เที่ยวปักกิ่ง : ที่ท่องเที่ยวหลัก

IMG_0249
เราสอง และหมวกแพนด้า (มีหูจิ๋วๆ ด้วย)

ทันทีที่บอกว่าจะมาปักกิ่ง ทุกเสียงพูดตรงกันว่า “ระวังห้องน้ำ!!!” แถมท้ายด้วยการเตือนว่า “เตรียมทิชชู่เปียกไปแยะๆ”, “เอายาดมฉุนๆ ทาจมูกก่อนเข้าห้องน้ำ” หรือไม่ก็ “พี่เอ๋ต้องร้องเพลงนะ ไม่งั้นเดี๋ยวมีคนเข้ามานั่งเป็นเพื่อน” โอ…แต่ละอันมันช่างบั่นทอน อยากจะคืนตั๋วซะตอนนั้น เพราะจริงๆ แล้วไม่อยากไปเลย แต่คุณบูเธอบอกว่าไหนๆ อยู่ฮ่องกงแล้วลองไปดูสักรั้ง ดังนั้นมันคือทริปไปเมืองจีนครั้งแรกของอั๊วะ…..กัววว

เราเป็นคนที่ลำบากได้ทุกอย่าง หรือจะต้องเหนื่อยเดินขึ้นเขาอะไรก็ไม่ยั่น แต่แพ้ทาง “ห้องน้ำเน่า” มากๆ คือพอได้ฟังแล้วสยดสยอง >__< กลัวขึ้นแกนสมองจนแทบอยากจะพก “อันอัน” ไปซะให้มันรู้แล้วรู้รอด ยิ่งพอเข้าห้องน้ำที่สนามบินปักกิ่ง แล้วเห็นป้ายติดที่ประตูเขียนว่า “Please lock the door for your convenience” ความจริงก็พุ่งเข้าหา อา…นี่เรากำลังจะเจอมันจริงๆ แล้วสินะ (จะมีประเทศใดในโลก ที่ติดป้ายเฉกเช่นนี้บ้างคะ ตอบ!)

แต่กลายเป็นว่า…ตลอดทริป 4 วัน 3 คืน…อิฉันรอด!!! ไม่เจอห้องน้ำสยดสยองเลย อาศัยเข้าตามคาเฟ่ ร้านอาหารดีๆ จิบน้ำแต่พอควร กลับรร.ช่วงบ่ายแก่ๆ เพื่อเข้าห้องน้ำอะไรทำนองนี้…ที่แย่ที่สุดก็คือห้องน้ำริมทางที่มีกลิ่นปานกลาง แต่พื้นไม่เปียก ไม่มีอะไรอุจาดลูกกะตาให้เห็น และที่นี่เองทำให้เรารู้ว่าทำไมห้องน้ำเมืองจีนถึงได้เหม็นโฉ่ขนาดนั้น…ก็มันไม่มีน้ำให้กดราดอะ แล้วจะไม่เหม็นได้ไง

อะกลับเข้าเรื่องดีก่า ไม่น่าเชื่อพูดถึงเรื่องห้องน้ำไปตั้ง 3 พารากราฟแน่ะ ปากก็บอกว่าไม่ชอบแต่พูดถึงจังนะเธอวว์! บันทึกปักกิ่ง…ขนมหวานกรอบชอบจริงๆ ของเราทั้งหมดมี 3 ตอน ดังต่อไปนี้ (คลิกที่ลิงก์เพื่อเข้าสู่ระบบ)
บล็อก 1 สถานที่เที่ยวหลัก (บล็อกนี้)
บล็อก 2 เดินดูบ้านเก่าฮูตง & นิทรรศการ
บล็อก 3 อาหารในปักกิ่ง
บล็อก 4 ย่านอาร์ตในปักกิ่ง

