เที่ยวปราสาทฮิเมะจิ : Himeiji Castle

 

อยู่ๆ สองวันก่อนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น คุณบูก็เอิ้นว่า “เราน่าจะไปเที่ยวฮิเมะจิกัน”
พอถามเหตุผล “เจ้านายที่เคยอยู่โอซาก้ามาหลายปีแนะนำมา อดีตคนโอซาก้าแนะนำทั้งที ก็น่าจะลองไปดู”
… นั่นล่ะค่ะคือที่มา จะหาความซับซ้อนในครอบครัวนี้ช่างน้อยนัก

เมืองฮิเมะจิ อยู่ห่างจากโกเบแค่ไม่เกินชั่วโมง ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องค้าง
แค่นั่งรถไฟไปเช้า ดูปราสาท เดินเล่น แล้วบ่ายๆ กลับโกเบได้สบายบรื๋อ

จากโกเบไปฮิเมะจิ ช่างง่ายดายราวปอกกล้วย
เริ่มที่สถานี JR Kobe Sanomiya ซื้อตั๋วราคา 900 เยน (ต่อเที่ยว) เพื่อลงสถานี Himeiji
ถ้าไปด้วยรถไฟแบบ SRapid (Special Rapid) จะใช้เวลาไม่เกิน 45 นาทีเพราะจอดแค่บางสถานี
แต่ทว่า…เช้านั้นคุณบูได้กาแฟไม่เต็มโดส เลยเบลอ ชวนเราขึ้นรถไฟธรรมดาเสียนั่น
ทำให้กินเวลานานเป็นชั่วโมงเพราะรถไฟจอดทุกสถานี
นั่งๆ ไปสักพักเธอก็สะกิด ชี้ให้ดูรถไฟที่เพิ่งแซงไป “เอ๋น้อยๆๆ ดูนั่นสิ”
“อะไร” ฉันนั่งพิมก็อกๆ แก็กๆ เขียนโปสการ์ดไป ไม่เดือดร้อนกับความล่าช้าเลยสักจิ๊ด
“มันตำตา! รถไฟแบบ SRapid แซงรถไปแล้ว ฮืออ” เธอทำท่าคับแค้นราวกับเจ็บปวดถึงก้นบึั้งหัวใจ
บางทีคุณบูก็ฮาแบบนี้แหละ น่ารักซะไม่มี

สถานี Himeiji
เป็นสถานที่ๆ มีร้านน่าช็อปแยะเลย แต่คุณบูเธอเดินลิ่ว ลิ่ว ลิ่ว (เน้นให้รู้ว่านำไปไกลจริง)
หนึ่งในนั้นคือ Afternoon Tea ที่มีของใช้ในบ้านน่ารัก น่าชัง น่าซื้อมากกกกกก
ตอนกลับมาถึงได้เข้าไปวนๆ ดูรอบนึง (ยังดีฟระ)

อากาศวันไปแบนๆ คือไม่ร้อน และไม่หนาว ฟ้าครึ้มแต่เช้าท่าทางเหมือนฝนจะตก
ออกจากสถานีจะเห็นปราสาทฮิเมะจิอยู่ไกลลิบตา ใช้เวลาเดินแบบทอดน่องราว 30 นาทีก็ถึง

IMG_2264
เดินออกจากสถานีมา ก็โน่นนนไงล่ะ ปราสาทฮิเมะจิ ดูไม่ไกลเกินเอื้อม(เดิน)ถึงนะ
000
ฝาท่อของเมืองฮิเมะจิ เป็นรูปนกกระสา (ใช่ไหม?)
001
ระหว่างทางไปปราสาทฮิเมะจิ หน้าธนาคารอะไรสักอย่าง
002
หนึ่งในร้านที่อยากแวะ มีร้านหนังสืออยู่บนชั้น 2 และเข้าใจว่าน่าจะขายอะไรอย่างอื่นด้วย…แต่ดันเดินกลับคนละฝั่งถนน อด!

