เที่ยวเกาหลีกับทัวร์ กลัวอะไร?

Image

เที่ยวเกาหลีกับทัวร์ กลัวอะไร
มีสองคำตอบ … หนึ่งคือนั่งรถนาน จนเมื่อยก้น
และสอง….คือกลัวโดนขายโสมกะกิมจิ!!!

เมื่อต้นปี 2013 เราและคุณบู พาแม่ไปเกาหลีกับบริษัททัวร์ชื่อ Happy Korea
เนื่องจากว่าไม่อยากให้แม่เดินแยะ และได้เที่ยวหลายๆ ที่
อาหารการกินก็ไม่ต้องคิด ที่สำคัญคือแม่อยากเห็นหิมะ …
ตัวเอ๋เองตอนนั้นก็ยังไม่เคยเห็น แต่ก็ไม่อยากเห็นเท่าไร (มันหนาวววว!)

หลังจากไถ่ถามหลายคนที่เคยไปมาก่อนว่า บริษัททัวร์ไหนดี ไม่พาเราไปลอยแพ ไม่ชะโงก
น่าเสียดายบริษัทที่แนะนำมา สุดท้ายเวลาไม่ลงตัว และทัวร์เต็มไปบ้างแล้ว เราเลยเลือกบริษัทนี้
ราคาอยู่ระดับกลางๆ ไม่ถูกและแพงเกินไป
สรุปง่ายๆ ว่าเป็นทัวร์ที่ดี ประทับใจ คนน้อย (16 คน) ทุกคนตรงเวลา ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ไกด์น่ารักและช่วยเหลือ ได้เที่ยวเพิ่มที่นึงด้วย (เหลือเชื่อ)
แน่ล่ะ ระหว่างเที่ยวมีหนุ่มน้อยมาคอยตามถ่ายรูป และแสดงความน่ารักน่าชัง ให้คุณป้าน้าอาทั้งหลาย
ควักกระเป๋าตังจ่ายซื้อรูปตอนท้ายทริป … แต่เอ๋ก็ชอบนะ เพราะได้รูปดีๆ กับแม่มาหลายรูปจากเขาเลย
ก็แนะนำนะคะ ถ้าใครจะไปเกาหลี บริษัททัวร์นี้ เชื่อถือได้ สบายใจแฮ

มีอย่างเดียวที่ไม่ประทับใจ คือ ตอนนอนในโซล เราได้ห้องสูบบุหรี่ …. ห้องสูบบุหรี่!!!!
ปัญหาคือมันมีกลิ่นบุหรี่ตุ ตลอดเวลา ตอนแรกพอเดินเข้าไปก็ตุแหม่งๆ ว่า นี่มันกลิ่นอะไร (นึกว่ากลิ่นอับ)
จนเจ้าบูบอกว่า…กลิ่นบุหรี่ จึงถึงบางอ้อ แต่ตอนนั้นก็ผ่านมาเป็นวันที่ 2 แล้ว ขี้เกียจย้ายห้อง
ข้าวของกระจัดกระจายไปหมด ดังนั้นหากใครจองทัวร์ไป การแจ้งว่าเราไม่นอนห้องสูบบุหรี่ก่อน จะกำจัดปัญหานี้ได้

เกาะนามิ
เราบิน Korean Air ไฟล์ทดึก ถึงเช้าตรู่
บนเครื่อง แม่ประทับใจข้าวต้มซึ่งเสิร์ฟเป็นอาหารเช้า เขาจะเอาผงปรุงรสมาให้เราโปรยลงข้าวต้มเอง
วันสุดท้ายของทริป เลยวิ่งเข้าออกร้านรวงต่างๆ ตามหา…สุดท้ายก็มาเจอร์ที่ซูเปอร์ญี่ปุ่นในสิงคโปร์ (ตึ่งโป๊ะ)

ลงสนามบิน ทุกคนกรูกันเข้าไปแปรงฟัน เปิดกระเป๋าเดินทาง ควักเอาเสื้อกันหนาวมาใส่เต็มอัตราศึก
หมวก ถุงมือ ถุงเท้า พร้อม!
ทว่าแค่เดินออกจากสนามบิน ไปขึ้นรถบัส (10 เมตร) … เกือบแข็งง่า
นี่แหละนา ถึงไม่อยากเห็นหิมะ หนาวเกิ๊น!!!!