ก่อนไปพยายามถามเพื่อนสาวที่ไปทำงานปักกิ่งบ่อยๆ ว่ามีที่เที่ยวอื่นนอกจากแลนด์มาร์กทั้งหลายบ้างไหม เธอก็บอกว่าไม่ค่อยมีหรอก ส่วนใหญ่คนก็จะไปแต่สถานที่สำคัญๆ แค่นั้นแหละ แต่มันแยะนะ…ขอให้หล่อนไปให้หมด
เถอะ
แหม…ก็แค่อยากไปเที่ยวนอกกระแสบ้างไรบ้าง อยากเห็นปักกิ่งในมุมต่างไรงิ (และโชคดีมาก เราเดินไปชนงานนิทรรศการแถวบ้านเก่าฮูตงพอดี บวกกับงานฟาร์มเมอร์สมาร์เก็ตที่ไม่คาดว่าจะได้เห็น 2 สิ่งนี้แหละทำให้รักปักกิ่งขึ้นเยอะมาก)

เนื่องจากไปครั้งแรก เราเลยกะเก็บของหลักๆ อย่างกำแพงเมืองจีน, the forbidden city, national museum, a temple of heaven อะไรพวกนี้พอ ที่เหลือก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อย แต่เนื่องจากเราไปวันชาติจีนพอดี (ก็จีนหยุด…ฮ่องกงก็หยุดเหมือนกัน จะให้เค้าทำไง T^T) คนเยอะมากกกกกกกกกกก!!!! ภารกิจฟิชโช่เลยพลาดไป 1 ที่ The forbidden city เพราะตั๋วหมดตั้งแต่ชม.แรกที่เปิด ตั้งใจว่าจะต้องพาตัวเองกลับไปดูอีกให้ได้ เพราะหลักๆ แล้วพวกเราอยากไปดูที่นี่มากที่สุด

IMG_0034
ทริปนี้นั่ง Air china และพบว่าอาหารขา ฮ่องกง-ปักกิ่ง อร่อยแบบอาหารทั่วไปที่ขายตามท้องถนน แต่ขาปักกิ่ง-ฮ่องกงนี่แบบ…ไร้รสชาติมาก กระทั่งฟอยล์และพลาสติกคลุมจานชาม ยังบางกว่าที่อื่นชนิดที่มือจับก็แทบทะลุแล้วอ่ะ ทำไมประเทศจีนถึงได้ลดเกรดวัสดุมากมายอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้

IMG_0045

จากสนามบินปักกิ่งเข้าเมือง
เราสามารถนั่ง Airport Express (RMB 25/คน) ไปต่อรถไฟได้ ลักษณะคล้ายรถไฟสนามบินบ้านเราเด๊ะเลย กระทั่งความอืดเต่าของมันก็ยังเหมือน!!!! คงตั้งชื่อ express เอาฤกษ์เอาชัยเผื่อวันนึงมันจะได้เร็วขึ้นมาจริงๆ อะเนาะ สิริรวมแล้วใช้เวลาราว 1 ชม.ก็ถึงเมือง (เราพักรร. Grand Millennium ย่าน CBD) แต่กลิ่นสิ…กลิ่นในรถมันตุคุกรุ่นผสมผสานมาก วัสดุที่ใช้ทำรถไฟก็…made in china สมชื่อมาก

อนึ่ง…สนามบินปักกิ่งใหญ่เว่อวังมาก งวงช้างมีไม่รู้กี่สิบ แต่ทว่า…เครื่องจอดให้อิฉันลงกลางลานจ้าาาา (มีงวงไว้ทำม้ายยย) คิดในแง่ดีก็คือ ถ้าจอดที่งวงอาจจะต้องเดินนานกว่านี้ เพราะรถจะพาเราไปส่งที่คิดว่าใกล้กับตม.ที่สุดแล้ว (แต่ก็ยังเดินเยอะทีเดียว) กว่าจะเสร็จสิ้นทุกสิ้นเดินพ้นตม.มา เราก็เกือบเดินออกไปขึ้นรถไฟโดยไม่เอากระเป๋าที่เบลต์ เพราะนานเกิ๊น! (แต่รอตม.แค่ 15 นาทีเอง เร็วกว่าที่คิดเยอะมาก)

อะอนึ่ง…ถ้าไป 3 คน แนะนำให้นั่งแท็กซี่เข้าเมือง เพราะค่าโดยสารราว RMB100 เอง มันสะดวกสบายและไวกว่ากันมาก การไปไหนมาไหนในเมือง เราขึ้นแท็กซี่ก็ไม่เคยเกิน RMB 25 เลย

