เที่ยวปารีสกับลูก : ไอเฟล

M%mxlYYxRW6FzFmgYndbyQ
รอขึ้นลิฟท์ไอเฟล

หมีมูกยืดตั้งกะวันแรกเลยอะ…

กระชากสังขารให้ตื่นตอน 7.30 เพราะมีคิวเข้าไอเฟลตอน 10.30

หมีตื่นสายกว่าพ่อแม่ พอตื่นมาก็กินนมที่อุ่นให้จนหมด คงหิวมากเพราะเมื่อคืนร้องเป็นระยะตลอดคืน ที่แป้วสุดคือน้ำมูกหมีเป็นสีเขียวแล้วจ้า เยอะด้วย รีบวัดไข้ ยังไม่มี โล่งอกไปเฮือก…

เอาบริออชบาเกตต์เมื่อวานทาโปะเนย ทาแยม อุ่นคีชผักโขม ทางโรงแรมมีกาแฟแบบบริการตัวเองชั้นล่าง บูลงไปเอา

ยังดีหมียอมกินคีชทำให้มีผักเข้าระบบบ้าง (ไฟเบอร์ค่ะ ไฟเบอร์) กินเสร็จรีบพุ่งไปขึ้นเมโทรหน้าตึก โชคดีสถานีอยู่ตรงนี้พอดี แต่…ไม่มีลิฟท์และบันไดเลื่อน อิฉันก็แบกหมีลงบันไดไป คุณบูก็แบกรถเข็นลงตาม ได้บริหารกันแต่เช้า…

 

การนั่งเมโทรในปารีสกับลูกเล็ก

คือการบริหารร่างกายอย่างหนึ่ง เพราะเกือบทุกสถานีที่ไป ไม่มีลิฟท์เลยจ้า ขนรถเข็นขึ้นลงไปสิ บางสถานีก็ลงไม่เยอะ แต่บางทีก็เยอะอยู่ ยังดีเค้ามีประตูกว้างสำหรับรถเข็นอยู่บ้าง ไม่งั้นการจะต้องยกรถเข็นข้ามที่กั้น ก็เป็นอะไรที่สยดสยองอยู่

ที่หยองกว่านั้นคือ นั่งๆ อยู่ มีการประกาศล่วงหน้า 2 สถานี แล้วพอถึงสถานีที่ 3 พนักงานมาบอกให้ลงจากขบวนรถ บอกแค่ว่าฟินิชๆๆๆ ใครที่ยังงๆ และจะนั่งรอขบวนต่อไป พนักงานก็เข้าไปพูดเหมือนกับว่ารถไฟไม่มีไปต่อแล้ว อ้าวเฮ้ย…ตูยังไม่ถึงจุดหมายืจะไปยังไงล่ะ เห็นคนอื่นพากันลงมารอรถเมล์แทน บูเช็คๆ ดูแล้วจากสถานีที่ถูกปล่อยเกาะ เราเดินไปอีกราว 15 นาทีก็จะถึงไอเฟล เลยเดินไปดีกว่า

บูบอกว่าซื้อเมโทรพาส 5 วันรวมแล้วราว17 ยูโร ตกวันละไม่ค่อยแพง วันนี้เรานั่ง 3 เที่ยวเข้าไปละ ค่อนข้างคุ้มอยู่

จริงๆ การเดิน 15 นาทีสำหรับครอบครัวตัวพีนี่ถือว่ากระจอกมาก แต่วันนี้ดันฝนตกปรอยๆ แถมอากาศก็หนาวไปอีก ทำให้ทรมานบอกไม่ถูก เดชะบุญมีผ้าคลุมกันฝนรถเข็น ทำให้เจ้าหมีอุ่นสบาย foot muff ไม่เปียก อิแม่ก็กางร่ม อิพ่อก็ใส่ฮู้ดดี้ปล่อยฝนเกาะแว่นตาไป

อา…ความฝันที่ว่าจะหามุมสวยๆ ถ่ายรูปหน้าไอเฟลคือพังค่ะ พังยับ เพราะนอกจากฝนจะตกแล้ว เค้าปิดสนามหญ้าด้านหน้าเพื่อปล่อยให้หญ้าโตด้วย(มั้ง) สรุปคือไม่มีค่ะ รูปหน้าไอเฟล งืออออ

lg36zFVqRwW0FquXVN7aow

eAK6MV%LTmyAPKoqYK6MCw

uNh0jYa4Reao6R1sIXIopA

ไอเฟล

บูซื้อตั๋วขึ้นลิฟท์ไปดูวิวบนไอเฟลให้ด้วย เราต่อคิวตรวจกระเป๋ากลางฝนปรอยราวๆ 15 นาที หมียังเบลอๆ จากการนอนน้อยก็จะไม่ค่อยอะไรมาก เข้าไปได้รอบ 10.30 ที่จองไว้พอดี จากนั้นต่อคิวรอขึ้นลิฟท์อีก 10 นาทีก็ได้ขึ้น

