ซอนซอกฮ่องกงกลับมาอีกแล้วครับท่าน วันนี้จะพาไปไกล๊ไกล ถึงย่าน Fanling ซึ่งเกือบจะถึงเสิ่นเจิ้นอยู่แล้ว คนที่มาฮ่องกงแค่ไม่กี่วันหรือมาเป็นครั้งแรกอาจจะไม่เหมาะ ถือเป็นการนำเสนออีกมุมมองของฮ่องกงที่มากันลำบากหน่อย สมคอนเซ็ปต์ “ซอนซอกฮ่องกง” ที่ตั้งใจไว้แต่แรก (อ่านตอนอื่นๆ ได้จากลิงก์ “ฮ่องกง“)
การเดินทาง
นั่ง MTR ลงสถานี Fanling (ใน New Territories) พอเดินออกจากสถานีจะเจอป้ายรถแท็กซี่และรถเมล์เล็ก ถ้านั่งแท็กซี่บอกว่าไป Tsung Kyam Church ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเทรล ใช้เวลา 5 นาที ค่ารถราว 20 HKD หรือจะเลือกนั่งรถเมล์สาย 54K ก็ได้ ค่ารถคนละ 5.5 HKD (ใชับัตร Octopus ได้) จะบอกคนขับไว้ก่อนก็ได้ว่าถ้าถึงโบสถ์แล้วให้บอกด้วย
อนึ่ง…การนั่ง MTR มาจากในเมืองใช้เวลาพอสมควร (> 30 นาที) เราควรหาที่นั่ง แต่เหมือนเค้าจงใจแกล้งนะ เพราะเก้าอี้รถไฟสายนี้นั่งไม่สบายมากๆ คืนมันเป็นเหล็กลื่นๆ นั่งแล้วไหลตลอดเว ทางแก้คือไปนั่งตู้ First Class ซึ่งมีทุกขบวน การจะนั่งได้เราต้องไปยืนรอที่แพลตฟอร์มสำหรับจอด first class เอาตั๋ว octopus ไป verify ที่จุดแตะบัตรใกล้ๆ กับจุดขึ้นก่อนรถไฟมา เข้าใจว่าเราจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกราว 10HKD แต่จะได้เบาะนั่งที่สบายกว่า (เหมือน airport express) และการันตีว่าได้นั่งเกือบทุกครั้ง (ถ้าคนเต็มก็ต้องยืนรอ แต่คนเข้าออกตลอด แป๊บเดียวก็ได้นั่ง) จึงเหมาะกับคนคิดจะนั่งยาวๆ เช่นเราที่ขึ้นจาก Hung Hom เป็นต้น

Lung Yeuk Tau Heritage Trail
วันก่อนที่โพสต์รูปลงไปในเฟสบุ๊ก Adaytrip มีพี่ที่รู้จักคนนึงบอกว่า เคยมาฮ่องกงและตั้งใจมาเที่ยวนี่โดยเฉพาะ บอกเลยว่าทึ่งและนับถือมาก เพราะค่อนข้างไกลทีเดียว ถ้ามาแล้วคงต้องใช้เวลาทั้งวันถึงจะสนุกคุ้มค่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าใครที่ชอบแนวการเดินเล่นดูอาคารเก่าแก่ ใกล้ชิดธรรมชาติและวิถีชีวิตผู้คนล่ะก็ มันเหมาะมากๆ
Lung Yeuk Tau คือเทรลที่มีพิธีเปิดเป็นทางการในปี 1999 ปัจจุบันมีการทำป้ายบอกทางในระดับที่ดีพอสมควร (บางจุดสับสนและเดินหลงบ้าง แต่ให้อภัยได้ เพราะแถวนี้เดินสนุกร่มรื่น) แต่ก่อนแถวนี้เขาว่าเป็นถิ่นมังกร โดยมีชื่อเดิมที่บางคนอาจจะยังเรียกว่า Lung Ling (เขามังกร) หากจะสืบประวัติก็ไล่ยาวไปจนถึงราชวงศ์ซ่งใต้ปีตั้งกะ 1127 โน่น เอาเป็นว่าลักษณะเด่นหลักๆ ของการมาเดินแถบนี้ คือการดู Five Wais and six Tsuens ซึ่งก็คือ Walled villages 5 แห่ง และหมู่บ้าน 6 แห่ง ส่วนระหว่างทางจะเจออะไรสนุกๆ บ้างก็แล้วแต่มุมมองของใครของมัน (ว่าจะคิดว่าสนุกหรือเปล่า อย่างเราเจอไร่ผักชาวบ้านซึ่งมีฉากหลังเป็นตึกตระหง่านเรียงกันเป็นแท่งๆ ก็คิดว่าสนุกแล้ว)

