อ่านบล็อกเที่ยวคิวชูย้อนหลัง >
ฟุกุโอกะ / Kagoshima / Kumamoto / Kurawago / Beppu / ตัวเมือง Yufuin
เวลายืนอยู่หน้าสถานีรถไฟ Yufuin เราจะเห็นภูเขาสูงๆ ลูกนึงตระหง่านโดดเด่นอยู่ตรงหน้า นั่นแหละ…Mt.Yufu

การจะปีนไปจนถึงยอดเขา Mt.Yufu นั้น ใช้เวลานั่งรถบัสจากเมืองไปถึงจุดเริ่มต้นเทรลราว 15 นาที จากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาอีกราว 2.30 ชม. (สำหรับคนออกกำลังกายเป็นประจำ) ส่วนขาลงใช้เวลาราว 1.30 ชม. เพราะเราจะขาอ่อนจนพากันกลิ้งตัวลงมาเอง หลุนๆๆๆ
รถบัสที่จะไป ก็นั่งจาก Bus Terminal ตรงใกล้ๆ สถานีรถไฟนั่นแหละ ให้ถามป้ายขึ้น-ลงจากปชส.ที่สถานีรถไฟ และขอตารางรถเที่ยวกลับเขาไว้เลยทีเดียว เราจะได้กะเวลาลงเขาให้พอดีกับเวลารถ เนื่องจากรถจะมีทุกๆ 40 นาทีในวันธรรมดา

เตรียมตัวปีน Mt.Yufu
เนื่องจากเป็นการปีนแบบ day trip เราก็แค่เตรียมเสบียงกินระหว่างทาง ด้วยการซื้อไดฟุกุ 2 ก้อน น้ำเปล่า 3 ขวดแค่นั้น อุปกรณ์ไม่ได้เอาไปนอกจากหมวกและเสื้อกันลม แอบเสียใจนิดๆ ที่เอากางเกงขาสั้นไป เพราะกลับจากทริปปีนเขานี้ ขาฉันดำปี๋เลย T^T ส่วนคุณบูที่ใส่เสื้อแขนสั้นตลอดการเดินทางไม่ต้องพูดถึง แขนนางดำเมี่ยมแวววาว
ที่ตรงทางขึ้นเขา จะมีจุดให้เราเลือกหยิบไม้ไผ่หากใครต้องการ มีหมวกกันน็อคให้ด้วยอะ ฉันอยากจะกราบไหว้คนคิดสิ่งเหล่านี้จริงๆ ไม่พอยังมีกระดาษให้เราเขียนชื่อฝากไว้ นานๆ ทีเค้าจะรวบรวมเอาไปจดเป็นปูมรายชื่อคนที่เคยพิชิตภูเขายูฟุนี้ให้ด้วย
ทริปนี้เราเริ่มเดินตอน 10.15 – 14.50 น. (สะระตะ 4.40 ชม.)
วันไปโชคดีอย่างยิ่งที่ฟ้าเปิด ใสกระจ่างสว่างจ้า ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเกือบทุกวัน ฟ้าหม่นมัว เมฆคลุมยอดเขาตลอดเลย

เริ่มปีนกัน!
เทอร์เรนของการปีนแบ่งเป็น 4 ช่วงตามลักษณะทางภูมิศาสตร์
ช่วงแรกคือทุ่งหญ้าสวยงามซึ่งเป็นทางลาดขึ้นเนินเขาแบบไม่รู้ตัว ใช้เวลาราว 15 นาทีก็จะถึงตีนเขาจริงๆ พอถึงเรางิหอบแฮก ขอน้ำดื่มจากเป้หลังของคุณบูมาดื่มด้วยอย่างคอแห้งคอเหือด คนส่วนใหญ่มักลงรถมาเดินกันบริเวณนี้ เพราะถ่ายรูปดีเด่น ได้ฉากหลังเป็นภูเขายูฟุสวยๆ






ช่วงสอง ทางลอดทะลุป่า
ช่วงนี้มีต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมตลอด บางช่วงก็เป็นป่าสนที่ชื้นมาก พื้นนุ่มเดินสบายเพราะมีใบไม้ทับถมกันรองรับ แต่ตอนหลังถึงรู้ว่ามันหลอกให้เราตายใจเล่นๆ เพราะสักพักทางเดินจะมีหินเยอะเป็นจุดๆ แถวนี้จะเจอพวกเห็ด มอส ลูกนัท และพืชที่ชอบความชื้นเยอะ มีนก มีจิ้งเหลนเลื่อมแดงหางน้ำเงินเข้มให้เห็นด้วย ตอนแรกนึกว่างู
ช่วงนี้เองเจอคุณลุง 2 คน ที่มาเดินแบบคนเดียวกันทั้งคู่ พอทักทายกัน ลุงบอกว่าจากจุดนี้ไปอีก 2 ชม.จะถึงยอดเขานะ เราก็คิดว่าเอ…ไม่น่าถึงม้าง ลุงอาจจะเดินช้าป่าว…แต่ปรากฏว่าคำพูดลุงคือความจริงแท้! 2 ชม.จริงๆ ขนาดคิดว่าเดินเร็วพอควรแล้วนะ
ช่วงนี้จะมีทางแยกอยู่บ้าง หลักๆ คือให้เลือกทางซ้ายตลอด ดูป้ายนำทางที่มีตัวอักษรเป็นรูปบ้านนำหน้า