ด้วยความที่ฝนมันปรอยๆ อากาศก็หนาวเฉียบนี้เอง ทำให้ไม่ค่อยได้มีโอกาสพิจารณาความงามจากมุมต่างๆ รวมถึงการส่องหามุมงดงามสำหรับถ่ายรูป พูดเลยว่าห่วงหมีจะวีนขึ้นมา มือก็แข็งหนาวเชอ ดังนั้นยืนรอคิวตรงไหนก็หยิบกล้องมาถ่ายมันจากมุมนั้นแหละ ยิ่งไปดูวิวบนชั้น 2 นั้นไม่ต้องพูดถึงว่ารวดเร็วเพียงใด ใช้เวลาอยู่ข้างนอกไม่ถึง 5 นาทีได้ แต่ใช้เวลาเข้าห้องน้ำและรอคิวลิฟท์ลงมาปาเข้าไป 30 นาที (พอเข้ามาหมีก็บอกว่าพีๆ ทันทีที่เห็นห้องน้ำ เดชะบุญของอิพ่ออิแม่มันไป)

แต่ก็บอกบูแล้วล่ะว่าถ้ามีอะไรที่ต้องต่อคิวยืดยาวแบบนี้เราจะไม่เอาแล้ว เพราะสงสารเจ้าหมีต้องนั่งรถเข็นนิ่งๆ  อยู่นานเป็นชาติ (และอิแม่ก็กลัวจะเอนเตอร์เทนนางไม่ไหว) แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้เบื่อหน่ายอะไรเลย เป็นพวกเราเองที่คิดมากล่วงหน้า (กำ)

ลงจากไอเฟล รีบส่ายตูดเดินไปร้านอาหารที่บูจองไว้ ใช้เวลาราว 15 นาที

hJgKQoL3TESx98dgIBz79QqQOeAazSQFa98uyVcHYSXAPwqydkloTYyiBSLoo3GRjw

nHzlLxPrRdCiZ23KvKqPVgpYRvEqJPQGSbxg4bTNDXOQ

 

Brasserie Thoumieux
บูบอกตอนแรกว่าเป็นร้านบรันช์แบบบุฟเฟต์ ในหัวอิแม่ก็คิดเลยค่ะว่าต้องเป็นอะไรที่จอแจ แฟมิลี่เรสตัวรองต์เด็กน้อยป้วนเปี้ยน ปรากฏเข้าไปเฮ้ย ร้านเริดอะ ดีงาม คลาสสิก บุฟเฟต์อีกระดับแบบคนละเรื่องกับภาพในหัว หันไปมองหมี…จะเอาหมีอยู่ป่าววะ กลัวส่งเสียงดัง 5555 นี่มันก็เลยเวลากินข้าวนางมาครึ่งชม.ละ กว่าจะสั่งจะอะไรก็คงไม่ต่ำกว่า 15 นาที

แต่…วันนี้แต้มบุญถึงค่ะ! เพราะหมีเอ็นจอยกินอาหารมาก รอได้ไม่งอแง ร้านนี้เพื่อนคุณบูแนะนำมาว่าเป็น best brunch ในปารีสสำหรับเค้า ซึ่งเราเห็นด้วยเพราะทุกสิ่งที่ตักมากินอร่อยมากๆๆๆ ทั้งอาหารและขนม อีกอย่างรสมันไม่เค็มเกินไปหมีกินได้ทุกสิ่ง (ยกเว้นเบคอนกับพวกแฮมดิบ) ส่วนพวกของร้อนอย่างไข่ก็เลือกสั่งเอา กาแฟมาริยาจ (เข้มแรง) น้ำส้มสดเติมไม่อั้น คือเป็นอะไรที่มานั่งกินนานๆ ได้เลยอะ น่ากินไปหมด มีเก้าอี้เด็กให้ด้วย เลิฟสุดๆ

เจ้าหมีนั้นไม่ได้กินครัวซองต์หรือขนมปังอะไรมาก (เพราะกินบ่อย) แต่จัดการปาเต้(เรียกว่าเนื้อๆๆ คงเพราะมันสีน้ำตาล) สลัดเลนทิล เห็ดผัดที่มาพร้อมไข่เฟรนช์ออมเล็ต ขนมฝรั่งเศสและเครมบูเลแบบไม่มียิ่งหย่อนไปกว่าพ่อแม่ (มีพักไปห้องน้ำสามรอบ) ทำให้การกินในวันนี้เป็นเวลาชม.เกือบครึ่งเอ็นจอยมาก อาหารก็อร่อยมากๆ ที่สำคัญคือมันไม่เกร็งเลยอะ จอแจกำลังดี พนักงานก็โอเคน่ารัก

