
Beppu
เมืองออนเซ็นริมทะเล
คนส่วนใหญ่มาเที่ยวเบ็ปปุ มักนึกไม่ถึงว่าที่นี่ติดริมทะเลมาก เป้าหมายหลักของคนส่วนใหญ่คอืการตระเวณดูบ่อน้ำพุร้อน 8 บ่อ ที่มีลักษณะของสีแตกต่างกันไปตามแร่ธาตุในดินที่น้ำไหลผ่าน มีทั้งสีฟ้า สีแดง สีธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ใช้เวลาไม่นาน ทำให้บางคนค้างคืน แต่บางคนก็ไปเช้าเย็นกลับ เพราะชินกังเซ็นเขาเร็วปื้ด นั่งเช้ามาจากฟุกุโอกะ ตกเย็นก็กลับได้สบายบรื๋อ ไม่ต้องเก็บกระเป๋าทุกวันเหมือนกับเรา
ก่อนไปเราอ่านบล็อกของคนนึง ที่เขียนรีวิวการชมบ่อน้ำพุร้อนใน Beppu อย่างละเอียดแล้วชอบที่เค้าเขียนให้อ่านสนุกฮาดีชื่อบล็อก Travelpantip ลองคลิกอ่านดูนะ
อ่านทริปคิวชูย้อนหลัง> ฟุกุโอกะ / Kagoshima / Kumamoto / Kurogawa / Yufuin
จาก Kurogawa เมืองออนเซ็นเล็กๆ กลางหุบเขา เรากระเตงเข้ามาในเมืองด้วยรถบัส (ที่ยังคงคอนเซ็ปต์คนไม่เต็มเหมือนเช่นเดิม) พอรถจอดที่ปลายสาย ก้าวเท้าลงมาก็สัมผัสได้ถึงลมทะเลแรงกรรโชก สองคนนี้ก็เดินฝ่าไปเพราะ…เรียวกังที่จองไว้ดันอยู่ติดริมทะเล

Umine Ryokan
เป็นเรียวกังแบบตึกที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน (ปกติจะเป็นบ้านไม้ในป่า เทรดิชันนัล อันนี้มาเป็นตึกโมเดริ์นจ๋า พร้อมลิฟต์) ตอนเราเช็คอินก็ปาเข้าไป 6 โมงเย็นกว่าๆ แต่นางบอกว่าต้องเช็คเอาต์ตอน 10 โมงเช้า (รร. บ้าไรฟระ เพิ่งเคยเจอ!!)
แต่ก็ต้องยอมรับว่าห้องแจ่มจริงสมราคา คือมีบ่อน้ำแช่ตัวในห้องเลย แถมเค้าเปิดน้ำแร่ไว้พร้อมให้เราจุ่มร่างลงไปได้ตลอดเวลา! การจะรักษาอุณหภูมิน้ำในอ่างเล็กๆ ให้คงที่ราว 40 องศาตลอดเนี่ย เค้าต้องเปิดน้ำใหม่ให้ไหลเอื่อยๆ ลงอ่างแทนที่น้ำเก่าซึ่งค่อยๆ เย็นลงตลอดเวลา…เห็นแล้วฉันรู้เลยว่าทำไมที่นี่ค่าที่พักถึงได้แพงนัก!!!! เอามาจ่ายค่าน้ำที่เสียไปนี่เอง น้ำแร่ที่นี่ใสแจ๋ว ไม่มีกลิ่นใดๆ แร่ธาตุต่างๆ จับอยู่ตามขอบอ่างและหัวก๊อกนั่นบอกให้รู้ถึงคุณค่าของมัน เราปล่อยตัวลงไปต้มในอ่างนั้นทั้งค่ำและเช้า มีความสุขมาก

