
ก่อนเดินทาง…ซื้อหนังสือ Barcelona Guide โดยสนพ.ฮ่องกงมาเล่มหนึ่ง
เห็นรูปเล่มเก๋เชอ เลยเชื่อว่าโรงแรมที่เลือกมาพูดถึงจะต้องไม่หนอน
ดังนั้นพอเลือกที่พักในสเปน เราเลยเลือกจากลิสต์ในหนังสือด้วยความขี้เกียจ บวก งก
ผลที่ได้คือตัดสินใจจอง Generator Hostel ทั้งที่ไม่เคยอุตริคิดจะพักโฮสเทลไหน
เหตุผล? เพะราคาถูกมากกกเมื่อเทียบกับดีไซน์
มีห้องที่มีห้องน้ำในตัวด้วย ไม่ต้องไปแบ่งห้องน้ำกับใคร ไม่ต้องเก็บแปรงสีฟันทุกวัน
แถมถ้าใครจองห้องแบบ Twin en-suite room จะมีระเบียงให้ด้วย เออ…เอาซี้!
ที่นี่อยู่ห่างจากสถานี Metro : Diagonal หรือ Verdaguer ใช้เวลาเดินราว 10 นาที
ดังนั้นโลเคชั่นจึงจัดว่าเริดหรู อยู่ในย่านที่ดีมากเลย
ความประทับใจเมื่อแรกพบสบตา…
เราไปถึงบาร์เซโลน่าเกือบเที่ยงคืนเพราะรถไฟดีเลย์ (จากสถานีรถไฟมาโฮสเทล เสียค่าแท็กซี่ 13 ยูโร)
พอแท็กซี่มาจอดด้านหน้า.อกอิแป้นจะแตก! เพราะเสียงเพลงจากบาร์ดังทะลุออกมาด้านนอกแน่ะ
เรื่องของเรื่องคือชั้นล่างของโฮสเทลเป็นบาร์ค่ะ! ดังนั้นด้านหน้าเลยมีคนมายืนสูบบุหรี่กันเต็มไปหมด
อิฉันก็หน้าบูดขึ้นมาทันที (เหม็นบุหรี่นี่นา) แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะหล่อนเป็นคนเลือกเองนี่ยะ
คนเช็กอินก่อนหน้าเรามีแค่คนเดียว แต่พนักงานใช้เวลายาวนานราวกับ 10 คน
ยืนรอขาหงิกไปสิ เนื้อตัวเหนอะหนะจากการเดินทาง ผสมความหิว
กว่าคิวจะเคลื่อนมาถึงเราได้ ท้องไส้ก็เกือบโดนน้ำกรดกัดจนทะลุละ
คนก่อนหน้าเราพักแบบโฮสเทลและต้องเช่าผ้าขนหนูเพิ่มด้วย
บูถึงกะหันมาถามว่าเราต้องจ่ายค่าผ้าขนหนูเพิ่มด้วยไหม เอ่อ…ก็กลัวใจอยู่นะ มันยังไงกันเนี่ย
ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนลุงป้าผู้เฒ่า ที่จับพลัดจับผลูมาพักโฮสเทล แล้วไม่เข้าใจระบบของมัน
ไม่เหมือนเด็กรุ่นใหม่ที่เขาพักกันเป็นเรื่องเป็นราว
เช่นการต้องเสียภาษีเพิ่มเติมจากค่าพักเราก็ไม่รู้ แต่แค่ไม่กี่ยูโร
ที่นี่แบ่งทางเข้าเป็น 2 ส่วนคือ hostel กับ hotel จะขึ้นห้องได้ต้องเสียบการ์ดที่ลิฟต์ก่อน
ซึ่งก็ดีเพราะคนนอกจะได้ไม่เข้ามามั่วแลดูน่ากลัว แถมบาร์ก็อยู่ข้างล่าง ร้อยพ่อพันแม่มาก
(อ่านจากในลิฟต์ เห็นบอกว่าเธอสามารถ dance all night ได้เลย แสดงว่ามันกะสว่างกันเลยสินะ!)
