที่สามจะเลี่ยนละ แต่ oyster สดที่นิวออร์ลีนส์อร่อยมากกกกกกก จนเรากินแบบสดเยอะกว่าทอดอีกบอกเลย! มันทั้งหวาน ฉ่ำ ไม่คาวเลยสักแอะ oyster เริดๆ แสนแพงที่ไหนๆ ก็สู้ไม่ได้จีจี แค่บีบมะนาวแล้วกรอกเข้าปากคือสุดยอด ยิ่งกินก็ยิ่งอยากกินอีก ตอนที่พิมอยู่นี่น้ำลายก็สอฟูมปาก! แต่ๆๆๆ เมนูสุกๆ ก็ยังอร่อยมากนะ เราลองหมดอะทั้ง baked oysters, fried oysters คือทุกสิ่ง oyster อรอ่ยหมด สั่งได้เลยห้ามพลาด!!!!!

img_0019
หอยนางรมนึ่งในซอสขลุกขลิกกับฟรายส์จากร้าน Sac-A-Lait เป็นเมนู #1 ในดวงใจของยัยเมียประจำทริปเลย อร่อยมาก (ก.ไก่ล้านตัว) คือมันลงตัวไปหมด กินจนเกลี้ยงชาม น้ำซุปไม่ปล่อยให้เหลือ

อันนี้ Oyster จากร้าน Samuel’s Blind Pelican ซึ่งเป็นร้านใกล้ที่พัก ไม่รู้จักมาก่อน แต่เดินผ่านแล้วเห็นน่ากินเลยแวะ โทะ!!! กลายเป็นว่าเปิดโลกทัศน์การกิน fried oyster ของอิเมียเลยค่า คือเมนูขวา oyster ชุบแป้งทอดกะสลัดนี่อร่อยแทบคลั่ง อยากจะเบิ้ลให้พุงแตกตายไป ส่วน baked oyster จานซ้ายนั่นคือหอมเนยมากๆ อ้วนมากๆ แต่ก็อร่อยมากๆ เช่นกัน ที่สำคัญ oyster ร้านนี้ถูกม๊ากกก ยิ่งกินเยอะยิ่งถูก ยิ่งสั่งเยอะยิ่งลดค่า! (เป็นร้านประเภทจอทีวีแยะๆ คนมานั่งดูบาสฯ บอลฯ ซูเปอร์โบวกัน)

 

img_0201
ขอแถมอีกเมนูจากร้าน Samuel’s Blind Pelican เช่นกัน เป็นเมนูแซนวิชยัดไส้เนื้อแบบชาวใต้ บูเล็งมาพักใหญ่สุดท้ายได้กินร้านนี้ อร่อย…แต่เยอะมาก กินคำเดียวก็บัยยยยยย! 

สามภาพนี้จากร้าน Drago’s Seafood ซึ่งคนขับเรือแนะนำมา ไปถึงคิวยาวเป็นชม. แต่อิสองคนนี้ไม่ยั่นนะคะ รอได้ สบ๊ายยย…เพราะเค้าบอกอร่อย ราคาไม่แพง ซึ่งหลังจากเราไปกินแล้วได้ข้อสรุปว่า เฉยๆ ราคาแพงเมื่อเทียบกับของ เพราะ…เหมือนหอยไม่สดอะ ทั้งที่คนแน่นร้านไม่น่าใช้ของเก่า แถมทำออกมาไม่ค่อยอร่อยด้วยทั้งที่รอจนหิว น้ำสลัดก็เค็มสุดๆ baked oyster ก็ย่างซะเกรียมแถมเค็มจัด คือไม่ประทับใจจอร์จมาก…แต่ถ้าใครคิดจะเสี่ยงดวงมากินให้ได้ ก็อย่าสั่งน้ำมะนาวเค้าล่ะ…มันคือซันไลต์ละลายน้ำชัดๆ!