จุดหมายแรกคือเกาะนามิค่ะ
ที่ท่าเรือ ไกด์เกาหลี ชื่อคุณสมศักดิ์ กะไกด์ไทยชื่อคุณมาย
แจกถุงอุ่น เขย่าๆ แล้วเอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ซุกมืออุ่นๆ มันอุ่นทนทานมาก เกือบ 2 วันได้

การนั่งเรือข้ามเกาะใช้เวลาประมาณ 30 นาที หากเข้าเรือช้าจะต้องยืน เพราะเป็นเรือแบบไม่มีที่นั่ง
แต่เราหย่อนก้นพักตรงขอบๆ เรือได้
แม่อิฉันสนุกกับการดูน้ำแข็งบนทะเลมาก ถึงกับยอมหนาวออกไปยืนกราบเรือทีเดียว

เกาะนามิตัวจริง วิวดีจริงดังว่า ขนาดว่าหนาวๆ เรายังเดินกันเพลิน
มีมุมโน้น มุมนี้ ให้ได้ถ่ายรูปกันไม่เบื่อ (แต่ตอนถอดถุงมือมาถ่ายรูปนี่ดิ มือแข็งโป๊ก)
ระหว่างทางมี “กระรอกฉอเลาะ” ที่เชื่องราวกับลูกหมา วิ่งปรู๊ดดดดเข้ามาขออาหารเป็นระยะ
สุดทางคือคาเฟ่เล็กๆ มีแพนเค้กสีเขียวๆ ทอดขายกับกาแฟ เชื่อว่าทุกคนที่ไปจะต้องสั่ง
เพราะมันทั้งหนาว ทั้งหิว(นิดๆ) การได้จิบอะไรอุ่นๆ โดยมีกระรอกแวะมาทักเป็นระยะนี่มัน…ฟิน

Imageท่าเรือไปเกาะนามิ

Image

Image

แมวท่าเรือ ที่ไหนๆ คนก็รักแมวเหมือนกันหมด : )

Image

ส่วนตัวนี้ … อวบประทับใจมาก!!!!!!

Image

Image

นี่คือโฉมหน้าของ “กระรอกฉอเลาะ” ที่ทุกคนคงรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี

Image
และแม่ผู้ซึ่งถือกระดาษในมือ (ใช่..มันกินไม่ได้!)
ก็พยายามหลอกล่อเจ้ากระรอก ให้เข้ามาใกล้ๆ

Image

กาแฟ กับแพนเค้กในถ้วยกระดาษ … แค่นี้ก็ฟินแล้วว

เวลาไปเที่ยวกับทัวร์ ทุกอย่างจะผ่านไปไวมาก จนลางเลือนเหมือนจำอะไรไม่ได้
กระทั่งมื้ออาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยว เพราะเราไม่จำเป็นต้องจำล่ะมั้ง คิดว่านะ
อาหารมื้อแรกของเราคือเนื้อทอดบนกะทะ คลุกกับผักและกิมจิ ชื่อทัลลคาลบิ
อร่อยดี…มีคุณสมศักดิ์มาสาธิตก่อนในตอนแรก

Image

Ski Resort 
คืนนั้นเราค้างกันที่สกีรีสอร์ตชื่อ Saint Hiyan Hotel ชอบที่ห้องมีฮีตเตอร์ตรงพื้น ทำให้เรารู้สึกอุ่นตลอดเวลา
ลานสกี อยู่ห่างจากโรงแรมไม่ถึงกิโล แต่อากาศหนาวจัดทำให้ไม่อยากเดิน
ไกด์เลยให้รถบัสขับพาไปส่งเกยหน้าทางเข้าเลยทีเดียว
แต่เมนูชาบูชาบูก่อนไปสกีนี่สิ ประทับใจเรามา ก น้ำซุปหวานอุมามิมาก ได้บรรยากาศหิมะ
ปกติเราจะต้องจับคู่กัน 3-4 คน ต่อ 1 หม้อ
ครอบครัวเรา 3 คน กินหม้อนึงหมดเกลี้ยงได้เทียบเท่า กลุ่ม 4 คนเลยทีเดียว น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง Image