ปราสาทฮิเมะจิ (ค่าเข้า 400 เยน/คน)
เกริ่นนิดว่า ปราสาทหลายๆ แห่งในญี่ปุ่น จะสร้างใหม่โดยใช้แปลนเดิม
เพราะมักถูกทำลายระหว่างสงคราม บ้างก็เพราะแผ่นดินไหว หรือไฟไหม้เพราะฟ้าผ่าเป็นต้น
แต่ปราสาทฮิเมะจิ หรือ ปราสาทนกกระสาขาว คือปราสาทที่รอดจากทั้งสงครามและภัยธรรมชาติได้
ความที่ใช้สีขาวสวยงาม และสูงเด่นตระการตา ทำให้ปัจจุบันถูกยกให้เป็นมรดกโลก
เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น และขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 ของปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นด้วย

สัมภาษณ์ความคิดคุณบู:
ตัวปราสาทค่อนข้าง impressive คนวาดการ์ตูนเอาเป็นต้นแบบกันแยะเลย (คอมังก้าตัวจริง)
ปราสาทนี้ใหญ่มาก สูงสง่า ตระหง่าน (ส่วนใหญ่ปราสาทจะแบนๆ ไม่สูงขนาดนี้)
แถมมีสีขาวเด่นสะดุดตา เจอนักท่องเที่ยวแยะที่สุดเท่าที่ไปแลนด์มาร์กมา แต่ก็นับว่ายังน้อยมากกกกกกกก

ภายใน
ตอนเราไป ตัวปราสาทยังปิดซ่อมแซม เปิดเฉพาะบางส่วนและห้องเจ้าหญิง เปิดทั้งหมดจริงๆ ราวมีนาคมปี 2015
ก่อนเข้าเราต้องถอดรองเท้า ซึ่งเค้าจะมีถุงพลาสติกให้ใส่แล้วเราต้องหิ้วมันติดมือไปด้วยตลอดการเยี่ยมชม
ให้ความรู้สึกเหมือนซื้ออาหารถุงกลับบ้าน แล้วหิ้วมันไปด้วยตลอดทางอย่างบอกไม่ถูก (แต่ความจริงคือรองเท้า)

บันไดแต่ละอันนี่มันช่างชันแท้ว่า ท้าทายความสามารถลุงป้าเป็นอย่างมาก
แต่เราก็ไม่เห็นใครลำบากหรือโอดครวญว่าขึ้นไม่ได้นะ แถมยังสนุกถ่ายรูปกันยังก๊ะวัยสะรุ่น
พื้นไม้ของปราสทลั่นเอี๊ยดอ๊าดในบางจุด แต่ละห้องไม่มีเฟอร์ฯ ใดๆ
นึกในใจว่าถ้าต้องอยู่ปราสาทนี้จริง กว่าจะจำได้ว่าห้องของใครอยู่ตรงไหน คงใช้เวลาหลักเดือน
เพราะทางเดิน และผังห้องมันเหมือนกันไปหมดเลย (นึกภาพห้องที่ล้อมกรอบเป็นวงสี่เหลี่ยมตามผังปราสาท)
ยกเว้นห้องเจ้าหญิงที่มีปูเสื่อตาตามิให้ด้วยนุ่มๆ

ประวัติส่วนใหญ่ที่ติดไว้เป็นภาษา ญป แต่ก็พอมีอังกฤษให้ได้อ่านบ้าง
มีห้องที่จัดแสดงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างปราสาท ซึ่งจัดแสดงละม้ายคล้ายการจัดแสดงวัสดุที่ใช้ทำมัมมี่
ใน exhibition มัมมี่ที่สิงคโปร์เลยอ่ะ ฮือ…ห้ามความคิดไม่ได้ คิดเองก็กลัวเอง
ด้านนอกมีมิวเซียมขนาดเล็กแยกออกไป พูดถึงคนๆ หนึ่งที่เกิดในปราสาท แล้วเป็นหนึ่งในผู้นำสงคราม
และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการบูรณะปราสาทแห่งนี้ด้วย

สวนของปราสาท
ส่วนตัวชอบสวนของปราสาท มันกว้าง และเห็นปราสาทได้เกือบทุกมุม
ต้นไม้สูงใหญ่เขียว อากาศสดชื่น จริงๆ เราว่าความสุขอย่างหนึ่งของการมาปราสาท
ก็คือการได้เดินเล่นในสวนนี่แหละ ระหว่างนั้นก็มโนไปว่า เออนะ…ท่านโชกุนจะเคยมองวิวนี้เหมือนเราตอนนี้ไหม
เส้นทางนี้จะมีใครเคยเดินผ่านมาแล้วบ้าง … อะไรทำนองนี้