IMG_0062
หยิบ Time out Beijing city guide มาจากข้างบูธขายตั๋ว airport express
IMG_0065
รถไฟลอยเอื่อยๆ เทียบชานชาลาแล้ว
IMG_0068
เราลงสถานี Sanyuanqiao เพื่อต่อรถสาย 10 อีก 4 สถานีเพื่อไปโรงแรม รถจะวิ่งวนลูปไปเรื่อยๆ

Grand Millennium Hotel

DSCF1146
เป็นรร.ที่อยู่ห่างจากสถานี Jintaixizhao แค่ 2-3 นาทีเดินเองจริงๆ ขนาดของมันก็แกรนด์เว่อร์วังอลังการงานสร้าง เหมือนตึกและอาคารทั่วไปในปักกิ่งโดยเฉพาะล็อบบี้ ห้องหับกว้างขวางเตียงใหญ่มาก มีทุกอย่างที่รร.4-5ดาวทั่วไปมี อาหารเช้ามีให้เลือกเยอะพอสมควร แต่เฉยๆ (ติดจะไม่ค่อยอร่อย) ทีเด็ดคือพนักงานคอยช่วยเหลือเจือจุนเป็นอย่างดี ทั้งจองรถ จองร้านอาหาร สอบถามข้อมูลเป็นภาษาจีน ฯลฯ คือถ้ากลับไปก็คงพักรร.นี้แหละ สะดวกดี (อย่าเผลอกินน้ำอัดลมนะ ราคาป๋องละ RM40 ขณะที่กดตู้น้ำกระป๋องละ 3!!!!!! เฮ้ย ราคาต่างกันเยอะไปไหม??)

IMG_0078

The Great Wall
กำแพงเมืองจีน

IMG_0136

เราก็เพิ่งรู้ตอนไปถึง ว่ากำแพงเมืองจีนมีจุดขึ้นชมหลายจุดมาก คุณบูเลือกขึ้นที่ Mutianyu ซึ่งคนจะน้อยกว่า แต่ใช้เวลาเดินทางจากเมืองมากกว่า คือราว 1.30 ชม. (ปกติกรุ๊ปทัวร์จะพาไปขึ้นที่ Badaling) เราให้รร.จองรถเช่าพร้อมคนขับให้ในราคา RMB1,000/10 ชม. (RMB700/8ชม. เออแฮะ…ทำไมยิ่งเช่านานยิ่งแพงนะ?) แต่คนขับก็สุภาพมาก พาแวะเข้าห้องน้ำที่ค่อนข้างสะอาด พาไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ อยู่รอตรงตามเวลานัด ขับรถดี มีร้องเพลงหงุงหงิงจังหวะที่เรา 2 คนหลับ เพราะตัวเค้าเองก็คงง่วงด้วย แดดมันส่องหน้า

กำแพงเมืองจีนจุดนี้ “ห้องน้ำสะอาดระดับ A+++++” คือพื้นแห้ง มีโถส้วมงามตา ไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่เราต้องเตรียมทิชชู่ไปเองนะ เราเข้าตรงจุดลง Slider ซึ่งน่าจะเป็นห้องน้ำที่สร้างใหม่ บอกเลยประทับใจจนเกือบกรี๊ดออกมาเป็นภาษาดาวนาเม็ก

ค่าเข้า+ค่า shuttle bus + ค่า Ropeway ไปกลับ RMB160/คน คนจีนส่วนใหญ่มักจะเดินขึ้นไปยังกำแพงเมืองจีนตั้งแต่จุดลง shuttle bus ซึ่งคุณคนขับบอกว่าใช้เวลา 1 ชม. พวกเราเลยต้องตัดใจใช้ ropeway แต่ถ้าใครไม่อยากนั่งก็มีกระเช้าแบบห้อยขาเป็นอีกทางเลือกนึงด้วย (ส่วนตอนลงมี Slider เพิ่มมาอีกอัน)

ซื้อตั๋วเสร็จพวกเราหาซื้อหมวกก่อนเพราะแดดจัดมาก และลืมเอามา ได้หมวกแพนด้ามา 2 ใบในราคา140 บาท!!! คือถูกอะในฐานะที่มันเป็นแหล่งท่องเที่ยว นี่ขนาดคุณบูต่อจิ๊ดเดียวเองนะ จริงๆ คงซื้อได้ถูกกว่านี้ จากนั้นเดินไปขึ้น Shuttle Bus เพื่อต่อไปขึ้น Ropeway ทั้งหมดใช้เวลาแค่ไม่ถึง 20 นาทีเอง พลิ้วมาก