 

สองรูปบนนี้ คือร้าน oyster bar ที่แนะนำที่สุดในโลก! เปลี่ยนคนไม่ชอบหอยสดให้กลายเป็นรักได้อะ คืออร่อยมาก หวานฉ่ำทุกตัว มีทั้งแบบเลี้ยงและจับจากทะเลจริงๆ ราคาสมเหตุสมผล ข้อเสียคือถ้าไปตอนมีคน…ไม่ต้องคนเยอะนะ แค่มีคิวก่อนเราสัก 2 คนนี่คือจะต้องรอนานละ เพราะเค้าทำคนเดียว ตั้งกะแกะหอย เอาไปอบ เติมชีส ใส่เครื่องจิ้ม วางเรียงบนจาน คิดเงินด้วยคร่าาาา! คือกว่าจะเสร็จจากลูกค้าแต่ละคนนี่นานมาก ต้องเตรียมใจรอ แต่คุ้มมาก แนะนำสุดๆ ร้านชื่อ Elysian Seafood อยู่ในตลาดของกิน Storch Market ไม่ผิดหวังแน่นอน ตลาดนี้มีของกินขายเยอะพอควร

img_0361
fried seafood platter ก็เป็นอีกเมนูที่พบเห็นได้ทั่วไป ส่วนใหญ่ทอดอร่อยมาก ไม่อมน้ำมัน ทว่า…เค็ม ตามธรรมเนียม

“Gumbo”(กัมโบ้)
เป็นอาหารที่วิวัฒนาการมาจากอาหารทาสสมัยก่อน กัมโบ้คือซุปทะเลข้นๆ ใส่เครื่องเทศแบบใต้ ในนั้นมีข้าวด้วยเพื่อให้มีแป้งไว้หนักท้องสำหรับชนชั้นแรงงาน เสิร์ฟมาในถ้วยไม่ใหญ่มาก เพราะค่อนข้างหนักอยู่ เป็นอีกสิ่งนึงที่ควรลิ้มลอง แต่เราไม่ค่อยชอบ ผ่าน!

 

“Etouffee”(เอทูเฟ่)
เป็นอะไรที่คล้ายกัมโบ้ แต่รสชาติและซุปจะเบากว่า ในความคิดเราพบว่ามันอร่อยกว่า ซดได้เรื่อยๆ เลย เสริ์ฟพร้อมข้าวเหมือนกัน

 

 

“Jambalaya”(จัมบาลาย่า)
คือข้าวผัดกับเครื่องเทศแบบใต้ ใส่ซีฟู้ด รวมถึงบางทีก็มีเนื้อจรเข้บ้างไรบ้าง ที่นี่เค้ากินจรเข้กันเป็นล่ำเป็นสันมาก

img_9830
อันนี้ Jambalaya จากร้าน Coop’s


“รูทเบียร์ยี่ห้อ Barq’s”

คือแซบ! คือกินมื้อไหนต้องสั่ง เป็นเครื่องดื่่มขึ้นชื่อทางฝั่งใต้เค้า ในเมนูถึงกะเขียนชัดเจนว่า Barq’s rootbeer เพราะสมกับสโลแกนเค้ามากว่า drink Barq’s…it’s good. สั่งเลยอย่าลังเล (เฮ้ย ฉันได้อะไรจากการเชียร์เกินหน้าสาวเชียร์เบียร์แบบนี้บ้าง?)

img_0195

 

“ค็อกเทลต้นกำเนิด”
ที่นี่เป็นต้นกำเนิดค็อกเทลหลายอย่างมาก เช่นค็อกเทลเฮอร์เคน ก็มีต้นกำเนิดจากร้าน Pat O’ฺBrien’s ใน French Quarter หรือค็อกเทล ใครชอบค็อกเทล มีอีกบาร์นึงน่าสนใจตรงเค้าเอาม้าหมุนมาตั้งกลางร้าน ใครโชคดีก็จะได้นั่งตรงนั้น (อิฉันเดินผ่านทีไรก็แวะเข้าไปดู ไม่เคยจะว่าง!) คงมึนสนุกไปอีกแบบ

 