จุดหนึ่งมีบ่อน้ำที่บอกเล่าประวัติว่าเคยมีนางในถูกจับโยนลงไปเพราะถูกป้ายความผิดอย่างไม่เป็นธรรม
นางเลยส่งเสียงคร่ำครวญมาจากโลกวิญญาณ จนกระทั่งคนทำผิดถูกประหารสิ้นซาก…
เมื่ออ่านจบ เราสองคนก็รีบปลีกตัวไปจากตรงนั้นอย่างเร็วโดยไม่ได้นัดหมาย
ก็ป้ายมันอยู่ห่างจากบ่อแค่ 2 เมตรเองอ่ะ!

ด้านหน้าเป็นร้านรวงขายของที่ระลึก มีมาสคอตเป็นหนุ่มน้อยซามูไรผู้กล้า
เราไปวนๆ นึกว่าไม่มีอะไรมาก แต่สุดท้ายพอไปเกาะกลุ่มรุมๆ กะเหล่าคุณป้า
ได้ผักดองมา 1 แพ็ค อา…แสดงความเป็นเมียเคลื่อนที่อย่างเห็นได้ชัดสินะ T^T

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
สะพานไม้หน้าทางเข้าปราสาท
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ทางเดินเข้าปราสาท สองข้างทางเริ่มใบไม้แดงนิดๆ แล้ว เพราะอากาศที่นี่เย็นติดจะหนาว
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เดินเข้ามาด้านใน ก็เริ่มเห็นปราสาทใกล้ๆ ละ สูงใหญ่จริงๆ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
สวนในปราสาทฮิเมะจิ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
สวนในปราสาทฮิเมะจิ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
สวนในปราสาทฮิเมะจิ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
สวนในปราสาทฮิเมะจิ
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ฉันลายจุด เธอลายขวาง (ส่วนรองเท้าอยู่ในถุงพลาสติกใส่กับข้าวสีขาวๆ ด้านซ้ายนั่นไง)
005
เห็นลุงย่อเข่าถ่ายรูปได้เป็นนาน ก็หวังว่าถ้าฉันอายุเท่าลุง หัวเข่าจะยืดหยุ่นได้เทียบเท่ากัน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ทางเดินไม้ภายใน
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ทิวทัศน์เมืองฮิเมะจิมุมกว้างและไกล

004

003
วีดิโอพูดถึงตอนปรับปรุงปราสาท คุณลุงคุณป้านั่งดูกันตั้งใจมากกก
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
อันนี้ทางออกค่ะ บันไดชันมาก บอกเลยว่าท้าทายเข่าผู้สูงวัยกันจนหยดสุดท้าย

เดินกลับจากปราสาท
ก่อนมาอ่านว่าแถบนี้มีพลับเนื้อดำเป็นของขึ้นชื่อ เราก็พยายามมองหานะ ส่วนตัวชอบพลับมาก
แต่ไม่เจอ….ท่าทางไม่ใช่หน้า
ระหว่างเดินกลับสถานี เห็นชาวสวนลักลอบเอาพลับมาขายริมทางเป็นตะกร้าๆ ละราว 10 ลูก ราคาแค่ 500 เยน!!!!!!!!
เขาปอกเปลือกให้กินเนื้อก็พบว่าหวานกรอบ! ทะนั้นแหละบูก็ทำตาละเหี่ย คิดว่ายัยนี่ต้องซื้อแน่
และเขา(บู) ก็ต้องเป็นคนหอบหิ้วให้ไปตลอดทาง (ราว 2 โลได้)
คือใจอยากจ่าย 500 แต่เอามาแค่ 4 ลูก แต่อธิบายลำบากยากยิ่ง ใช้ภาษามือและร่างกายก็ไม่ได้ผล
ดังนั้นเลยต้องหอบทั้งหมดกลับมาที่ รร ด้วย กะจะแกล้งแอบทิ้งบางส่วนไว้ที่เรียวกังวันพรุ่งนี้ (ร้ายมากนะเธอ ยัยเอ๋น้อย)

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s