ทริปรวมตัวเฉพาะกิจ ของ 2 สาวที่เฝ้าดูภาพเกาะเจจูผ่านซีรี่ส์เกาหลีหลายต่อหลายเรื่อง จนสุดท้ายก็นัดไปเที่ยวด้วยกันสำมะเร็จ!!! (ถ้าไม่ใช่กะแฟนแล้ว มันยากนะการจะนัดเที่ยวกับเพื่อนเนี่ย) หลังจากเลื่อนไปเพราะเจอ Mers เมื่อตอนกลางปี ทริปนี้ต้องขอบคุณพี่แอนมากๆๆๆๆ ที่ทั้งวางแผนเที่ยว จองรถ จองโรงแรม เตรียมหาที่กิน ขับรถให้ เป็นตากล้อง จัดเตรียมหยูกหยา เป็นไกด์พาน้องช้อปปิ้ง (เฮ้ย…แล้วฉันทำไรบ้างเนี่ย? อ๋อๆๆ ฉกฉวยข้อมูลของพี่แอนมาเขียนบล็อกนี่ไง ฮ่าๆๆ)
สรุปว่าเจจูที่เราเจอมัน… “ไม่เหมือนที่คิด” ไม่ใช่ในทางไม่ดีนะ แค่เพราะนึกว่าเกาะจะเล็กกว่านี้ คนจะน้อยกว่านี้ บรรยากาศจะชิลล์กว่านี้ แต่ของจริงมันมีความเป็นเมืองสูงมาก รถเยอะพลุกพล่าน แต่โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นทริปที่สนุก คนน่ารัก และไม่ผิดหวัง แม้ 4 วันที่ไป ฝนจะตกชุ่มโชกไปซะ 2 วันก็ตาม
บล็อกนี้จะพูดถึงการเตรียมตัวไป ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในเจจูคลิกที่นี่
เที่ยวบินสู่เกาะเจจู
ปกติถ้าไมไ่ด้บินตรง มักต้องออกจากสนามบินอินชอน ขึ้นรถบัสไปสนามบินกิมโป เพื่อต่อไฟล์ทไปเกาะเจจูอีกที ระยะทางจากอินชอนไปกิมโปราวๆ 30 นาทีเอง สภาพการจราจรคล่องตัว โดยเฉพาะในเวลา 6 โมง ดังนั้นไม่ต้องเผื่อเวลามากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นเหมือนเรา อันจะเล่าต่อไป…
เราก็ไม่ได้บินตรง พอแลนด์ที่สนามบินอินชอนราวตี 5 ก็พกพาสภาพร่างกายคล้ายซอมบี้ ผ่านตม. แล้วจับบัสไปสนามบินกิมโป (Gimpo Airport) หาซื้อตั๋วบัสได้ที่ประตูทางออกหมายเลข 4/6/9 เคาน์เตอร์ชื่อ Airport Bus (คนละ 5000 วอน) บนตั๋วจะโชว์หมายเลขป้ายที่เราต้องไปยืนรอ และหมายเลขสายรถบัสที่เราสามารถขึ้นได้ (หลายสายอยู่) ไม่ต้องห่วงไปเพราะจะมีพนักงานคอยช่วยดูตั๋ว นำทางเราไปยังสิ่งที่ถูกต้องแถวๆ ป้ายนั่นแหละ มีพนักงานแปะสติกเกอร์ยกกระเป๋าขึ้นบัสให้เสร็จสรรพ…ตั้งแต่ซื้อตั๋วยันเดินไปขึ้นบัสใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีดี และโปรดระลึกว่า สนามบินกิมโปคือป้ายแรก ดังนั้นห้ามหลับล่ะ!