Walled villages ในที่นี้คือลักษณะหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว จำนวนบ้านอยู่หลักสิบหลังคาเรือน สมัยก่อนแต่ละบ้านเป็นคนแซ่เดียวกันหมด ส่วนใหญ่กำแพงมีอายุหลัก 3-400 ปี ตัวกำแพงส่วนใหญ่จะได้รับการบูรณะใหม่บ้างก่อนเปิดเทรลอย่างเป็นทางการในปี 1999 ส่วนบ้านจะเป็นแบบใหม่ปนเก่า เพราะถ้ามันโทรมมากเขาก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ยกเว้นบางหลังที่เจ้าของไม่ได้อยู่และปล่อยไว้แบบเดิมๆ พวกเราจึงโชคดีได้ดูเป็นขวัญเรียม เอ้ย ขวัญตา
เทรลนี้นับเป็นความร่วมมือจากคนท้องถิ่นทั้งหมด ที่ยอมให้นักท่องเที่ยวเดินท่อมๆ ไปส่องบ้านของพวกเขาได้ ดังนั้นเวลาไปเราต้องเคารพด้วยการไม่ส่งเสียงดังรบกวน จากทั้งหมดมีแค่หมู่บ้านเดียวที่ไม่อนุญาตให้คนเข้า (ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่คงอาคารเก่าไว้มากที่สุด อายุ 500 ปีแน่ะ) คือ Tung Kok Wai แต่เราเดินไปส่องๆ ดูได้
เวลาเดินเข้าไปใน walled village ให้มองหาแผ่นพับไกด์ของเทรลนี้ได้เลย สีน้ำตาลอ่อนๆ มันจะช่วยบอกให้รู้คร่าวๆ ว่ายังเหลืออะไรบ้าง และมีอะไรที่ควรเดินแยกซ้าย-ขวา เข้าไปชม แผนที่จะเป็นแบบนี้จ้ะ หรือคลิกดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์เค้า http://www.amo.gov.hk/en/trails.php




ขณะที่แถวๆ San Uk Tsuen ซึ่งเป็นหมู่บ้านแบบไม่มีกำแพง คนน่ารักมากๆ เราเดินไปเจอคุณลุงที่ออกจากบ้านมาตากผ้าพอดี ขณะกำลังจะเดินผ่าน ลุงชี้โบ๊ชี้เบ้ให้ไปเดินเข้าซอกไปหลังตึกสิ อธิบายยืดยาวเป็นภาษาคันโต (ฟังบ่ออก) รู้คร่าวๆ ว่าหน้าจั่วของอาคารด้านหลังเก่าแก่มาก และมีกล้วยไม้จิ๋วแปลกตาให้ได้ดูด้วย นี่ถ้าลุงไม่บอกคงเดินผ่านไปไม่รู้โหน่เหน่แล้ว จุ๊บๆ รักนะคะ



พูดถึงตรงอื่นก่อนซะได้ กลับมาที่ทางเริ่มเทรลกันเนาะ พอเดินเลยโบสถ์มา เราจะเจอโรงเรียน ที่ฮ่องกงเค้าชอบเพนท์กำแพงรร.เป็นลายน่ารักๆ แบบนี้เกือบทุกแห่งเลย ส่วนป่ากล้วยที่อยู่ด้านซ้ายมือนั่น มีกล้วยทุกต้นค่าาาา! อารมณ์เหมือนเดินต่างจังหวัดบ้านเราจริงๆ


Shek Lo บ้านเก่าแก่ที่สร้างในปี 1924 ของผู้ก่อตั้งวิทยาลัย Wah Yan ในเกาะฮ่องกงและเกาลูน ครอบครัวเขาอพยพมาจากเมืองจีนและปักหลักอยู่ที่นี่จนถึงช่วง 1980s ลักษณะบ้านเป็นการผสมผสานศิลปะแบบตะวันตกและตะวันออก (ค่อนทางจีน) ตอนนี้ถูกป่าคลุมหมดละ



Ma Wat Wai
Walled village อันแรกที่เจอ สร้างสมัยราชวงศ์ฉิง (อย่าลืมว่าที่นี่เป็นประเทศจีน// เตือนตัวเอง) ตั้งแต่ปี 1736-1795 ด้านหน้ามีป้ายอิฐแดงคำว่า Wat Chung บอกให้รู้ว่าแถวนี้ปลูกต้นหอมเจริญงอกงาม ป้อมปราการด้านบนมีช่องไว้ส่องปืนด้วย ภายในบ้านส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นใหม่ทดแทนเดิม







Tang Chung Ling Ancestral hall
ตรงนี้คนมักแวะนาน เพราะสวยเชียว สิ่งที่เค้าเอามาประดับบนยอดหลังคา เป็นเซรามิกรูปสัตว์เสริมฮวงจุ้ยที่ทำซะสวยแจ่ม มองเพลิน ที่นี่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เก่ามากกกก ด้านในสุดเป็นที่เก็บป้ายชื่อบรรพบุรุษ (สำหรับเคารพสักการะ) รวมถึงของเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ซ่งที่จะแกะสลักเป็นรูปมังกรสวยกว่าชาวบ้านทั่วไป


















Shin Shut Study Hall
ไม่ได้เข้าไปดูในฮอลล์เพราะเค้าปิด สร้างสมัย 1840 โดยบรรพบุรุษแซ่ตั้ง เพื่อเป็นที่สักการะบรรพบุรุษและใช้เป็นรร.สอนลูกหลานของตระกูล บางช่วงก็ใช้เป็นคลังแสงเก็บอาวุธด้วย เป็น study hall เดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในเทรลนี้ ด้านหลังมีลานกว้างสำหรับให้เด็กๆ วิ่งเล่น





Siu Hang Tsuen
เป็นหมู่บ้านท้ายสุดของเทรลแล้ว เสร็จจากตรงนี้ เรารอรถเมล์เล็กสาย 56K ที่ป้ายประจำหมู่บ้าน (มีที่เดียว เห็นแน่นอน) รถจะมาทุก 15-20 นาที และจะพาเราไปส่งที่สถานี Fanling เหมือนเดิม



สรุปได้ว่า
เป็นทริปเดินเล่นเย็นใจที่ค่อนข้างชอบมาก ใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมง ควรเตรียมหมวก น้ำและขนมกินเล่นมาสักหน่อย เพราะไม่ค่อยมีร้านขาย ใครชอบแนวนี้ลองดูรูปและอ่านรายละเอียดดู ถ้าสนใจจริงๆ อยากถามเพิ่มเติมก็ติดต่อมาได้ทางเฟสบุ๊ก adaytrip นะ : )