ช่วงสาม พ้นป่า เห็นวิวเมือง
ก่อนไปอ่านเจอว่า คนเค้าเจองูกันที่นี่ด้วย คืนก่อนหน้านั้นเลยเก็บมานอนคิด ว่าถ้าเจองูจริงจะทำไง วิ่งหนีขึ้นต้นไม้งูมันก็ตามได้อยู่ดี แต่สุดท้ายคิดไปคิดมาก็ได้ทางออกว่าหลับเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะนอนไม่พอ ปีนเขาไม่ไหว
สุดท้ายก็เจองูจริงๆ เห็นครึ่งตัวหลังของเขาตอนเลื้อยหลบเข้าพงหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าเรา ขนาดกลางๆ สีน้ำตาลแลดูเป็นงูใจดี ไม่มีลายน่ากลัวให้ต้องตกใจ จึงเข้าข้างตัวเองว่าเป็นงูเจ้าป่าเจ้าเขา ปรากฏตัวมาอวยชัยให้พร ให้เราเดินขึ้นเขายูฝุอย่างปลอดภัย ไม่พบอันตรายใดๆ (ขอบคุณมากค่ะ)
นอกจากงูแล้ว เรายังเจอครอบครัวกวางดาว ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก คือถ้าเจอกวางดาวที่เกาะมิยาจิม่ามันไม่ตื่นเต้นเท่านี้ เพราะการเห็นกระต่ายในสวนสัตว์กับการเจอกระต่ายป่าริมทางมากินดอกไม้ อารมณ์มันก็คนละเรื่องเลยนะ ดูพวกมันก็แอบตื่นคนนิดๆ และไม่คิดจะเข้ามาขออาหารคนที่เดินผ่านไปผ่านมา (ดีจัง)
อีกอย่างคือ…ที่นี่สะอาดมาก ไม่เจอขยะเลยสักชิ้น ไม่เจอเลย!!!!! ขอคารวะในกติกามารยาทของคนเดินเขาญี่ปุ่นมาก
สรุปว่าช่วง 3 นี่ค่อนข้างเบิกบาน ถึงแม้ทางจะพับตลบไปมาและค่อนข้างชัน (บูบอกว่าทั้งทริปมันพับตลบทั้งหมด 50 โค้งหักศอก) และเจอแดดตลอดทาง แต่ลมและอากาศก็ค่อนข้างเย็น และมองเห็นวิวเมืองวิวเขาสวยเชียว










ช่วงที่ 4 ทางแยกแสดงสถานะ!
พอถึงจุดนึง จะพบว่าทางที่เดินง่ายๆ กลายเป็นชันโคต! แทบจะต้องแหงนคอตั้งบ่าดูว่าต้องเดินต่อไปทางไหน ช่วงนี้เองจะเห็นทางแยก 2 ทางไปสู่ยอดเขา 2 ยอด (กลับไปดูรูปที่ถ่ายจากหน้าสถานีรถไฟ จะเห็นชัดว่ามียอดเขา 2 ยอด สูงเกือบเท่ากัน) …ทางขวาคือคนทั่วไปเดิน ซึ่งก็คิดว่าไม่ง่ายมากนะ (หากพอจะเรียกว่าทางได้) ส่วนทางซ้าย…เป็นการไต่ด้วยโซ่แล้วดึงตัวเองขึ้นเขาไปเรื่อยๆ…อ่าม…ก็ปล่อยมืออาชีพเค้าไปเหอะค่ะ ทางนั้น (หากจะพอเรียกว่าทางได้)


ตรงนี้เราเจอลุงๆ นักปีนเขานั่งชงชากินกัน!! ก็เพิ่งเคยเห็นคนพกเตาแก๊สเล็กจิ๋วมาต้มชากินบนเขาวันนี้แหละ มันน่าประทับใจจริง สำหรับเราเป็นครั้งแรกที่พอขึ้นมาแล้ว พอหันลงไปเห็นทางและภาพเมืองทั้งเมืองอยู่ด้านล่างลิบๆ ถึงรู้ตัวว่าทางที่ไต่ขึ้นมาชันมาก! แล้วอาการเสียวกลัวที่สูงจนขาสั่นก็บังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต แอบหวั่นไหวในใจว่าตอนลงถ้าหน้ามืดขึ้นมาตูจะทำไงดีฟระ ถ้ากลิ้งลงไปจะไปถึงตีนเขาเลยไหม (ก็น่าจะดีนะ ไม่ต้องเดิน แต่จะตายไหม??) เพราะนอกจากชันแล้วมันยังมีหินก้อนเล็กก้อนน้อยคอยทำให้เราลื่นไถลตลอด เลยตั้งชื่อมันซะเลยว่าเป็นทาง Rocky Road ที่อุดมด้วยมาร์ชเมลโลและถั่วชนิดต่างๆ กลิ้งได้ตลอดทาง