กินกันสองคน (หมีฟรี) รวมแล้ว 100 ยูโร

GKEbvGTETTWTjAUD3h7cWw

ออกจากร้านมาแบบฟินๆ จุกๆ เพราะกินไปเยอะมากและอยากจะให้ตัวเองกินได้เยอะกว่านี้ 5555

ปล่อยหมีเดินออกจากร้านไปด้านนอกพักนึง พอจับชึ้นรถเข็นอุ่นสบายนุ่มฟู นางก็หลับน่ารักเหมือนขนมถ้วยฟู ก่อนให้นอนดูดน้ำมูกให้ปื้ดนึงด้วย จะได้หลับสบาย (แต่ตอนดูดนี่งอแงม๊าก!)

 

C2lIlibIS16tXgZxYEkWtA

มิวเซียมโรแดง 

พ่อแม่แวะมิวเซียมโรแดง ซึ่งเป็นศิลปินมัลติทาเลนท์ ทำงานได้หลากหลายรูปแบบมาก บูบริฟว่าพวกรูปปั้นนักกล้ามทั่งหลายที่ดังๆ นั้นล้วนมาจากฝีมือคุณโรแดง เข้าไปพบว่าเค้าทำงานพวกพลาสเตอร์ หินอ่อนอะไรด้วย บ้านที่ใช้ทำมิวเซียมก็ยิ่งใหญ่มาก นึกไม่ออกเลยว่าสมัยนั้นอยู่กันยังไงบ้านใหญ่ขนาดนี้ จะหลงไหมนะ สรุปว่ามามิวเซียมนี้คุณบูฟินสุด หมีหลับสบายสุดตลอดการเดิน ได้เดินทั้งสวนและในบ้านเลย

Mvq9M4tLTmOj+MOvikZpCQ

เดินออกจากมิวเซียมโรแดง มุ่งหน้าไปมิวเซียม D’orsay (MO) ระหว่างทางชอบมากเพราะแถวนี้คือย่านเริดเก่าแน่ๆ ดูจากประตูความยิ่งใหญ่อลังของมันอะ ก็เดินดูเพลินๆ ไป

พอถึง MO ทะนั้นล่ะ อ้าวเลยค่ะ คนต่อคิวตรวจกระเป๋าเยอะมากกกก ขนาดว่ากะด้วยตาคร่าวๆ น่าจะรอไม่ต่ำกว่าครึ่งชม. ดีไม่ดีอาจจะ 45 นาที ก็เลยบัยยย เดินเลาะริมแม่น้ำแซนไปเรื่อยๆ เจอแผงลุงขายพวกปริ๊น แมกเนต ฯลฯ ก็จัดปริ๊นรูปเห็ดมาอันนึง (สุดท้ายหล่อนหายไปไหนไม่รู้ตอนจบวัน) เดินผ่านนอธเทอดามก็ถ่ายรูป ดูตึกนั่นนี่ไปเรื่อย ตัดผ่านถนน Latin Quarter (Huchette) ซึ่งนักท่องเที่ยวเยอะมาก ตรงนี้มีขายพวกหมวกเบเรต์ราคาถูกม๊ากด้วย (เป็นไหมพรมบางๆ)

ANY89t0bRsuCfXBGMsSO%gtvVquZtoQC2d43VYR4RAsA+aMTUOy1Q1KpkBblsy3xSAvVFekuDuQQ2vq5A5C+SauQXy65hHkLSeaR85p399focQZ8uK6uirSvOlsaKKjBu9lgY+DZ218DQUGm+4AXFu794g

 

หมีตื่นแล้ว ให้น้ำก็ไม่กิน น้ำมูกเป็นยวง จึงดูดให้ริมถนนนั่นเอง (แน่นอนว่านางร้องแหกปากลั่น) จากนั้นจับมือกันเดินไปตามถนน ผ่านเพลย์กราวด์ในโบสถ์เก่าแก่อันนึงก็พาไปปล่อย เจ้าหมีเล่นอยู่สัก 15 นาทีได้ อากาศหนาวเฉียบ พอแม่ห่อตัวเกาะอกกระโดดสกิปฮอปรอไป

jIK9DmD3QSadeZGTuyU4yw
สนามเด็กเล่นนั้น คือสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าหมี