แต่ก็ยอมรับว่าค่อนข้างประทับใจกับการออกแบบตกแต่งดีไซน์เก๋กิ้ว น่ามองน่าอยู่
แม้บรรยากาศแวดล้อมจะทำให้ฉันอยากกัดหัวทุกคนที่ขวางหน้า
จริงๆ แล้ว Generator Hostel เขามีสาขาอยู่หัวเมืองใหญ่ในยุโรปหลายแห่งเลยนะ
(แกด่าเขาขนาดนี้ ยังมีหน้าจะชวนคนอื่นไปพักอีกนะ)
ทั้งปารีส ลอนดอน เวนิซ ฮัมบรูก ดับลิน โคเปนเฮเกน เบอร์ลิน
เพราะเท่าที่ดู ลูกค้าก็มีมากมายอยู่ โดยเฉพาะฝั่งโฮสเทล คนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ทีเดียว
วิจารณ์แบบรัวๆ
ที่นี่…เหมาะกับ “คนที่คิดจะเที่ยวทั้งวัน” เพราะขนาดห้องเล็กมาก
คุณคงไม่อยากอุดอู้อยู่ในนี้ให้เสียจริตเล่นเป็นแน่
พื้นที่ว่างจะไม่พอวางกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ
โต๊ะหรือก็จิ๋วจ้อย วางโทรศัพท์ชาร์จ 2 เครื่องกะแบตกล้องอันนึงก็เกือบเต็ม
โชคดียังมีกระจกบานใหญ่ให้ มีราวแขวนเสื้อเล็กๆ ข้างโต๊ะ มีแอร์ในวันที่อากาศเริ่มอุ่น
คุณภาพของหมอน และเตียง คือมาตรฐานโฮสเทลโดยแท้ คือ…ค่อนข้างแย่
หมอนงิแบนมาก กลัวว่าหนุนแล้วจะปวดไหล่เพราะตกหมอนอ่า
ผ้าปูที่นอนก็เนื้อหยาบเชอ แต่ด้วยความที่เราเดินเที่ยวทั้งวัน วินาทีนั้นจะหยาบแค่ไหน ฉันก็หลับคร่อกแล้วล่ะ
ส่วนในห้องน้ำ ค่อยยังชั่วที่มีคอกสำหรับอาบน้ำฝักบัวแยก ทำให้พื้นห้องน้ำไม่เฉอะแฉะ
ทิชชู่ม้วนใหญ่ที่เขาเตรียมไว้เหมือนประชด เหมือนดีนะ แต่ใช้ยากอ่ะ เพราะมันดึงปรื้ดๆ ไม่ได้
แถมเกะกะพื้นที่หน้ากระจกอีก …
สิ่งที่ทำให้ปรี๊ดเกือบแตก คือไฟอัตโนมัติตรงหน้ากระจกในห้องน้ำ มันคอยแต่จะดับอยู่เรื่อย
ทั้งที่ฉันก็พยายามขยับยุกยิกให้รู้ว่า…เออนะ ยังมีมนุษย์อยู่ตรงนี้อีกคน อย่าเพิ่งดับไฟล่ะ (แต่มันก็ยังดับ!)
สุดท้ายเลยปลง จะดับก็เรื่องของแก ฉันจะแปรงฟันต่อไป
ขณะที่คอกอาบน้ำ…ถึงจะเล็กพอๆ กะรร.แคปซูลในญี่ปุ่น แต่ก็อาบได้
(มีเสียงกึงกังระหว่างอาบบ้าง เพราะศอกไปกระแทกผนังคอกอาบน้ำตอนถูตัว)
ตอนแรกนึกว่าจะไร้ปัญหาแต่! ฝักบัวค่ะ….
ฝักบัวมันเพี้ยน คือพอเปิดน้ำแล้วมันคอยแต่จะเคารพธงชาติอยู่ร่ำไป
ทำให้อาบน้ำไม่ได้ เพราะน้ำพุ่งเข้าหาผนังตลอดเวลา ต้องพยายามลดระดับน้ำให้แผ่วเบา
มันจะได้ไม่ถ่วงฝักบัวให้ย้วยย้อยลงมา เฮ้อ…นึกสภาพคืนแรกที่เพิ่งเช็คอินออกไหม
หิวก็หิว ยังต้องมาเจออะไรบ๊องๆ บวมๆ แบบนี้อีก T^T
อุปกรณ์อาบน้ำไม่มีเตรียมอะไรให้เลย โปรดเอาของตนเองไปด้วยนะคะ
พอมาพักโรงแรมราคาถูกแบบนี้แล้ว คิดถึงโรงแรมในเอเชียจับใจ
ราคาเท่ากัน แต่ได้อะไรต่ออะไรเยอะกว่ามาก บริการก็ดีกว่า
ที่นี่ไม่ว่าจะไปไหน เราก็ต้องลากกระเป๋าขึ้นห้องเอง แถมห้องก็เล็กจิ๋วทีเดียว
สรุปข้อด้อยแบบรวบรัด
/ ด้านล่างเป็นบาร์ อึกทึก เหม็นควันบุหรี่
/ ห้องเล็กกว่า รร ทั้งหมดที่พักมา แทบวางกระเป๋าเดินทาง 2 ใบไม่ได้
/ ไม่มีไดร์เป่าผม
/ ห้องชาวเวอร์เล็กมาก ขนาดเท่าตัวเราพอดี
/ shower head คอยแต่จะเอียงล่ม
/ น้ำเป็นด่าง! ทำให้อาบแล้วลื่นๆ เหมือนไม่สะอาด ให้ความรู้สึกเหมือนมนุษย์เมือก
/ ไม่มีแก้วให้ใส่แปรงสีฟัน
/ ไฟในห้องน้ำดวงหน้ากระจกเป็นแบบเซนเซอร์ ถ้าเรานิ่งไปนานๆ มันจะดับ แล้วตูจะทาครีมยังไง!
/ แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่มีน้ำให้ (ไดร์เป่าผมยังไม่มีเลย)
/ พนักงานน้อยนะ เที่ยงคืนมีคนเข้ามาเช็คอินเรื่อยๆ มีพนักงานหน้ามึนๆ ทำอยู่คนเดียว
/ บูชอบหมอนเพราะมันแบนแฟบดี (บูบอกประชดนะ)
/ พนักงานเข้ามาทำเตียงให้ 2 วันครั้ง แต่นางจะเข้ามาเก็บขยะไปทิ้งทุกวัน
ข้อดี
/ถูกกว่า รร ทั้งหมดที่พักมา
/แต่งห้องได้สนุกดี มีสีสัน
/ในห้องเงียบกว่าที่คิด
/ให้ทิชชู่ห้องน้ำม้วนใหญ่สะใจมาก แต่เป็นทิชชู่แบบเช็ดตุ้ส (กึ่งประชด)
อาหาร ...เราไม่ได้จองแบบรวมอาหารเช้า แต่…ถ้าจะทานก็เสียเพิ่มแค่คนละ 6 ยูโรตอนเช้าได้เลย
ซึ่ง..เราไม่เคยกินอาหารเช้าที่โฮสเทลเลย เพราะคืนแรกก็ซึ้งแล้ว
คืนนั้นหิวจัดไง แต่ร้านอาหารแถวๆ ที่พักปิดหมด เนื่องจากเลยเที่ยงคืนแล้วค่า
เลยหยิบแซนวิชฮาม็อง (แฮมสเปน) ที่วางขายหน้าเคาน์เตอร์มากินในราคา 4 ยูโร
แต่กินได้แค่ 2 คำฉันก็ต้องขอลา ขนาดตูหิวนะยังกินของชืดๆ แบบนั้นไม่ลงเลย
อาหารเช้าเราแนะนำให้ไปกินร้าน Cafe 365 ตรงหัวมุมเยื้องโรงแรมนิดนึง
ร้านนี้เปิดเช้ามาก มีขนมปังล้านชนิดให้เลือก รสชาติโอเคเลย น้ำส้มคั้นสด กาแฟรสอร่อย
พนักงานพูดอังกฤษฉะฉาน ถ้าทานแค่ขนมปังกับกาแฟ สองคนตกอยู่ราว 8 ยูโรเท่านั้น
ถ้าเพิ่มน้ำส้มก็ราวๆ 10 ยูโร กินมันทุกวันค่ะ กระทั่งวันกลับก็ยังต้องกินสั่งลา
หรืออีกทีก็คือ แถวโฮสเทลมีร้านอาหารเช้าเปิดหลายแห่งเลย จะเลือกกินร้านไหนก็ได้ตามใจจอร์จ




สรุปว่า...ทั้งหมดเกือบจะเป็นการต่อว่า Generator Hostel
แต่จริงๆ แล้วเราว่ามันเป็นที่พักที่คุ้มกับราคาที่จ่ายไป
คือเราจ่ายถูก ก็ย่อมได้น้อยเป็นธรรมดา แต่ถ้าคิดจะเที่ยวทั้งวันล่ะก็ ที่นี่คือทางเลือกที่สุโค่ยมากโลเคชั่นก็ดี
แถมโฮสเทลเขาแต่งสนุก เดินดูเล่นๆ ยังชอบเลย หิวน้ำก็มีตู้กดอยู่ที่ชั้นลอย
อยากแดนซ์ก็มีผับให้เข้า บางคืนเปิดถึงเช้าอีกต่างหาก (แต่โชคดี เสียงไม่ดังไปถึงข้างบนห้อง)
แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องสตางค์ และเป็นแฟนคลับรองเท้า Camper
เขามีโรงแรมเก๋สุดขีดตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย ชื่อ Casa Camper Barcelona
http://www.casacamper.com ลองเข้าไปเช็กราคาและห้องพักดูนะ















ยังไม่จบๆ…ขอแนะนำร้านอาหารใกล้โรงแรมหน่อย ชื่อ Ferrum
คือมันดีมากจริงๆ วันนึงเรากลับที่พักดึกมากในสภาพหิวโซ เลยลองเดินดูบริเวณใกล้ๆ ปรากฏจับพลัดจับผลูเดินเข้าร้านอาหารอร่อยที่คนเค้าชอบกันโดยไม่รู้ตัว เย้! (มาอ่านเจอทีหลังว่าร้านเขามีชื่อพอสมควรเลย) ปลา Hake จี่หนังกรอบเนื้อนุ่มมาก กระทั่งสตูว์ปลา monk fish ที่ปกติเราไม่ชอบก็อร๊อย อร่อย ขนมปังอุ่นร้อนเพิ่งหลุดจากเตา ไข่ทรัฟเฟิลก็เป็นรสชาติที่ลืมไม่ลง ที่เด็ดไม่แพ้กันคือขนม pineapple cappacio ที่เอาสับปะรดมาฝานบางๆ ราดด้วย red pepper syrup กับมะพร้าวป่น…
สวยมากๆเลย เหมือนที่นี่เป็นเมืองแห่งลวดกลายกระเบื้องเลยเนาะ ^^
จริงฟิล์ม! บ้านแต่ละหลังที่เข้าไปดู กระเบื้องลายดอกสีพาสเทลสวยมากๆ ทั้งนั้น