ร้านอาหาร/คาเฟ่ที่แนะนำ

“Cafe de monde”
เป็นชื่อร้านที่ดังเรื่อง “ซาลาเปาทอดราดไอซิ่งตูมๆ” (ชื่อทางการคือเบเน่ต์ :: Beignets) กะ “กาแฟโกปี๊สิงคโปร์ชัดๆ” สาขาที่ French Quarter นี่คนต่อคิวกันบ้าคลั่งมาก เราไป 3 รอบคือทนรอไม่ได้เลยสักรอบ เห็นคิวอิฉันก็หนีระข่ะ! โชคดีไปเดินเล่นใน Outlet ในเมือง เค้ามีสาขาที่นี่ด้วย คนต่อคิวแบบ 3 นาทีก็ได้สั่ง ถึงมีโอกาสลองกับเขาสักครั้ง อร่อยดีนะ ตอนแรกเห็นไอซิ่งประโคมมาอย่างตูม อิเมียนี่เขี่ยออกยิกๆ ปรากฏว่าแป้งจืดมาก คือถ้าไม่กินกับไอซิ่งจะด๋อยมาก จึงรีบเขี่ยน้ำตาลกลับมาอย่างเร็ว เหมาะกับการไปพักขา หาแป้งเข้าพุง

 

ร้าน “Sac-A-Lait”
เป็นร้านอาหารใต้แบบฟิวชั่น ที่รสชาติไม่เค็มเหมือนร้านอื่นเขา เมนูตราตรึงใจเราคือ steamed oyster กับฟรายส์ที่เค้าเอาฟรายส์จุ่มลงในซุปที่กลมกล่อมม๊ากกกกกกกกกกกกกกก คือไปกินร้านนี้วันแรก และตื๊อบูให้กลับไปกินอีกเกือบทุกวันเลย แต่บูไม่ยอมเพราะนางอยากลองกินร้านใหม่ๆ ดูบ้าง ชิชะ แนะนำจริงๆ เป็นร้านฟิวชั่นที่ออกนอกเมืองมาแถวๆ garden district บรรยากาศดี อาหารอร่อย เน้นเอาวัตถุดิบโลคัลมาปรุงอาหาร

“French Truck Coffee”
เราฝากท้องไว้ทุกเช้า เดินแค่ 5 นาทีจากที่พัก จนสะสมแต้มแลกกาแฟฟรีได้ 1 แก้วในวันกลับ!!! ดังนั้นถ้าใครจะไปหลายวัน ถามเค้าเลยนะว่ามีบัตรสะสมรึเปล่า ของเราพอดีบูเมาท์ๆ บอกว่าจะอยู่หลายวัน และคงจะแวะมาทุกเช้า เค้าเลยเอาบัตรสะสมให้ (พนักงานไม่ใช่คนเดิมทุกวันนะ) กาแฟเค้าอร่อยจริง มีเมล็ดขายตามร้านต่างๆ ทั่วเมือง ส่วนขนมอบไม่มีอะไรมาก พวกครัวซองต์ ชีสโทสต์ คีช พอมีให้กินแก้หิว

 

“Mother’s Restaurant”
เป็นร้านที่เหมาะอย่างยิ่งกับการมาฝากท้องอย่างน้อย 2 มื้อ เพราะอาหารเค้าหลากหลายมากจนเลือกพี่ก็เสียดายน้อง เป็นแบบง่ายๆ บ้านๆ ราคาไม่แพง คล้ายแผงข้าวแกง อร่อยจริงจัง แนะนำมากๆ ช่วง 11.30 คนจะไปยืนรอคิวกันเต็มหน้าร้าน

 

2. เดินเล่น French Quarter

img_0013

เขียนมาตั้งยาว เพิ่งถึงข้อ 2 เองฟร่ะ 5555
นี่คือ “เดอะแหล่ง” ที่ทุกคนต้องมา ถึงจะชื่อ French Quarter แต่สถาปัตยกรรมแถวนี้เป็นแบบสเปนไปหมดแล้ว หลังจากไฟไหม้ french quarter originalไป เมืองนี้เขาถูกฝรั่งเศสยึด สเปนต่อรองเสนอข้อแลกเปลี่ยนจนฝรั่งเศสยกให้ สุดท้ายฝรั่งเศสยึดกลับไปขายนิวออร์ลีนส์ให้อเมริกา! คือสมัยก่อนเป็นอะไรที่ซับซ้อนดีอะเนาะ