 

jMqUZtnFQE++xG0jFo017g

นั่งรถไฟไปบองมาเช่

เค้าแบ่งเป็นสองตึก คือตึกขายอาหารโดยเฉพาะ กับตึกช้อปปิ้ง

แน่นอนว่าครอบครัวเราไปตึกขายอาหารก่อนค่ะ โอพ่อเจ้าแม่เจ้าสนุกมาก เหมือนไป Selfridges เลย แยมสารพัด มารองสารเพ ขนมนมเนย โอ๊ย ฟินมาก ชวนเจ้าหมีลงมาเดินแม้คนจะมหาศาล นางช่วยหิ้วตะกร้า ด๊าหยิบซาร์ดีนกระป๋องใส่ นางก็หยิบปลาแซลมอนรมควันใส่ ด๊าหยิบโยเกิร์ตใส่ นางก็หยิบแพนเค้กใส่ เหมือนเป็น shopping battle ของพ่อลูก ก็เป็นอะไรที่สนุกไปอีกแบบ ครอบครัวตัวพีได้มารองเกรซ มารองกระป๋อง ไข่ปลาแห้ง แยม ฟรัวการ์กระป๋อง ซาร์ดีน แล้วก็พวกอาหารไว้กินตอนเช้า บางส่วนเก็บกลับบ้านไปลอนดอนด้วย

gKxrOhV3Qjme6mtHuoZ1jg

ช้อปอาหารเสร็จไปต่อกันที่ตึกช้อปปิ้งค่ะ เป้าหมายชั้น 3 แผนกขายของเด็ก

แต่…เป้าหมายแรก ห้องน้ำ เพราะหมีบอกอยากพีพีมาตั้งแต่เข้าห้าง

เดินๆ ดูก็รู้สึกอยากช้อปนะ แต่ดันมีเฉพาะของไฮเอนด์ ขณะที่อิแม่ชอบซื้อเสื้อผ้าเซลให้ลูก จึงแค่ปล่อยให้หมีวิ่งและเล่นอย่างเป็นสุขมาก เพราะมีอะไรให้เล่นเยอะ ได้เวลากินข้าวบูก็หาๆๆ เจอร้านอาหารทะเลเดินราว 10 นาทีจากห้างก็ไปกัน

sixTgZQZQo6YFpcfEQzLpQL56hlo12T52ttUuUZM3KDwbJwSIti0Rx6Zgav9LOv%Fg

 

ร้าน Mersea

การจะหาร้านกินในปารีสมันยากอิตรงที่เปิดดึกนี่แหละ! ร้านนี้มีไฮแชร์ด้วยคือเริดสุด
สั่ง oyster มา 6 แล้วก็ฟิชบอลล์ ตัวเราสั่งฟิชแอนด์ชิพ ส่วนบูสั่งเทราท์อบ
สรุปว่า oyster อร่อยที่สุด!!! อร่อยมากกกกก เค็มเปรี้ยวลงตัว สดฉ่ำล้ำอนาคตมาก
เทราท์อร่อยตามมา หมีชอบทีเดียวแหละ กินไปหลายคำ คนก็ไม่เยอะด้วยร้านนนี้ ดีงาม

จบจากร้านอาหารทะเล บูแวะร้านปิแอร์ฯ ซื้อมาการองกลับบ้านเพราะมีร้านอยู่ใกล้ๆ เคยกินจากร้านในฮ่องกงแล้ว แต่มาถึงบูก็บอกว่าต้องซื้อซะหน่อย จึงจัดมา 4ชิ้น (9,5 ยูโร พร้อมกล่องเหล็กที่ระทึก)

fullsizeoutput_6e8c

กลับถึงโรงแรมส่งหมีนอนแล้วจึงชงชา หยิบมาการองมากินกัน เรื่องรสชาติเราว่าเหมือนกับที่ฮ่องกงแหละ แต่เท็กซเจอร์อะที่ต่าง คือมันเป็นอะไรที่ทำสดใหม่กว่า texture เลยไม่หนึบๆ เหมือนที่เคยกิน อร่อยดี

ตอนเย็นวันนี้เช็คอุณหภูมิแล้วเจอว่าหมีไข้ขึ้น เลยให้กินพาราฯ ไปตั้งแต่ลงจากรถไฟช่วง 4 โมง (อิแม่หอบปรอทวัดไข้ไปด้วยทุกหนแห่ง) เดชะบุญเค้าทำยาให้อร่อย เจ้าหมีนี่กินเป็นขนมเลยค่ะ กินหมดไม่พอขอเพิ่ม!

 

 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s