
เที่ยวญี่ปุ่นแถบคันไซทริปนี้ เราเลือกพักในเมือง 2-3 วัน สลับกับพักเรียวกังเมืองออนเซ็น 1 คืน (มากกว่านี้กระเป๋าแฟบ!)
เมื่อก่อนเที่ยวเมืองไปไหนไปกัน ฉันไม่ยั่นไม่เหนื่อย แต่พอโตขึ้นมา…เที่ยวช้าลงอีกนิดก็แฮปปี้ดีเหมือนกันนะ – -”
หาข้อมูลพบว่า อาริมะ คือเมืองออนเซ็นที่มีน้ำแร่ใช้ในการรักษาโรค อยู่ห่างจากโกเบครึ่งชั่วโมงเอง
คุณเมียเคลื่อนที่ก็กุกกัก หาเรียวกังที่ถูกใจและจองโดยพลัน
การมาอาริมะ
จากโกเบ ไม่ว่าสถานี Sanomiya หรือ Shi Kobe ให้นั่ง subway Seishin-Yamate Line
(สายนี้ถ้าออกจากโกเบจะเรียกว่า Hokushin Line) ไปลงสถานี Tanigami Station
จากนั้นให้เปลี่ยนไปขึ้นสาย Kobe Arima Line (Shintetsu) ลงสถานี Arima Guchi
แล้วเปลี่ยนไปขึ้น Arima Onsen Line ลงสถานี Arima Onsen
คือเปลี่ยน 3 รอบจริง แต่ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีเองนะ
ตัวเมืองอาริมะ
อยู่โกเบยังใส่เสื้อยืดตัวเดียวสบายๆ แต่พอเข้าเขตอาริมะแล้วต้องควักสเวตเตอร์มาใส่
เนื่องจากที่นี่ห้อมล้อมด้วยเขาและป่า ตามประสาเมืองออนเซ็นที่ดี
ทำให้อากาศเย็นเยือกอย่างน่าสุขใจ ลมพัดหวิววืดให้ผมสยายน้อยๆ แต่พองาม
อาริมะ เป็นเมืองออนเซ็นขนาดเล็ก มี Public Bath House 1 แห่ง ที่ให้บริการน้ำแร่จากแหล่งต้นกำเนิด
คนส่วนใหญ่มักมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ เพื่อแช่น้ำที่ Bath House แช่เสร็จก็เดินเล่นในเมือง
ใครที่ไม่อยากแช่น้ำทั้งตัว ด้านหน้าเขาก็มีบ่อน้ำแร่ให้แช่เฉพาะเท้าฟรี เกียมผ้าเช็ดเท้ามาเท่านั้นพอ
แม้ที่นี่จะไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นใด แต่ในเมืองมีร้านรวงขายขนมและของฝากมากพอให้เดินสนุก
มีขนมของกินหน้าตาน่าทานเพียบ ที่คนต่อแถวซื้อไม่ขาดสาย คือซาลาเปาไส้ถั่วแดงชิ้นจิ๋ว
ที่นึ่งในกะบะไม้สี่เหลี่ยม นั่งกินร้อนๆ หน้าร้านแปบเดียวหมด
จุดเด่นของย่านช็อปปิ้ง คือร้านรวงสองฟากฝั่งถนนเส้นเล็กขึ้นเนิน ถูกดัดแปลงมาจากบ้านไม้เก่า
ทำให้เราได้อรรถรสในการเดินมากยิ่งขึ้น ยิ่งช่วงเย็นๆ ค่ำๆ มีคนใส่ยูกาตะออกมาเดินปะปน
ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเรากำลังย้อนยุคกลับไปในอดีตอย่างบอกไม่ถูก
















Tocen Kochobo
ถ้าใครมีเวลาขอแนะนำให้ค้างที่อะริม่าสักคืน เพราะแต่ละเรียวกังหรือโรงแรมจะมีบ่อน้ำแร่ให้เราแช่สบายใจ
แต่ไฮไลต์คือเวลาช่วงค่ำๆ หลังจากนักท่องเที่ยวพากันกลับโกเบไปหมดแล้ว
อยู่ๆ เมืองที่พลุกพล่านก็จะหลับไหล ทุกสรรพเสียงสงบเงียบลงอย่างน่าอัศจรรย์
คนที่ค้างคืนจะพากันใส่ยูกาตะของเรียวกัง ออกมาเดินเล่นกันไปตามถนนหนทางเป็นคู่ๆ
บ้างก็มาเป็นกลุ่มหรือครอบครัว จับตัวกันเป็นพิเศษบริเวณสะพานแดง