เอาเป็นว่าเดี๋ยวนี้ French Quarter คือแหล่งเดินดูบ้านสีพาสเทลสวยๆ แหล่งช้อปของฝาก แหล่งร้านอาหารดีบ้างไม่ดีบ้าง จะกินร้านไหนก็ให้ขยันอ่านรีวิวกันก่อนกินนะ ที่สำคัญคือเดินแถวนี้จะได้เห็นการแสดงดนตรีเจ๋งๆ ตลอดเวลา มีนักกวีมาตั้งโต๊ะด้นกลอนให้สดๆ ใครใคร่ขึ้นรถม้าชมเมืองเขาก็มีจอดบริการ ใครใคร่ซื้อเดย์ทัวร์ออกไปเที่ยวนอกเมือง เช่นดูจระเข้ หมูป่า หรือดู Plantation ต่างๆ ออฟฟิศขายทัวร์ก็อยู่แถวนี้แหละ เข้าไปซื้อได้เลย

สำหรับเรามองว่า เหมาะจะมาเดินเล่นมากกว่ามาพักแถวนี้ จีจีนะ  คนเมาทั้งเหล้าและยาแยะม๊าก

 

3. ฟังแจ๊ส

IMG_0194

การฟังแจ๊สเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในการมานิวออร์ลีนส์เลยจริงๆ ที่นึงที่เก่าแก่และอนุรักษ์แจ๊สแบบดั้งเดิมมานานมากคือ The Preservation Hall (French Quarter) ค่าเข้าคนละ $20 ต่อการแสดง 45 นาที วันนึงเล่นหลายรอบในช่วงหัวค่ำ ซื้อตั๋วได้เลยในวันนั้น ที่นี่มีมีแสดงแจ๊สแบนด์แบบ 5 ชิ้น เล่นแบบ old school ในบ้านเก่าที่ไม่มีเครื่องขยายเสียงไฟฟ้าใดๆ รอบนึงน่าจะเข้าได้สักร้อยคน ใครมาต่อแถวก่อนก็ได้เข้าก่อนมีเก้าอี้ให้นั่ง คนมาทีหลังต้องยืนจ้าาา ระหว่างยืนฟังเล่นเวลาผ่านไปเร็วมาก ได้บรรยากาศสุดๆ ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ ต้องไปเข้าที่บาร์ข้างๆ แนะนำสุดๆ ใครมีบัตรนักเรียนได้ลด 10% ด้วย

นอกจากแจ๊สแล้ว เพลงสไตล์บลูส์ก็ถือว่าขึ้นชื่อไม่น้อย ร้านแนะนำชื่อว่า Spotted Cat ที่เค้าเล่นบลูส์ตลอดวัน แค่เดินเข้าไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ แล้วหาที่นั่งฟังเพลงเป็นอันจบ ง่ายๆ เน้นฟังเพลง ไม่เน้นสิ่งอื่น แบนด์ที่เล่นอาจจะดังบ้างไม่ดังบ้าง แต่ก็ถือว่าร้านนี้เค้าคัดดีๆ มาให้ในระดับนึงแล้ว ฟังเพลินได้เป็นชม.ไม่รู้ตัวเลย

 

4. Garden district

img_0127

เป็นย่านที่…ชอบมาก คือแถวนี้เหมือนชื่อมัน บ้านแต่ละหลังมีสวนสวยงามน่ามอง เป็นที่อยู่ของคนผู้มีอันจะรับทาน ด้วยความที่นิวออร์ลีนส์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างที่บอก ดังนั้นต้นหมากรากไม้ที่เขาปลูกไว้ริมทาง ก็อายุหลายร้อยปีตามเช่นกัน ลำต้นของมันสูงใหญ่ กิ่งก้านแผ่ขยายร่มรื่นอลังการ โดยเฉพาะในย่านนี้จะเห็นชัดเจนเยอะยิ่ง

เราเดินกันในวันฟ้าหลัว บรรยยากาศอึมครึมเล็กน้อย บางช่วงต้นไม้ใหญ่ในฤดูหนาวที่สลัดใบร่วงโกร๋นพวกนั้น ทำให้รู้สึกขนพอง มันน่าขนลุกเหมือนเดินอยู่ในฉากหนังแวมไพร์มากกกบอกเลย

img_0115
เช่นจุดนี้…ทั้งต้นไม้…ทั้งท้องฟ้า…ได้อารมณ์แวมไพร์สุด

ยังไม่ทันขาดคำ บูเอิ้นมา “นี่ไงบ้านของคนเขียน interview with the vampire” เออนะ…ถ้าฉันต้องอยู่บ้านท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ในวันฟ้าหลัวแบบนี้ การจะเขียนหนังสือแวมไพร์สักเล่มคงไม่ต้องบิวด์อะไรมาก ที่สำคัญคือไรรู้มะ…บ้านคนเขียนเค้าดัดแปลงมาจากโบสถ์เก่าด้วยอะ..ก็กล้าอยู่เนาะ…