Image

และนี่คือครั้งแรกที่เอ๋เล่นสกี … อยากบอกว่า ดูเหมือนไม่เหนื่อย แต่เหนือ่ยโฮก!
แค่กระดืบๆ พาตัวเองขึ้นไปบนเนินเตี้ยๆ ยังใช้พลังงานจำนวนมาก และเวลาที่ยาวนาน
แต่การไถลปรื้ดดดดดดดดด ลงมาตามลานหิมะลื่นๆ นี่มันสนุกจริงจัง … ชอบมาก
ส่วนพวกชุดทั้งหลาย ทางทัวร์เขาจะพาเราไปเช่าเอง คุณบูมีกางเกงสกีแล้ว ส่วนเรามีเสื้อแล้ว
(อยากเอามาใส่รวมกันจัง) เราเลยเช่าแค่ส่วนที่ขาด
ที่เช่าจะมี “เครื่องหนาว” อื่นๆ ขายในราคาไม่แพงมาก เช่นถุงมือ ผ้าอุ่นคอ แว่นตา หมวกไหมพรม
หากใครลังเลไม่แน่ใจ แต่อยากซื้อ ก็ซื้อที่นี่ได้เลย ราคาสมเหตุผล ไม่ขูดเลือดค่ะ

กิมจิ และชุดฮันบก
เป็นสองคำ ที่ต้องเจอ หากเราอ่านรายการทัวร์ของบริษัทต่างๆ
รู้ทั้งรู้ว่ามันคือฉากที่จัดไว้ให้พวกเราโดยเฉพาะ
แต่แม่อิฉัน…นางสนุกมาก! ใส่ชุดเชิด โอ๊ยยย ดีใจ น่ารักจิงๆ

Image

ขออนุญาตน้องที่อยู่ในรูปนะคะ เป็นทัวร์กรุ๊ปเดียวกับพวกเรา
คนขวาที่ถ่ายรูปให้ คือไกด์ไทยค่ะ

Image

ทำกิมจิเสร็จ ออกมาด้านนอก พบว่าหัวผักกาดที่เขาใช้ทำมันใหญ่จิงๆ

Image

ถัดจากทำกิมจิ เราก็ได้มาที่แปลงสตรอเบอรี่ ซึ่ง…เหลือน้อยมาก เพราะเค้าเพิ่งเก็บไงหรือไงนี่แหละ
แต่แม่ก็หนุกหนานเอาการอยู่

Image

Image

 ถ่ายจากข้างๆ ที่ปลูกสตรอเบอรี่

 Image

และแทบไม่น่าเชื่อเลย…ว่าวันเดียวกันกับที่ไปทำกิมจิ และสตาอเบอร์รี่นั้นเอง
เรามาที่สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ในตอนบ่าย … ถ้ามาเองคงเดี้ยงกลางทางไปแล้ว ไกลกันมาก

Image

จำได้ว่า มีเครื่องเล่นแค่ไม่กี่อย่างที่คิวไม่ยาวพอจะเล่น นี่คือหนึ่งในนั้น
ซึ่ง…เราลืมไปแล้วว่า มันเป็นยังไง – -“

Image

ที่ประทับใจคือเสือขาว เพราะมันดูนุ่ม น่ากอดมากกกก

Image

ไลเกอร์ ที่เค้าโฆษณากันนักหนา ว่าเป็น Lion + Tiger
หน้าตาเป็นแบบนี้เอง เค้าบอกว่ามันไม่สามารถมีลูกได้เพราะผสมข้ามพันธุ์มาแล้ว