คะนี้ว่า…ropeway ดันไปโผล่ตรงกลางพอดี ระยะทางทั้งหมดมัน 5 กม. เราตั้งใจจะเดินทั้ง 2 ฝั่งอยู่แล้ว เลยเริ่มจากด้านซ้ายก่อน ซึ่งตรงที่หินสุดคือขาสุดท้ายที่สูงชันท้าทายนทท.มาก โชคดีอากาศเย็น ลมพัด เหงื่อจะไหลบ้างแป๊บเดียวก็หาย จะบอกว่าเดินสบายมาก คนไม่แยะไม่ต้องเบียด สภาพกำแพงเหมือนเค้าทำใหม่เลยดีมาก พอได้มามองเห็นภาพจริงของกำแพงที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตั้งตระหง่านบนยอดเขาที่พี่จีนเขาทำเพื่อป้องกันมองโกเลียแล้ว…อดคิดไม่ได้ว่านี่มันขี่ช้างจับตั๊กแตนป่าว? แต่ถึงจะใช่ก็ยังจัดว่าเป็นเรื่องดี ไม่งั้นคนรุ่นเราและต่อจากเรา คงไม่มีโอกาสเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ สำคัญคือสร้างด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมนุษย์ โดยมีเครื่องทุนแรงน้อยมาก วัสดุดั้งเดิมก็คือข้าวเหนียวกับฟางเอามายาระหว่างก้อนอิฐทำนองนี้ คุณบูเล่าไประหว่างเราเดินเล่น ถ่ายรูป ไป-กลับจนครบ 2 ฝั่งราว 2.30 ชม. แล้วนั่ง Slider (เสียตังเพิ่มอีกคนละ RMB80) ลงมาด้านล่างเพื่อนั่ง Shuttle Bus กลับไปที่ศูนย์นทท. แล้วเลือกร้านกินข้าวกลางวัน เป็นร้านอาหารคล้ายเสฉวน RMB120 (มี burger king ด้วยนะ ถ้านึกไรไม่ออก เพราะอาหารจีนแต่ละร้าน มาจานใหญ่บึ้ม)

DSCF1226
shuttle bus จากจุดซื้อตั๋ว
DSCF1232
ropeway ใช้เวลาราว 5 นาทีเอง
DSCF1255
ที่นี่คนจะน้อยกว่า Badaling เพราะไม่มีกรุ๊ปทัวร์ จะมีก็กลุ่มเล็กๆ ซึ่งน้อย เดินสบายมาก ส่วนใหญ่เป็นคนจีนกันเองมาเที่ยว และฝรั่งราว 10%
DSCF1266
ช่วงสุดท้ายชันแบบไม่ไว้หน้า แต่ละคนหอบแฮกกันเป็นแถบ
DSCF1274
เมื่อเราขึ้นมาถึงแล้ว ก็ลอบมองชาวบ้านต่อไป
DSCF1239
กำแพงเมืองจีน
DSCF1246
กำแพงเมืองจีน
DSCF1247
กำแพงเมืองจีน
IMG_0210
ห้องน้ำนี้ สะอาดเอี่ยมมาก (ทางลง Slider)
IMG_0201
คนต่อคิวลงด้วย slider เยอะมาก ซึงก็คือ luge นั่นเอง รถจะไหลลงเขาไปเรื่อยๆ เร็วมาก
IMG_0212
ตรงศูนย์นทท.
IMG_0214
อาหารกลางวัน สั่งง่าย ใช้วิธีจิ้มรูป แฮ่… ร้านนี้อาหารโอเคนะ ไม่แย่ไม่มัน เราสั่งถั่วผัดพริกเสฉวน กับไก่ผัดต้นหอม