เพราะมีร้าน 7-eleven ตั้งอยู่(เพียงร้านเดียว) ซึ่งพิเศษตรงมีอาหารง่ายๆ แช่ตู้ไว้ให้เลือกแยะมากๆๆ
สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบที่คนนิยมไปเช้าเย็นกลับ
หลังอาหารค่ำ พวกเราก็สวมยูกาตะของเรียวกังออกมาเดินเล่นเช่นกัน
จำได้ว่าตอนนั้นเวลาราว 2 ทุ่มกว่าแล้ว อากาศเย็นเฉียบ เมืองเงียบสงบ
ทุกร้านปิด ถนนสลัวแทบไม่มีรถวิ่งผ่าน ได้ยินแต่เสียงเกี๊ยะไม้ที่คุณบูใส่ ดังก๊อกแก๊กกระทบพื้นเป็นจังหวะ
และเพราะรองเท้าคู่ที่ทำให้เดินไม่สะดวกนี้เอง ทำให้พวกเราก้าวเดินเนิบช้ากว่าเคย
ได้ละเมียดเมืองที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากความสงบและสดชื่นเนิ่นนานขึ้น

เรากดน้ำ Arima Cider จากตู้ (250 เยน) มานั่งดื่มบนเก้าอี้ยาวริมบ่อแช่เท้าที่บัดนี้ไร้ผู้คน
มันคือสิ่งที่ต้องลองทำนอง A must รสเหมือนน้ำเขียวแฟนต้า แต่ซ่ากว่าหลายสิบเท่า
แค่จิบเล็กๆ พุ่งปรี๊ดขึ้นจมูกจนถึงหัวคิ้ว หน้ายู่ไม่รู้ตัว คุณบูเธอดื่มเข้าไปได้ไงหมด …
เราเลยขอหันไปคว้าไอติมกุริกุริ จาก 7-eleven มากินตอนหนาวๆ อร่อยขนลุกซู่ไปอีกแบบ
เดินอยู่พักใหญ่จนอาหารค่ำเริ่มย่อย เลยค่อยเดินกลับเรียวกัง แช่น้ำแร่อีกรอบก่อนนอน
ด้วยความที่ก่อนไปพี่แอนให้ยืมหนังสือ “ออนเซ็นพเนจร อิน โทโฮขุ” มาอ่าน
เราเลยนึกคึกอยากรีวิวน้ำแร่ในแต่ละที่ๆ ไป อันนี้ดูจากการแช่ในเรียวกังนะคะ
พบว่าน้ำแร่ในอะริม่าสีแดงสนิม ไม่มีกลิ่น พอชิมก็ไม่มีรส
ลงแช่แล้วตัวไม่ลื่นปรื๊ดๆ มากนัก แต่ก้นและขอบบ่อสากๆ จากคราบน้ำเกาะสั่งสม
เลยคิดว่าน่าจะมีแร่ธาตุมากพอแหละ เพียงแค่มันไม่มีส่วนประกอบที่ทำให้น้ำลื่น (มโนเอา)
อุณหภูมิของน้ำร้อนกำลังดี มือใหม่ลงได้สบาย (บางแห่งร้อนจี๋ เราถึงกับต้องลุกๆ นั่งๆ อยู่พักใหญ่กว่าจะคุ้น)
ปกติเรียวกังจะให้เช็คอินตอนบ่าย 3 และเอาต์ตอนเที่ยง (หรือ 11 โมง)
แต่ข้อดีคือบ่อออนเซ็นของเรียวกังมักเปิดบริการตลอดคืน และปิดตอนสายๆ เราจะไปใช้เมื่อไรก็ได้
ปกติพวกเรามักแช่น้ำ 3 ครั้ง เพื่อความคุ้มค่าและสบายตัว คือ
ช่วง 6 โมงก่อนอาหารเย็น (ต้องพักครึ่งชม. ก่อนถึงจะทานอาหารได้)
ช่วง 3-4 ทุ่มก่อนเข้านอน (ทำให้หลับสบายฝุดๆ)
และช่วง 7-8 โมงเช้าก่อนอาหารเช้า (กินเสร็จก็นอนต่อ แล้วค่อยลุกไปเช็กเอาต์)
มีข้อเดียวที่ไม่ชอบใจ ก็คือคนจีนมาอะริม่ากันแยะ เราไปเมืองออนเซ็นมาหลายแห่งไม่เคยเจอแยะเท่านี้
ถึงขนาดมีคนจีนพักเรียวกังเดียวกันนี่บอกเลยว่าน้อยมากๆ
คนจีนดีๆ มีไม่น้อย แต่คนที่สร้างความโหวกเหวกวุ่นวายก็เยอะ
เข้าใจว่าเพราะการมาออนเซ็นที่นี่ค่อนข้างสะดวก และมีสรรพคุณรักษาโรคด้วย เลยฮอตฮิตเป็นพิเศษ
ที่จี๊ดที่สุดคือ สาวจีน 3 คนใส่ผ้าขนหนูลงมาในบ่ออนเซ็นที่เรียวกัง!