สนามบินกิมโป
มีหลายอาคารนะ และเราก็พลาดดันไปลงบัสตรงอาคารระหว่างประเทศ (ไม่แน่ใจบัสจะจอดอาคารในประเทศรึเปล่า เพราะดันลงก่อนเสียแล้ว) ดังนั้นจึงต้องหอบกระเป๋าเดินทางขึ้น Shuttle Bus ที่ป้ายหมายเลข 5 เพื่อไปอาคารภายในประเทศ แต่ก็ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเอง ใครพลาดไปก็ไม่ต้องตระหนกนะ
เราจองไฟล์ทของสายการบิน Jeju Air ซึ่งมีมาสคอต เอ้ย พรีเซนเตอร์คือคุณคิมซูฮุน มันตัลลั้กกตรง boarding pass มีลายเซ็นเค้าให้ด้วย! ตอนแรกนึกว่าเป็นลายเซ็นต์ซีอีโอบริษัท พอพี่แอนที่ไปด้วยกันบอกนะ อิฉันขำเกือบน้ำตาเล็ด อะไรมันจะขนาดนั้ลลล
พวกเราเลือกไฟล์ทไปเจจู 11 โมง ทั้งที่แลนด์อินชอนตอนเกือบ 6 โมง เพราะกลัวต่อรถจากอินชอนมากิมโปไม่ทัน ปรากฏว่าใช้เวลาน้อยมากอย่างที่บอก เลยต้องรอนานมาก จะเช็คอินก็ต้องรอ 2 ชม.ก่อนบิน จะไปนั่งเลาจน์ด้วยบัตรอภิสิทธิ์ของพี่แอนก็ไม่ได้เพราะต้องใช้บอร์ดดิงพาสเข้า
สรุปก็คือ…ต้องนั่งรอบนเบาะพลาสติกแข็งๆ ไป ตอนแรกหยิบแซนวิชที่พี่แอนซื้อติดมาจากเมืองไทยกินแก้หิว (ทริปนี้ถ้าไม่มีพี่แอน เราจะเหลืออะไรไหม?) จากนั้นก็เริ่มเลื่อนตัวขนานพื้นโลก หยิบผ้าพันคอมาคลุมตา ใช้สองขาพาดบนกระเป๋าเดินทางแล้วหลับ! (ตื่นมาปวดก้นกบขั้นเทพ) ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนงานตอกโป๊กๆๆ อะไรไม่สนละ อาจจะอ้าปากหวอน้ำลายยืดอะไรไม่สนเช่นกัน แถมใส่กระโปรงไปด้วยนะ แต่คิดว่าฉันไม่ได้ไปกิมโปบ่อยหรอก การนั่งไฟล์ทบินเกือบตีสองมาถึงตีห้านิดๆ เนี่ยมันไม่ได้นอนทะไหร่ …กู๊ดไนท์นะทุกคน
การเช่ารถในเจจู
หลังจากนั่งหลับสัปหงกบนเครื่องราวๆ 50 นาทีจากโซล-เจจู (บนเครื่องมีเสิร์ฟน้ำให้ฟรีด้วย) ท่ามกลางกลุ่มชนชาวเกาหลี ที่หอบอุปกรณ์เดินเขาเดินป่ามาพร้อมสรรพ เราก็อดคิดถึงคุณบูไม่ได้ เพราะถ้ามาด้วยกันก็คงเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น (ที่ต้องมีไม้ปีนเขาติดหลังเป้มาด้วย เอื้อก)
พี่แอนเป็นคนจัดการเรื่องจองรถเช่า และเลือก Avis ซึ่งที่เกาหลีชื่อว่า AJ กฎเกณฑ์การเลือกของพี่แอนคือ “พี่เลือกรถที่ถูกสุด” ซึ่งเป็นกฎที่เจ๋งมากค่ะ! ตอนแรกห่วงว่ารถถูกสุดจะเป็นเกียร์กระปุก ซึ่งจะขับยากเพราะระบบจราจรเขากลับกับบ้านเรา (พวงมาลัยอยู่ซ้าย) และเราก็ไม่สามารถช่วยพี่แอนขับได้ด้วยเหตุผลบางประการ แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี แม้รถจะเครื่อง 1000 แต่ขึ้นเขาลงห้วยได้ไม่มีปัญหา ในรถเค้าเตรียมถุงขยะกับทิชชู่เปียกให้ด้วย ช่างรอบคอบเสียจริง
การรับรถเช่าในเจจู พอลงเครื่อง ออกจากเกตมาให้มองหาป้ายบอกทางไปเคาน์เตอร์รถเช่า (ด้านขวา) เดินตรงไปจะเห็นเอง พอติดต่อเรียบร้อยเขาจะให้เราออกไปรอรถ shuttle bus ของบริษัทใครบริษัทมัน แล้วนั่งไปออฟฟิศหลักเพื่อรับรถอีกที ใช้เวลาจากอาคารไปที่รับรถไม่เกิน 5 นาทีเอง ใกล้ๆ
เราได้รถ Kia morning เครื่อง 1000 มาในราคาพันนิดเดียวรวมประกันชั้นเทพ ที่พนักงานไม่ตรวจตู้อะไรเลยตอนเอารถออกจากลาน พี่แอนจองตรงกับเว็บไซต์บริษัทเลย บอกว่าตอนแรกราคารวมมันโหดมากนะ แต่พอสมัครสมาชิกเท่านั้นแหละ ลดลงฮวบเหลือวันละพันรวมทุกสิ่ง ดังนั้นใครจะเช่าก็ให้สมัครสมาชิกเขาก่อน เสียเวลาไม่มาก