ไม่ห่างกันเป็นบ้านของ Sandra Bullock ซึ่งปิดมิดชิดมาก (กระนั้นคนก็ยังพยายามส่องๆ เข้าไป ที่เรารู้เพราะได้ยินไกด์จากทัวร์ข้างๆ พูดขึ้นมา) แถวนี้ หรือจะบอกว่าเมืองนี้ เวลาเดินผ่านใครสักคน การพูดทักทายกันประหนึ่งรู้จักกันมานาน เป็นเรื่องสามัญที่สุด ชอบมาก รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ไม่ค่อยเจอโฮมเลสหรือคนที่กลิ่นปุ๊นลอยกรุ่นรอบตัวเหมือนในนิวยอร์กเลย

ลืมไปว่าเราไปแถวนั้นวันคริสมาสต์ บูเลยแวะเข้าโบสถ์(นางถือคริสต์) ปรากฏในโบสถ์นั้นคนรวมตัวกันอยู่กันสัก 20 คนได้ ตอนเข้าไปเค้ากำลังร้องเพลงกันอยู่เชอ เอ…หรือจะเป็นกลุ่มปิดไม่รับคนนอกหว่า…เราสองคนก็ยืนเก้ๆ กังๆ ว่าจะเดินออกกันอยู่ละ พอดีมีคนมาชวนไปนั่ง ยื่นใบให้ร้องเพลง เอาไบเบิลมาให้เปิดตาม สุดท้ายอยู่กันจนจบพิธีค่า บาทหลวงอะไรลงมาทักทายจับมือรายคน (แม้อินี่จะไม่ถือคริสต์) คือแบบเป็นอะไรที่เป็นกันเองมาก ต้อนรับคนแปลกหน้าอย่างมิตร

 

 

5. เดินเล่น Magazine Street

img_0076

Magazine street คือย่านฮิปที่ร้านคูลๆ เค้าไปเปิดกัน ด้วยการคอนเวิร์ตบ้านหลังน้อยให้กลายเป็นช็อปแสนงาม ขายของเพียงไม่กี่อย่างแลดูเก๋ แต่เดินเข้าไปนี่ไม่ค่อยมีไรให้ซื้อ (นี่ตกลงชมหรือด่า 55555) บางร้านเท่านั้นแหละที่เป็นแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่เดินสนุก เดินเพลิน เราแวะเข้าร้านขายของอิมพอร์ตจากฝรั่งเศส ทั้งวินเทจและของใหม่ อะไรๆ ก็ดูน่าซื้อไปหมด ร้านขายของวินเทจจริงจังก็เยอะมากๆ มีร้านนึงใหญ่ยังกะโกดัง ของในนั้นบับ…คั่กๆ เดินเกือบ 30 นาทีโดยไม่รู้ตัว (นี่คือรีบแล้ว) ได้ pyrex ไม่แพงกลับบ้านมาด้วยยย เอาเป็นว่าไม่ควรพลาดถนนเส้นนี้ แค่มาเดินถ่ายรูปก็สนุกแล้วเหอะ บ้านแต่ละหลังน่ารักมาก บางหลังมีสวนเล็กๆ น่ามอง เราชอบมาเดินที่นี่มากกว่า French Quarter เยอะเลย

 

 

6.  ดู Plantation ต่างๆ

dscf3916

อย่างที่เกริ่นว่า สมัยก่อนแถวนี้เป็นไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล ดังนั้น Plantation ซึ่งก็คือไร่หรือฟาร์มจึงมีค่อนข้างเยอะ ที่ดูแลดีๆ จนถึงรุ่นนี้ก็มีมากพอควร และเค้าก็เปิดให้คนนอกเข้าชมกันเป็นกิจจะลักษณะ ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจท่องเที่ยวประจำเมือง บางแห่งก็บริหารโดยมูลนิธิ นำเงินค่าเข้าชมไปเพื่อการกุศล บางแห่งก็เป็นเอกชน