ไม่พอยังลุกๆ นั่งๆ ปีนหินข้างบ่อ คงเพราะน้ำร้อนทนนั่งนานๆ ไม่ไหว
แถมส่งเสียงตะโกนคุยกับเพื่อนที่อยู่อีกบ่อข้างๆ กันอย่างไม่เกรงใจใคร เราได้แต่ถอนใจเฮือกๆ
โชคดีที่เหล่านางๆ ทนความร้อนไม่ไหวเลยพากันลุกออกไปภายในไม่ถึง 3 นาที
ความสงบสุขทางหู ตา และจิตจึงกลับมาอีกครั้ง…
Tocen Kochobo
มาพูดถึงที่พักในอะริม่ากันบ้าง ที่นี่มีโรงแรมและเรียวกังหลายแห่งอยู่เหมือนกัน
เรียวกังที่ตั้งอยู่ในแหล่งช็อปปิงของอะริม่า หาง่าย เดินจากสถานีไม่เกิน 10 นาที (ขึ้นเนินนิดๆ)
เราเลือกจากรูปภาพและอ่านรีวิว จองผ่าน Agoda เหมือนเดิม
เลือกแบบแพ็คเกจพร้อมอาหารเย็นแบบไคเซกิ และอาหารเช้า เพราะรู้สึกว่าการกินไคเซกิและอาหารเช้าที่เรียวกัง
คือความสนุกอย่างหนึ่งของการมาพักเรียวกัง อีกอย่างขี้เกียจหาร้านอาหารเย็นด้วยล่ะ
ข้อดี
/ /บ่อน้ำแร่เปิดบริการตลอดคืน จนถึง 9 โมงเช้าวันถัดไป
/ /พนักงานดูแลเอาใจใส่ดี
/ /มี happy hour บริการเครื่องดื่มและขนมฟรีราว 5-6 โมงเย็น
/ /สถานที่แต่งเป็นแบบญี่ปุ่นโมเดิร์น สวยไปอีกแบบ
/ /อาหารเย็นแบบไคเซกิ จัดให้ในปริมาณกำลังดี ไม่มากจนจุกเหมือนที่อื่นๆ อร่อยมาตรฐาน
/ /มีเก้าอี้นวดอย่างดีให้ในห้องด้วย
/ / พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย
/ / ด้านหน้ามีร้านขายขนมของฝากนิดหน่อย เซมเบยี่ห้อที่เค้าเลือกมาขายอร่อยดีนะ (กระดาษสีขาวตัวหนังสือน้ำเงิน)
ข้อเสีย
/ /เปิดประตูเข้าไปปุ๊บพบว่าห้องมีกลิ่นอับ!
/ /ตอนหลังถึงรู้ว่าทำไม เพราะห้องอาหารของเรียวกังเล็กมาก เค้าเลยเสิร์ฟอาหารเย็น-เช้า ในห้องพักของเราเอง
ซึ่งเป็นอะไรที่ผิดมาก โดยเฉพาะอาหารเย็นมีทั้งผัดหัวหอม ต้มเนื้อ ฯลฯ สารพัดกลิ่น
ทำให้กลิ่นเหล่านั้นติดเสื้อผ้า กระเป๋าและผมเราไปด้วย คืนนั้นเลยต้องเปิดหน้าต่างระบายกลิ่นนอนกัน
/ / การเสิร์ฟอาหารเช้าที่ห้อง ทำให้คุณป้าๆ ต้องมาเก็บที่นอนเพื่อกางโต๊ะวางอาหาร พอกินเสร็จเราเลยอดนอนต่อ
ซึ่งมันจำเป็นนะ ถ้าแช่ออนเซ็นมาหมาดๆ เจออาหารเช้าอิ่มๆ นี่ร่างกายร้องหาที่นอนลูกเดียวเลย
ตอนแรกนึกว่าจะต้องสลบบนเสื่อตาตามิซะละ สุดท้ายเราไปม่อยบนโซฟานวด 555
/ / ไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัว แต่ไม่ค่อยจำเป็น ปกติเราอาบที่ห้องแช่ออนเซ็นอยู่แล้ว
/ / เสียงจากห้องอื่นๆ ถ้าพูดดังหรือเฮฮา จะดังมาเข้าหูเราได้








ของกินในอาริมะ
Arima Cider น้ำเขียวโซดา (แต่ไม่มีสีเขียว) ซ่าขึ้นหู คอ จมูก ขวดละ 250 เยน (ใหญ่)
เซมเบ หรือเวเฟอร์แผ่นบาง กรอบนาน รสกลมกล่อม มีให้เลือกหลายร้าน เหมาะเป็นของฝาก
อาริมะสาเก มันแซบมาก! ดื่มคล่อง ดื่มง่าย ขวดนึงแป๊บเดียวหมด ทำให้เรากลายสภาพเป็นลำยองโดยง่าย

ฝากสำหรับคนที่มองหาที่พักในเชียงใหม่นะคะ เป็นห้องของพวกเราเองชื่อ Tiny Home
Facebook: tiny.home.cm
3 thoughts