พอติดต่ออะไรที่ออฟฟิศเขาเรียบร้อย จะได้ใบๆ นึงมาเหมือนการเช่ารถทั่วไป ที่พิเศษคือในนั้นจะระบุหมายเลขช่องจอดรถของเราไว้ให้ด้วย กุญแจเสียบในนั้นอยู่แล้ว เราแค่ขนกระเป๋าใส่รถ สตาร์ทชึ่งๆ แล้วออกมาได้เลย ขากลับมาคืนก็ให้เติมน้ำมันเต็มถัง ปั๊มอยู่หน้าทางเข้าลานจอด ไม่ต้องวอรี่ใดๆ
อีกสิ่งสำคัญที่ติดมากับรถ (ซึ่งไม่ใช่ถุงขยะและทิชชู่) ก็คือ GPS ขาดไม่ได้อะ!!! ถ้าขาดคือเดี้ยง! คือไม่ค่อยเคยใช้ GPS นะ แต่ของที่เกาหลีเขาเริดได้โล่มาก แม้ทุกอย่างจะเป็นภาษาเกาหลีหมด อ่านไม่ออก แต่เดชะบุญที่เสียงบรรยายเป็นภาษาปะกิต!!!!! การใช้งานง่ายสุดคือคีย์หมายเลขโทรศัพท์ของปลายทางเข้าไป แค่นี้ก็เรียบร้อย! (แม้ตอนแรกจะงมๆ ว่าเออนะ…ปุ่มไหนคือการคีย์เบอร์โทร.หว่า) และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะมีเบอร์โทร.กำกับให้เสมอ เพราะเขาใช้เป็นหมายเลขหลักในการคีย์หาตำแหน่งใน GPS โดยสากล ในแผ่นรายละเอียดการเช่ารถ ทาง AJ ก็มีหมายเลขโทรศัพท์ให้เราคีย์ใส่เครื่อง GPS ด้วย รับรองว่าหาปั๊มเจอไม่มีหลงก่อนคืนรถแน่นอน ใครจะไปเที่ยวไหน ก็เสิร์ชหาหมายเลขโทรศัพท์จดไว้ก่อนก็จะทำให้คล่องตัวมาก
ดังนั้นระหว่างทางนั่งไป จะมีเสียงเตือนจาก GPS ให้ระวังลูกระนาด โซนโรงเรียน ทางโค้ง วงเวียน จำกัดความเร็ว (ซึ่งจะส่งเสียงเตือนหนกขูมาก ถ้าเราไม่ยอมลดความเร็วลงต่ำกว่ากำหนด) แต่เพราะมันนี่แหละที่ทำให้เราเที่ยวอย่างทั่วถึงอย่างปลอดภัย…ใครคิดจะมาใช้ Google Maps ที่นี่ อยากบอกว่า…ใช้ไม่ได้ค่ะ คือฟังก์ชั่นการนำทางด้วยรถและเดินหายไปจากจอเรด้าร์เลย ต้องอาศัย GPS อย่างเดียว
Source: internet

การเลือกที่พักในเจจู
เราพักเจจู 3 คืน ปักหลักมันที่เดียวเลยคือ 9 boutique hotel ใน Seogwipo ตั้งใจว่าเวลาจะเที่ยว ก็ขับรถไปเพราะไกลสุดก็ขับแค่ราวๆ 1 ชม. ที่สำคัญคือขี้เกียจเก็บกระเป๋า
ตอนเลือกไม่ค่อยรู้ มาปากหวออีกทีตอนเคลียร์ตังว่าราคาก็ไม่ถูกมาก (อันนี้เราช่วยกันเลือกกับพี่แอน แต่ไม่รู้อะไรดลใจ) แต่จัดว่าเป็นรร.ใหม่ที่สะอาด ห้องกว้างขวาง กางกระเป๋าเดินทาง 2 ใบได้สบ๊ายสบาย มีโต๊ะเก้าอี้ให้เรานั่งทำโปสการ์ดกันได้ เตียงและผ้าปูดี แอร์เย็นฉ่ำ ห้องน้ำกว้าง น้ำแรง อาหารเช้ากลางๆ มีไดร์เป่าผม กาน้ำร้อน และปลั๊กเยอะมากกกกกกก มีที่จอดรถให้ หาไม่ยากมาก พนักงานโอเค
ที่เลือก Seogwipo เพราะตอนแรกคิดว่าจะเที่ยวแถวนี้เยอะ ดูจากแผนที่ด้านบนจะเห็นว่ามีแหล่งท่องเที่ยวเพียบ! แต่ไม่รู้ทำไมขับรถจากที่นึง ไปอีกที่นึงกินเวลาราว 1 ชม.เกือบทุกวัน แต่สนุกชอบ เพราะเราเป็นคนนั่ง ดูสวนส้มที่กำลังออกลูกดกมากเพลินเลย (แอบสงสารพี่แอน)
9 Boutique Hotel, Seogwipo


ระหว่างทางจากสนามบินไปที่พัก ต้องขับรถบนถนนสาย 1131 ซึ่งมีอุโมงค์ต้นไม้ที่เปลี่ยนสีแล้วด้วย น่ารักมากๆ เรากรี๊ดกร๊าดตลอดทาง พร่ำพูด “น่ารักอ้ะ น่ารักมาก โอ๊ยยสวยยย” จนแอบสงสารพี่แอนที่ต้องขับรถคนเดียว ^^”
ขอเชิญทัศนาอุโมงค์ต้นไม้ บนถนนสาย 1131 เกาะเจจู ระหว่างสนามบิน-Seogwipo
ส่วนอันนี้คือคลิปเที่ยวเกาะเจจูและโซล ที่ตัดด้วยมือถือตั้งกะกลับมาหมาดๆ