Image

บนรถ ระหว่างนั่งดูเสือดูสิง ก็มีคุณหมีคุมะ โผล่มารับอาหารจากคนขับรถ

Image

และไม่น่าเชื่ออีกแล้วคับทั่น!!!  วันที่เราไปกิมจิ สตรอเบอร์รี่ และเอเวอร์แลนด์แล้ว
ค่ำนั้น … ไปต่อกันที่ Seoul Tower!
ถ้าเดินทางเอง คงร่างขาดกลางทางไปแล้ว (อีกรอบ)
นี่เป็นโปรแกรมที่เค้าเลื่อนมาให้เร็วขึ้น จากเดิมที่จะไปในตอนเช้า
เพราะบอกว่า วิวกลางคืนจะสวยกว่า… พวกเราคณะทัวร์ก็พร้อมลุย!
ส่วนหนึ่งคงเพราะคุณไกด์บอกว่า เราจะมีเวลาว่างชอปปิงกันทั้งวันในวันพรุ่งนี้ด้วย (น่าจะเป็นเหตุหลัก)

Image

กุญแจจำนวนมหาศาล

Image

ไม่ได้มา Seoul Tower แบบรีบๆ นะ
เพราะแวะ Teddy Bear Museum ด้วยจ้ะ
ค่าทัวร์ รวมค่าตั๋ว และค่าขึ้น Seoul Tower ไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรต้องจ่ายเพิ่ม

Image

คืนนั้น…หนาวมากกกกก…..การเดินขึ้นเนินไป Seoul Tower ทำให้อุ่นขึ้นมาก
แต่ก็แทบขาดใจเหมือนกัน แม่เหมือนจะหน้าซีดนิดๆ ถามไรก็ไม่พูดจา แถมส่งสายตาดุให้ ทำนองว่า
“ชั้นจะหายใจไม่ทันแล้วย่ะ”

เรื่องชอปปิ้ง ถนนเมียงดง นี่จำได้คร่าวมาก
คิดว่าคนคงได้อ่านจากสื่ออื่นมาแล้วมากมาย แต่ด้วยความที่เอ๋เป็นคนไม่ได้แต่งหน้า
ดังนั้นย่านเมียงดงจึงเป็นอะไรที่ไม่มีนัยยะ แทบจะซื้อแต่มาสก์หน้าไว้ฝากคนนั้นคนนี้
แต่แม่สิ…ชีสนุกมากกกกกกกกกกกกก

ช่วงบ่ายเอ๋ลากแม่ขึ้นรถไฟฟ้า ไปเดินย่านอื่นบ้าง
ขณะที่คุณบู เกิดอาการท้องเสียจากอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ เลยนอนซมอยู่ที่พัก
นาทีแรกที่พยายามศึกษาวิธีไปเหมือนจะยาก แต่สุดท้ายแล้วไม่ยาก
เพราะระบบต่างๆ ของรถไฟฟ้าประเทศไหนก็เหมือนกัน
แม่บอกหนาวมากกกกกกก เธอลากชั้นออกมาทำม้ายยย
เราได้แวะคาเฟ่ 2 ร้านด้วย เป็นร้านที่จะถูกนำไปรวมในหนังสือเล่มที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ของเอ๋ : )

Image

พระราชวังด็อกซูกุง มาวันสุดท้าย ด้วยความคิดในหัวว่า ทำไมมันหนาวอย่างเน้
เอ๋เป็นคนแพ้อากาศหนาว ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยชนะมัน
สองวันแรกไม่เท่าไหร่ วันที่สามเป็นต้นไปขาจะขึ้นผื่นแดงเป็นเทือก
และขณะนี้มันก็ขึ้นเป็นเทือก คันให้รำคาญบ้างเป็นบางเวลา …​ใครมีวิธีแก้บ้างบอกที
เพราะกลับมาทีไร ขายลายเป็นเสือเลย

ปล.วัดสวย สงบ และได้ความรู้ ขณะที่คุณแม่ของอิฉัน ก็ได้เล่นหิมะสนุกสนานมาก

ImageImage

ความสุขของท่าน…คือความสุขของเรา

Image

ปิดท้ายด้วยของฝากจากเกาหลี อันนี้ขาดไม่ได้นะ ต้องซื้อมาเพราะความขบขัน : )

4 thoughts

  1. ขอรบกวนสอบถาม ชื่อบริษัททัวร์ได้ไหมคะ? แฮร่

  2. รบกวนสอบถามนะค่ะ ว่าค่าแพคเก็จต่อคนราคาเท่าไรค่ะ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s