The Summer Palace

IMG_0224
“มันคือสวนแมนเมดที่ใหญ่ที่สุดในโลก” คุณบูกล่าว
หลังกินกลางวันที่กำแพงเมืองจีนเรียบร้อย เรา 2 คนหลับคร่อกระหว่างพี่เขาขับเข้าเมือง เพื่อพาไป พระราชวังฤดูร้อน เป็นการปิดทริปวัน นี่เป็นครั้งแรกที่เราเห็นคลื่นมนุษย์จำนวนมากจนเกือบช็อค (ขนาดไปถึง 4 โมงแล้วนะ) ตอนซื้อตั๋วกะซื้อแบบเหมารวม แต่พนง.น่ารักมาก บอกว่าคุณดูไม่ครบหรอก ซื้อแค่ตั๋วเข้าละกัน อันอื่นค่อยไปซื้อเพิ่มเอาข้างใน…รักบอกเลย  (ค่าเข้า RMB30/คน ส่วนค่าเข้าแยกอยู่ที่ 10-15/คน) ซึ่งสุดท้ายเราซื้อตั๋วเข้า Tower of the fragance of the Buddha เพิ่มอีกแค่ที่เดียว และซื้อแผนที่มาด้วยในราคา RMB 10 (บูบอกเป็นแผนที่ ที่ดูยากที่สุดในโลก เพราะเน้นความงามมากกว่าการนำทาง)  แต่ในอีกแง่นึงมันก็ดี ตรงมีคำอธิบายสั้นๆ ของแต่ละจุดให้ เหมือนเป็นไกด์เล็กๆ ไปในตัว…คุณบูกล่าว

จริงๆ แล้วจุดสำคัญๆ ที่มีให้ดูก็ไม่เยอะมาก แต่ทว่า…แต่ละจุดมันไกลกันเดินเหงื่อตก แถมมีทะเลสาปอยู่ตรงกลาง จะเดินตัดขวางอะไรก็ไม่ได้ ต้องอ้อมไปไกลลิบตาเลยทีเดียว มิน่า…(ตบเข่าฉาด) ถึงได้มีเรือข้ามฟากรับส่ง ซึ่งสุดท้ายพวกเราก็ต้องขึ้นเรือเช่นกัน (คนละ RMB15) ไม่งั้นคงเสียเวลาเดินอ้อมทะเลสาปอีกราวๆ ชั่วโมงนึงได้ ขนาดว่าเดินเร็วแล้วนะ

แต่เราชอบสวนของที่นี่นะ โดยเฉพาะฝั่งซ้ายของ Tower of the fragance of the budha มันสวย ร่มรื่น น่ามาปิคนิคมากกกกกกก แถมส่วนนี้คนน้อยเพราะเดินมาไม่ค่อยถึงกัน (จะออๆ ตรงประตูทางเข้าซะมาก)

DSCF1286
ผ่านด่านเก็บตั๋ว ก็จะเจอภาพนี้เลย เรือน้อยลอยลำจำนวนมาก ด้านหน้า Tower of the fragance of the budha อันสูงๆ ที่ตั้งตระหง่าน
DSCF1289
และมนุษย์จำนวนมากไม่แพ้กัน
DSCF1293
มีคุณลุงหลายคน เอาพู่กันน้ำใหญ่ๆ มาเขียนลงบนพื้น น่าจะเป็นคำมงคล
DSCF1298
ฝาท่อเค้าก็ใส่ใจนะ (แต่ห้องน้ำไม่ค่อยใส่ใจ)
DSCF1306
the summer palace, beijing
DSCF1309
the summer palace, beijing
DSCF1310
the summer palace, beijing
DSCF1316
the summer palace, beijing
DSCF1323
the summer palace, beijing
DSCF1328
the summer palace, beijing / Tower of the fragance of the budha
DSCF1332
the summer palace, beijing
DSCF1336
the summer palace, beijing
DSCF1340
Tower of the fragance of the budha ถ่ายจากบนเรือข้ามฟาก
DSCF1342
the summer palace, beijing เรือข้ามฟาก

The forbidden city
และสวนที่อยู่ติดกัน

เราไปถึงตอน 9 โมงเช้า พบว่าตั๋วหมด T^T คนแน่นมากกกกกก คือพูดภาษาจีนไม่ได้ ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น กว่าจะชี้โบ๊ชี้เบ๊คุยกับการ์ดแล้วรู้ว่าอ๋อ ตั๋วหมดอดเข้า (อ้าวเฮ้ย! อุตส่าห์ตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่ไก่โห่) ตอนหลังมาคุยกับพนง.รร ให้จองตั๋วทางออนไลน์ให้ เค้าบอกว่า 2-4 ตค. นี่จะพี้คสุดแล้ว อย่าพยายามหาซื้อตั๋วเลยครับ ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่เถอะ ผมขอร้อง…อะๆ ก็ได้