มาแล้วให้ซื้อทัวร์ของเขานะ การเดินตามไกด์ที่เล่าประวัติบ้านให้ฟังนี่มันส์ยิ่งกว่าดูละครน้ำเน่าช่อง 7! เรื่องแม่สามีไม่ชอบลูกสะใภ้ เกลียดลูกชายคนรอง ฆ่าฟันกันเอาสมบัตินี่คือมาครบ เผินๆ เราคิดว่าเออเนาะ ดีจังเป็นเจ้าของไร่ผืนใหญ่โต ท่าทางจะมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ หารู้ไม่ว่ามีเงินเยอะก็ใช่จะมีความสุข (สมัยไหนๆ ก็เป็นเหมือนกันหมด) ความตึงเครียดในครอบครัวที่เกลียดชังกันนี่มัน…ทุกข์ในบ้านนะ

ถ้าเจอไกด์ฮาๆ จะยิ่งสนุก! เพราะเค้าจะประโคมมุข เล่าด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนเมาท์มอยเร้าใจบางหลังก็แอบสยอง คือไกด์เกือบทุกคนโดนผีหลอกกันมาหมดละ (แปลกเหรอ บ้านเก่าแก่ขนาดนั้น ขนาดกลางวันยัง creepy) และบ้านส่วนใหญ่ใน plantation มักเป็นฉากถ่ายหนังไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะหนังสมัยก่อน (แน่นอนว่า interview with the vampire ก็ต้องมาถ่ายแถวนี้)

ทีเด็ดคือ นอกจากตุ๊กตาที่ใช้ฟันและผมจริงของมนุษย์มาทำ (เด็กคนไหนจะกล้าเล่นฟระ!) บางบ้านมีอุปกรณ์กันแวมไพร์ พวกลิ่มตอกหัวใจ กระเทียม และพวกขวดน้ำมนต์กิจจะลักษณะ มีที่เก็บเป็นหีบไม้สวยเลยคร่าาา….สมัยก่อนยุคที่ไฟฟ้ายังไม่มีใช้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ไร่อ้อยสุดลูกหูลูกตา จิตมนุษย์รึจะไม่มโนเกินกว่าความจำเป็น ยิ่งได้อิทธิพลจากพวกคนดำเรื่องคุณไสย์อะไรต่ออะไรมาด้วยนะ เป็นฉันก็ต้องขวนขวายหาเครื่องป้องกันแวมไพร์มาติดบ้านไว้สักชุดล่ะ just in case ไง ไม่มีก็ไม่เป็นไร้ แต่ถ้ามา…ฉันสู้เฟร้ย!!! (ถ้าไม่ช็อคสลบตั้งกะแรกซะก่อน)

พวกเราเช่ารถขับออกไปชม plantation กันวันนึงเต็มๆ ได้ดูทั้งหมด 3 แห่ง จุใจกันไปเลย แต่ถ้าไม่อยากขับรถเองมีทัวร์ให้ซื้อตามในเมือง หรือโรงแรมที่พัก
เราใช้รถเช่า Hertz ซึ่งราคาไม่ได้ต่างจากบ้านเรามาก ตอนคืนรถมี option ให้เติมน้ำมัน 3 แบบอ่ะคือ เติมเอง / เหมาถังลิตรละ 0.99/ ให้พนง.เค้าไปเติมให้คิดลิตรละ $10 …แน่นอนว่าเราเลือกแบบเหมาถังลิตรละ 0.99 เพราะสะดวกและราคาไม่แพงมากมื่อเทียบกับการเติมเอง

 

 