เอาเป็นว่า เล้กสุดท้ายนี่หินมาก ต้องใช้มือและเท้าไต่ 4 ขาขึ้นตลอดทาง ซึ่งบางจุดก็ยืนสงสัยอยู่นาน ว่าทางมันคือตรงไหนกันแน่ฟระ ส่วนตอนลงอิฉันแทบเอาตูดสไลเดอร์ตามหินลงมา คร้านจะเกร็งร่างแล้ว เพราะมันชันมากเกินกว่าจะมาห่วงเสื้อผ้าเปื้อน และไม้ไผ่ที่ยืมมาจากจุดทางขึ้นนั่น…ก็ได้ใช้ประโยชน์อเนกอนันต์มาก ขอบพระคุณคนที่คิดทำตรงนี้ขึ้นมาจริงๆ



พอไต่จากยอดลงมาถึงจุดที่พบลุงชงชากันเมื่อกี๊ เราก็พักกินไดฟุกุเพิ่มพลัง แล้วค่อยเริ่มเดินลงมา แดดแรงจัดเลยตอนนี้เพราะมันบ่ายกว่า สิ่งนึงที่รู้วันนี้ก็คือ “ผู้หญิงญี่ปุ่นปีนเขาคนเดียวเยอะมาก” คือสวนกับคุณป้า คุณน้า และสาวๆ ที่มาเดินเขาคนเดียวเยอะอยู่ ที่อึ้งเหนืออื่นใดคือมีคุณป้าคุณลุงคู่นึง อุ้มหมาขึ้นเขาด้วย!! ไม่ใช่หมากระเป๋าด้วยนะ…
สถิติการเดินวันนี้: ชาย 25 / หญิง 18 / สุนัข 1 (ไม่ทราบเพศ)
แจกแจงตามสัญชาติ: ฝรั่ง 1 คู่ / ไทย 1 คู่ / ที่เหลือญี่ปุ่น
สัดส่วนของคนมาปีนคนเดียว ครึ่ง-ครึ่ง กับคนมาเป็นคู่ (ไม่แยกเพศ)




Yufuin no mori no.6
พอนั่งบัสกลับถึงเมือง เราโซเซไปกินข้าวหน้าเนื้อที่ร้านใกล้ๆ สถานี ทำการช็อปปิ้งเล็กน้อย เอากระเป๋าออกจากล็อกเกอร์ เข้าห้องน้ำ แล้วซื้อตั๋ว Foot Spa จากเคาน์เตอร์ที่สถานี (คนละ 160 เยนได้ทั้งผ้าเช็ดเท้าผืนใหม่นิ้งและโปสการ์ดเป็นของแถม!! เค้าได้กำไรอะไรบ้างไหมในจุดนี้??) กะว่าจะแช่รอรถไฟ yofuin no mori no.6 ตอน 17.07
Foot Spa ที่สถานีรถไฟเนี่ย น้ำเขาไม่หนอนนะ คือร้อนจัดของจริง นึกว่าเป็นที่ๆ นทท.มาแช่เท้าเยอะ แล้วเค้าจะลดอุณหภูมิลงให้แค่ได้อารมณ์สปา แต่ป่าวค่า…มาเต็มจนเท้าฉันแทบสุก แต่ก็เหมาะตรงที่วันนี้เท้าเราล้ามาจากการเดินเขา เลยรู้สึกผ่อนคลายมาก
Yufuin no mori เวลา 17.07 – 19.10
รถไฟอะไร ทำไมมันมีบริการที่สนุกสนานแบบนี้ มิน่าคนถึงชอบขึ้นกันมาก นอกจากรูปลักษณ์เหมือนการ์ตูนย้อนยุค (เจ้าหนูอะตอม) บริการยังพิเศษมากๆ เริ่มจากมีน้ำ Kabotsu ขาย (นั่ง 2 ชม. สั่งไป 2 แก้ว) พร้อมข้าวกล่องพิเศษเฉพาะรถไฟ มีของที่ระลึกขายด้วย (หาซื้อได้จาก Tokyo Hands เช่นกัน)
พอขายอาหารและน้ำเสร็จ พนักงานก็เอาป้ายรถพร้อมวันที่ มาให้ถือแล้วอาสาถ่ายรูปให้ (เราก็ถ่าย) สักพักเอาลูกอมมาแจก (เราก็หยิบ) ระหว่างนั้นรถแล่นผ่านไร่นา ป่าสน แม่น้ำลำคลอง วิวดีมากๆ วู้ว้าวสุดๆ แถมเพิ่งสังเกตตอนลงว่า แต่ละโบกี้ มีเก้าอี้ลายไม่เหมือนกัน พื้นไม้ให้ความรู้สึกโมริ(ป่า)สุดๆ
อยากบอกว่าประทับใจรถไฟขบวนนี้มาก ตอนแรกนึกว่าจะมีรูปลักษณ์เท่านั้นที่ต่าง



2 thoughts