ไหนๆ อยู่ตรงนั้นแล้ว เห็นตู้ขายตั๋วเข้าสวน เราก็เลยซื้อเดินเข้าไปดูซะเลย ปรากฏก็ไม่แย่นะ สวนทำดีทีเดียว สวยเลยล่ะ และทำให้เห็นเรือนกระจกแบบจีนที่เค้าใช้เลี้ยงกล้วยไม้ในหน้าหนาวด้วย ไม่พอยังมีต้น Cyprus อายุเป็นพันปี!!!!! และยังมีชีวิตอยู่ให้ได้เห็น เป็นบุญตาขะเจ้ามาก

DSCF1354 - Copy
ดูคนสิคะคุณพี่!!!!!!! คือตอนเข้านี่ไหลเข้าไปนะคะ ไม่ได้เดิน
DSCF1364 - Copy
เลยเปลี่ยนมาเข้าสวนแทน เพื่อไม่ให้เสียโอกาส

DSCF1367 - Copy DSCF1369 - Copy DSCF1372 - Copy DSCF1376 - Copy DSCF1381 - Copy DSCF1383 DSCF1388

DSCF1390
ต้น cyprus เก่าแก่เป็นพันปี!!

The temple of heaven

IMG_0422

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ที่จัดอยู่ในโปรแกรมเสริม หลังผิดหวังจาก The forbidden City…พบว่าที่นี่กว้างใหญ่เว่อวังอีกแล้วครับท่าน เดินจากมุมนึงไปอีกมุมนึงนี่…เตรียมไว้อย่างน้อย 30 นาที พร้อมพลังในกล้ามเนื้อน่องจำนวนหนึ่ง

เราไปถึงราวๆ 10 โมงคนเยอะแต่ไม่มาก ซื้อตั๋วแบบ Thru ticket (จำได้ว่าคนละ 70) ซึ่งระบุว่ามีจุดชมหลักๆ 4 แห่ง เวลาเข้าก็ให้จิ้มบัตรลงให้เครื่องตอกรู

จริงๆ แล้วที่นี่ก็มีลักษณะคล้ายชื่อนะ คือกว้างใหญ่อลังการงดงาม ประหนึ่งสรวงสวรรค์ มีลานบูชายันต์ด้วย ที่เราชอบสุดกลับไม่ใช่สิ่งก่อสร้างสูงๆ แต่เป็นสวนสน ที่เขียวสด กว้างใหญ่และสวยงาม แค่เดินผ่านยังรู้สึกสดชื่น เพียงแค่ไม่กล้าแหมะตัวลงไปบนพื้นหญ้าเหล่านั้น เพราะกลัวมีคนมาขากถุยทิ้งไว้ จึงจัดให้เป็นความงามที่ไม่ควรแตะต้อง

ช่วงทางเข้า…จะมีกิจกรรมอะไรเยอะแยะมากกกกกมาย เป็นแบบเปิดหมวก line dancing, การร้องเพลงและเต้นรำสารพัดรูปแบบ และเกือบทุกกิจกรรมก็มีคนมุงดู และเข้าร่วมอย่างสนุกสนาน เป็นบรรยากาศที่ฮาเฮมาก

DSCF1389
temple of heaven, bejing, china
DSCF1574
คนสนุกกับการถ่ายรูปในนี้มากกก คงเพราะคนน้อยกว่าที่อื่นๆ ด้วย
DSCF1577
เห็นคนรุม ฉันก็กลัวแล้ว ถอยดีกว่า…
DSCF1579
เป็นอาคารที่สวยและให้ความรู้สึกเหมือนยานอวกาศนิดๆ
DSCF1587
temple of heaven, bejing, china
DSCF1588
temple of heaven, bejing, china
DSCF1611
temple of heaven, bejing, china
DSCF1612
temple of heaven, bejing, china
IMG_0454
สวนใน temple of heaven, bejing, china

 

 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s