7. ล่องป่าชายเลน ดูจระเข้ / หมูป่า

dscf4007

เสียดายเราไปหน้าหนาว จระเข้เค้าจำศีลกันหมด (มุดดินจำศีลในป่าโกงกาง)  หมูป่งหมูป่าไม่ได้เห็นแม้แต่เงา แต่ดีอย่างคือป่าโกงกางเขาต่างจากบ้านเรา ประเภทพันธุ์ไม้ สัตว์ นก อะไรก็ต่าง นั่งเรือกินลมชมวิวเพลินๆ ไป สนุกดีเหมือนกัน เขาจะพาเราไปชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำ ซึ่งเป็นเขตของอินเดียนแดงที่รัฐบาลไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย ลุงคนขับเรือเล่าว่า ระบบน้ำและไฟฟ้าที่นี่จะรวมกันและจ่ายให้กับอินเดียนแดงเจ้าของถิ่นทีเดียว ใครอยากมาอยู่ก็ได้ ราคาที่ดินไม่แพงเท่าไร่ จ่ายค่าตั้งต้น 5 พันเหรียญ (ถ้าจำไม่ผิด) คุณก็มาเลือกที่สร้างบ้านได้เลย (อาจจะมีที่ดินจิ๊ดเดียว เพราะส่วนใหญ่เป็นชายเลน) ฟังดูดีนะ แต่ข้อเสียคือพื้นที่แถบนี้ไม่มีถนน ต้องใช้เรือเป็นพาหนะเข้าออกอย่างเดียว (มิน่าถูกเชอ) ไฟฟ้าน้ำประปานี่คงลำบากอย่างไม่ต้องพูดถึง และถ้าฤดูน้ำหลาก ก็เคยมีบ้านหลายหลังถูกน้ำพัดพังหรือลอยตุ๊บป่องหายมาแล้ว กระนั้นคนทุกสัญชาติ (ลุงเน้นว่าทุกสัญชาติจริงๆ) ก็พากันมาปักหลักอยู่ที่นี่เพื่อใช้ชีวิตเรียบง่าย (เหรอ) ใกล้ชิดธรรมชาติไป

เราใช้ทัวร์ของ Cajun encounters เค้ามีรถทัวร์ไปรับจากในเมืองออกมาที่ป่าชายเลนให้ด้วย

 

8. เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน

dscf4067

เหมือนบ้านเรา คือจะมีทางเดินไม้ให้ศึกษาธรรมชาติยาวหลายไมล์ให้เลือกจิ้มเอาได้ ว่าอยากเดินมากน้อยแค่ไหน แจ็กพ็อตอาจจะได้เห็นจระเข้ลอยคอ ณ จุดใดจุดนึง (รองาบ?) เจ้าหน้าที่ที่หน่วยประชาสัมพันธ์จะแจ้งข่าวว่าวันนี้มีคนเห็นจระเข้ที่ไหน ใครผ่านไปแถวนั้นจะได้ตั้งใจมองหา (อิเมียก็จ้องตาแทบส่อน…มะเห็นไรเลยวุ้ย!)

สำหรับพวกเราถือเป็นการออกกำลังกายที่สนุกดี เลือกเส้นทางที่ใช้เวลาเดิน 2 ชม. มีป้ายบอกรายละเอียดเป็นระยะ เช่นต้น Cyprus นี้อายุ 200 กว่าปีแล้ว แถมใน New Orleans มี green moss เกาะตามต้นไม้เยอะม๊ากกก กรีนมอสพวกนี้เห็นได้ทั่วไปตามต้นไม้ใหญ่ทั่วเมืองเลย บ้านเราก็มีที่เค้าเอามาขายเป็นพวกต้นไม้รากอากาศ

เมื่อก่อนแถบนี้เป็นป่าต้น Cyprus ที่อุดมสมบูรณ์ คนเลยบุกเข้ามาตัดไม้แล้วทิ้งให้ล่องตามแม่น้ำไปจนถึงในเมือง แต่การจะเข้ามานี่ไม่ง่าย เพราะดินไม่มี…ทุกที่เป็นเลนเป็นโคลนหมด งูจระเข้ทั้งหลายที่ซุ่มอยู่ก็งาบคนตัดไม้พวกนั้นเป็นว่าเล่นทีเดียว ฟังดูน่ากลัว แต่นั่นก็คือวิถีชีวิตอะเนาะ

 