ในห้องพื้นที่ห้องกว้างขวางมาก (จนดูจะกว้างเกินไป) เตียงแบบสากลใหญ่ผ้าปูเนื้อดีละเอียดยิบยับ นอนแล้วสบายผิวสุดๆ ห้องน้ำเก๋กู้ด รองเท้าในนอกมีสลับเปลี่ยนมากมาย เสื้อยูกาตะมีให้ใส่แบบทั้งในและนอกห้อง (จะเยอะไปไหน)
ส่วนบ่อรวมของเค้าค่อนข้างเล็ก คือขนาดอ่างอาบน้ำใหญ่ๆ 2 อันรวมกัน และอยู่ชั้นบนสุดของเรียวกัง ข้อดีคือเห็นวิวทะเลอันกว้างไกล ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาใช้ทำให้ได้ครองบ่อคนเดียวตลอดเวลา และที่สำคัญ “มีน้ำคาบอตสึ ให้ดื่มหลังจากแช่ออนเซ็นออกมาด้วย” มันพระเจ้าจอร์จมาก คือขณะเราเพลียๆ กระหายน้ำเพราะแช่น้ำร้อนนาน ได้ออกมาจิบเครื่องดื่มเย็นๆ เปรี้ยวนิด หวานหน่อยนี่มันสุดยอด ส่วนข้อเสียคือลมทะเลตึงมาก พอลุกจากบ่อแล้วหนาวสั่น แต่จะไปว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะตอนเราไปเป็นช่วงพายุเข้าญี่ปุ่นพอดี มันคงมีหางๆ มาแถวเมืองนี้บ้าง
เราไม่ได้กินไคเซกิที่นี่ หนึ่งคือกินมาเมื่อวานนี้แล้วที่ Kawagoe กลัวเลี่ยน แถม Beppu เป็นเมืองใหญ่หาของกินง่าย ส่วนอาหารเช้าเค้า…ดีงาม บอกได้เลยว่าชอบ พนักงานก็ดี พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ปกติไปเรียวกังแบบเทรดิชันนัลเนี่ย โอบ้าจังทั้งหลายพูดภาษาอังกฤษกันได้บ้างไม่ได้บ้าง เลยไม่เคยได้ถามไถ่หรอก ว่าสิ่งที่กินเข้าไปคืออะไร แม้บางอย่างจะสงสัยมากก็ตาม




ของเด็ดเมือง Beppu
ร้าน Owada Sushi
ตอนออกไปช่วงหัวค่ำ ถนนเงี๊ยบเงียบ เหมือนไร้สิ่งมีชีวิตเพราะไม่มีสรรพเสียงใดๆ ลอยมาเข้าหู ทว่าพอไปถึงหน้าร้านเห็นรถหรูจอดอยู่ 3 คัน เลยคิดว่าฉันมาถูกทางละ….


ต้วร้านธรรมดามาก เป็นร้านซูชิไม้ๆ ธรรมดา มีส่วนเคาน์เตอร์และห้องส่วนตัวแยกไป เราได้นั่งเคาน์เตอร์ตรงกลางระหว่างคนญี่ปุ่น 2 คู่ แน่นอนว่าเมนูภาษาญี่ปุ่นล้วน บูจึงเริ่มจากการเดาตัวคันจิต่างๆ บนบอร์ดไม้ แต่สุดท้ายอ่านจากเมนูได้ว่ามีเซ็ต เลยเริ่มสั่งแบบเซ็ตก่อน ซึ่งลุงคนทำจะเสิร์ฟบนแผ่นไม้หน้าตัวเราเหมือนร้านซูชิในตลาดซูกิจิ แต่ที่ต่างคือลุงปั้น/ขยุม ซูชิได้เละเทะมาก 5555 คือข้าวห่อสาหร่ายโปะไข่ปลานี่แทบจะไม่จับตัว โย้ไปเย้มา บางอันล้มระเนระนาด ทำเอาคนกินฮากันเป็นแถบ คือไม่เน้นความสวยงามและดัดจริตว่าต้องมันปลาบเป๊ะๆ แต่เน้นปริมาณและความสด ที่ร้านอื่นข่มลุงไม่ลงจริงๆ “สดมากกกกกก”
ไข่หวานอุ่นๆ ก็เป็นสิ่งที่เลอเลิศ อุนิหวานหอมเหมือนเพิ่งแกะจากเปลือกเมื่อ 3 วิก่อน ไม่คาวเลย!!!!! หวานอีกต่างหาก!! ปลาไหลที่เสิร์ฟบนข้าวทั้งตัว…ทั้งตัว!!! ก็มีรสกลมกล่อมหวานหอมปรุงรสเอง ปลาหมึกลุงก็ตุ๋นเอง บูบอกว่าเนื้อนุ่มเหมือนปลาหมึกกรีก หอยแครงก็กรุบหวานมากทั้งที่เราไม่ชอบหอยแครง คือไม่มีอะไรที่เสียใจที่กินเลย ทั้งที่ปกติเราไม่ค่อยกินอะไรอย่างอื่นนอกจากแซลมอน โฮตาเตะ ปลาหมึก อุนินิดหน่อย (แต่ปลาหมึกสดลุงเฉยๆ)
ตอนแรกพอลุงเอาก้อนซูชิไข่แซลมอนโย้ๆ เย้ๆ แทบไม่จับตัวเป็นก้อน มาวางบนแผ่นไม้หน้าเรา เราก็พยายามใช้ตะเกียบคีบเข้าปากนะ (ขี้เกียจคาวมือ) ทั้งที่มันก็คำใหญ่มาก กลัวข้าวร่วงก็กลัว สุดท้ายสาวญี่ปุ่นข้างๆ คงทนไม่ไหว ให้การชี้แนะเราด้วยการบอกว่า ใช้มือเหอะเธอ ฉันเห็นแล้วเสียวข้าวจะร่วงแทนไม่รู้กี่ก้อนแล้วเนี่ย (แถมถ่ายรูปให้เราเป็นการปิดท้าย) เรารีบขอบอกขอบใจ พอจะหันไปบอกบู อ้าว…ตานี่กินมือตั้งกะคำแรกไม่บอกฉันเลย
ระหว่างกินไป ก็นั่งดูลุงทำไป เมาท์กะสองคู่ข้างๆ ตัวเราไป ชอบใจตรงลุงมีผ้าแค่ผืนเดียว เช็ดมันทุกอย่างทั้งปลา แผ่นไม้หน้าตัวเรา เขียง มีด และมือของลุงเอง คือ…ลุงคะ ยังไงคะ คือผ้าเนี่ยเพื่อความสะอาดหรือเพื่ออะไรคะ บอกหนูที๊!! แต่สรุปได้เลยว่าเป็นร้านที่อิ่มเอมทั้งใจและพุงเมื่อได้เข้าไปกิน เป็นร้านในความทรงจำจริงๆ แนะนำทุกคนเลย


กินเสร็จก็เดินย่อยกลับที่พัก ตัวเราค่อนข้างแคร์ลมหนาวที่พัดใส่หน้าตึงๆ แต่คุณแอบเบลอใส่ เดินไปเรื่อยๆ ชิลล์ๆ




Hell Tour
ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เพื่อประหยัดเวลาไปๆ-กลับๆ โรงแรม ราวๆ 9 โมงเช้าหลังกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็เก็บกระเป๋ามาฝากล็อกเกอร์ตรงสถานีรถบัส สนนราคา 500 เยน/วัน เพราะตอนบ่ายก็จะกลับมาขึ้นบัสที่นี่อยู่แล้ว
ฝากกระเป๋าเสร็จ เข้าไปที่ Tourist Info ซื้อตั๋ว hell tour หรือการทัวร์ชมบ่อน้ำพุร้อนต่างๆ ใน Beppu นั่นเอง วันนี้เราโชคดีแล้ว เพราะมีคูปองลดราคา 10% ด้วย (เหลือคนละ 1822 เยน ดูได้ทั้ง 8 บ่อ) โดยคุณน้าพนักงานที่ยิ้มแย้มตัดมุมกระดาษ (ตรงที่เป็นส่วนลด) ให้พวกเรา เค้าเป็นคนน่ารักมาก อธิบายดี ยิ้มแย้ม สมเป็นตัวแทนชาวเมือง เธอบอกว่าคนไทยมากันเยอะเลยช่วงนี้ มีหยุดยาวเหรอ … เอ นึกไม่ออกแฮะ แต่เราก็เจอคนไทยตามบ่อต่างๆ หลายคนอยู่จริง
จุดนั่งบัสก็อยู่ตรงสถานีนั่นแหละ นั่งออกเมืองไปราว 30 นาทีก็ถึงจุดหมายแรก ลงเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนชะโงกทัวร์นิดๆ เพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินเข้าไปดู ถ่ายรูป แล้วก็ออกมา (จะแช่เรอะ!! แค่เห็นระดับไอร้อนตัวก็สุกได้โดยไม่ต้องจุ่มลงไปจริงๆ) ไม่พูดถึงรายละเอียดละเพราะมีคนเขียนไว้แล้วเยอะมาก เดี๋ยวจะกลายเป็นเพิ่มข้อมูลเดิมมากเกินไป (จริงๆ แล้วคือไม่ได้จำ สักแต่เดินเข้าไปดูอย่างเดียว ฮ่าๆๆๆ)
บางบ่อก็สวยคือมีน้ำสีฟ้า บูบอกว่าน้ำสีฟ้าเกิดจากน้ำไปโดนโคบอลต์ บางบ่อก็สีแดง บางบ่อก็เป็นโคลนเดือน มีกลีเซอร์บ้าง ควันพวยพุ่งกรุ่นบริเวณตลอดเวลา ช่างเป็นภาพที่แปลกตาดีเหลือเกิน เหมือนมีคนทั้งเมืองต้มน้ำจนมีควันพวยพุ่งตลอดเวลา (แล้วภาพห้องต้มน้ำจากหนังเรื่อง spirited away ก็ผุดขึ้นในหัว) แต่บางบ่อก็มีจระเข้และสัตว์มาขังกรงให้ดูด้วย อันนี้เศร้า