9. Audubon Aquarium

IMG_9888

อะแควเรี่ยมที่นี่ขนาดกลางๆ แต่เค้าเด็ดตรงมีธีมในแต่ละตู้ ไม่ได้ให้มันน่าเบื่อเพลนๆ ด้วยการจำลองให้เหมือนใต้ท้องทะเลด้านล่างแท่นขุดเจาะ หรือเอาธีมมายันบ้าง ป่าอเมซอนบ้าง ทำให้ไม่น่าเบื่อ ปลาสีสวยๆ แปลกๆ ก็มีให้เห็นเยอะมากกกกก รวมถึงปลา sun fish ตัวจิ๋วที่เคยเห็นในญี่ปุ่น ที่พ่วงแถมมาคือนกฮูกบาดเจ็บ เอ๊ะเกี่ยวยังไง??! แต่ก็สนุกดี อยู่ได้เป็นชั่วโมง

 

10.Botanical Garden

IMG_0280

ไปเมืองไหนต้องแวะเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ของเค้า และยืนยันได้เลยว่าสวนที่นี่ มีระบบการจัดการที่ห่วยสุด! ห้องน้ำสกปรกเหมือนไม่ได้ล้างมาสักปีได้ น่ากัวมาก >__<
แต่โดยรวมก็ค่อนข้างชอบนะ เดินสนุกเสมอสำหรับคนชอบใบไม้ ดอกไม้ สวนผักอะไรแบบนี้ มาไม่ค่อยผิดหวัง ได้เห็นต้นไม้ ดอกไม้ที่แปลกหูแปลกตาตลอด

 

11. Sculpture Garden

IMG_0259

อันนี้ต้องคารวะเค้าจริงๆ ที่มีสวนที่มีงานศิลปะของศิลปินหลากหลาย ระดับโลกก็มีนะ สวนนี้อยู่ข้าง NOMA (อาร์ตมิวเซียมที่ปิดตอนเราไป) เป็นสวนเล็กๆ ที่ใครอยากจะเดินเข้าไปก็ได้ มีที่ให้นั่งมากมาย หรือจะบนทิ้งตัวลงบนหญ้าก็ได้เช่นกัน ชอบสุด (ติดๆ กันคือ botanical garden)

 

12. ดูสุสาน

IMG_0113

ที่ชวนดู เพราะสุสานที่นี่เค้าต่างจากที่อื่น ตรงที่ปลูกเป็นอาคารย่อมๆ แทนการฝังดิน เนื่องจากแถวนี้ห้อมล้อมด้วยน้ำและเคยมีน้ำท่วมใหญ่จนศพที่เคยฝังถูกชะขึ้นมา ดังนั้นสุสานในนิวออลีนส์จะมีลักษณะนี้หมด บางหลังมีงานสครัปเจอร์แบบอลังการยิ่งใหญ่ ดูไปก็ทั้งสวยและวังเวง แต่ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ไม่เคยดู สุสานมีหลายจุด ใกล้ที่ไหนก็เดินเข้าไปดูที่นั่น มีแบบทัวร์ไกด์เล่าประวัติศาสตร์เป็นกิจจะลักษณะก็มี

 

13. ของฝากจากนิวออร์ลีนส์

IMG_0571

ที่เด่นๆ เลยคือพวกพริกเผ็ด Hot sauce, chilli sauce ที่มีสารพัดเลือกไม่หวาดไม่ไหว บางอยา่งเผ็ดมากถึงขนาดคนจะชิมต้องเซ็นยินยอมก่อนว่าจะไม่เอาผิดคนขาย! (เว่อร์ไป๊) รวมถึงสารพัดสไปซ์ที่มีส่วนผสมของ cajun สำหรับเอาไปต้มกับของทะเล พริกพวกนี้มีขายตามร้านขายของฝากใน French Quarter มีมากมายพะเรอเกวียน

ขนมก็มีพวก Praline ซึ่งเป็นน้ำตาลเคี่ยวเป็นลูกกวาด ผสมกับสิ่งต่างๆ อันนี้ก็หาได้ไม่ยากใน French Quarter ร้านดังชื่อ Leah’s ซึ่งของแนะนำนอกจาก Praline ก็คือ Bacon Brittle เหมือนน้ำตาลกวนผสมเบคอนเค็มๆ หวานๆ กรอบๆ ก็อร่อยดีแต่ไม่ได้ว่าจะว้าวขนาดนั้น เหมาะจะเอาไปเป็นของฝากเช่นกันเพราะเบาดี

ปิดท้ายด้วยรูปเรื่อยเปื่อยในนิวออร์ลีนส์ละกัน

 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s