ปิดท้ายด้วยภาพวีดิโอ : )
อันว่า beppu คือ capital of onsen in Japan (เห็นเค้าโฆษณาว่างั้น) เพราะใต้ดินมีแหล่งน้ำแร่อยู่เยอะที่สุดในประเทศ ดังนั้นชาวเมืองจึงดึงน้ำแร่เดือดปุดออกมาใช้กันอย่างสำราญใจ ทั้งที่ระบบเค้าก็ไม่ใช่จะง่าย คือต้องมีบ่อพักน้ำ มีท่อปล่อยไอร้อน ฯลฯ เวลาเดินตามถนน บางทีท่อระบายน้ำทิ้งก็มีไอน้ำพวยพุ่งออกมาพร้อมความร้อนผะผ่าวที่ต้นขาให้เสียวใจเล่น ว่าจะเผาขาฉันไหม??!!
เสร็จจาก 6 บ่อแรก เราก็พอละ (แล้วซื้อบัตรพาสมาทำไมอะ ถ้าไม่คิดจะไปให้ครบ!) ชวนบูเดินขึ้นเนินไปดูวิวเมืองที่มีควันปุดๆ โผล่มาจากหลังคาบ้านคนกันดีกว่า บูทำหน้ายุ่งๆ คิ้วขมวดเป็นโบว์เล็กๆ แต่ก็พาเดินไป…โห ไกลอะ! เดินสักพักชักไม่ไหวขึ้นเนินไปได้ราว 30 ก้าวก็เหลือบเห็นวิวนิดๆ เลยยืนดูแป๊บนึงแล้วก็กลับ เพราะมันเป็นการเดินขึ้นเขาทั้งลูกเลยกว่าจะไปถึงจุดชมวิว


ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะเมื่อเราเดินขึ้นเนินกลับไปยังจุดเดิมเพื่อขึ้นบัส ก็ได้เวลารถออกพอดี (ทำให้บูอดกินของนึ่งจากไอร้อนน้ำแร่ ที่แอบเล็งไว้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดูสนุกดี เพราะเราจะเอาอาหารอะไรก็ได้ ไปนึ่งกับไอน้ำพุร้อนที่เค้าเตรียมเตาและอุปกรณ์ให้พร้อม เสียแค่ค่าเช่าไม่เท่าไร นึ่งเสร็จก็นั่งกินกันตรงนั้นเลย)


กลับมาถึงสถานีรถบัส Beppu ยังเหลือเวลาอีกราว 15 นาทีก่อนบัสเที่ยว 13.07 จะมา เลยในโซนอาหารซื้อข้าวผัดเนื้อเค็มกับไก่ทอดสุดอร่อยโกยเข้าปาก ล้างคอด้วยคาราเมลลาเต้ผสมไอติมหอมๆ หวานๆ แล้วไปต่อคิวขึ้นรถสบายใจ … จบทริป Beppu ด้วยประการฉะนี้เอิงเงย

3 thoughts