เที่ยวหน้าหนาวนี่มันหนักหนาสาหัสไม่ใช่เฉพาะอากาศ แต่ข้าวของที่(คิดว่าจำเป็น)จะต้องขนไปก็เยอะ ทั้งเสื้อผ้าและอุปกรณ์เสริมสร้างความอบอุ่นให้เจ้าหมีเวลาออกไปตะลอนข้างนอก เอาเป็นว่าปกติไปเที่ยวหน้าร้อน สปริง ออทัม มนุษย์พ่อแม่ก็แทบจะขนบ้านกันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหน้าหนาวนั้นจะแบกบ้านไปสักกี่หลัง
เราไปปารีสกันตอนต้นๆ หน้าหนาว คือช่วงต้นธันวาคม เป็นเวลา 9 วัน อากาศอยู่ที่ 2-7C
ตอนนี้หมีอายุ 2 ขวบ ยังต้องใช้รถเข็นเด็กเพราะเดินช้า เดินไม่ทน แถมมีแนปบ่ายด้วย แต่กินอาหารปกติเหมือนพ่อแม่ได้แล้ว
เตรียมตัวเตรียมใจ
1. สูดดมกลิ่นบุหรี่ที่คนสูบกันเกลื่อนเมือง เราสงสารลูกมากที่ต้องดมควันบุหรี่ทุกวัน ตลอดวันที่เดินไปตามถนนหนทางต่างๆ ซึ่งมีคนโลคัลอยู่ เห็นพ่อแม่บางคู่นั่งกินข้าวสูบบุหรี่ มีลูกนั่งข้างๆ แล้วสงสารเด็กนิดๆ แต่เค้าคงเลี้ยงกันมาแบบนั้นอะแหละเนาะ
2. เจ้าหมีน้ำมูกเขียวและเป็นหวัดตั้งแต่คืนแรกที่ไปถึง คือคืนแรกเกือบไม่ได้นอนกันทั้งสามคนเพราะจมูกนางตัน ตื่นเกือบทุกชม. พยายามนึกว่าไปเจอเชื้อมาจากไหน นึกไม่ออกก็คิดเอาว่าเชื้อโรคแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน เจ้าหมีคงเจอเชื้อใหม่ๆ เข้าให้แล้วร่างกายก็พยายามกำจัดมัน น้ำมูกหายใน 2 วันแต่เป็นไข้อีก 2 วัน กระนั้นก็ต้องขอบคุณเค้าที่ไม่งอแง กินเที่ยวและนอนปกติ
3. อิแม่อ้วกไปรอบนึงเหมือนอาหารจะเป็นพิษ และไข้ขึ้นไปคืนนึง โชคดีวันถัดมาตื่นสายร่างกายเลยได้เยียวยา ขณะที่เจ้าหมีอ้วก (ห่างกัน 2 วัน จึงไม่น่าจะใช่อาหารเดียวกัน) คืนสุดท้ายก่อนกลับ ตื่นมาตีสามอ้วกไป 5-6 รอบจนไม่เหลืออะไรให้อ้วก น่าสงสารนางร้องไห้น้ำตาไหล สุดท้ายเพลียจนหลับไปเอง พวกเรากินอาหารตามร้านตลอด และก็เป็นร้านที่ดูสะอาดได้มาตรฐานดี เลยอดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน น้ำดื่มก็จากขวด ยังดีเช้าถัดมานางไม่เป็นอะไร ไม่งั้นคงต้องกระเตงกันไปโรงพยาบาลแน่ ดังนั้นก็เตรียมยาอะไรไว้ให้พร้อม
4. แน่นอนว่า พระอาทิตย์ตกดินรวดเร็วอย่างยิ่ง ไม่เกิน 5 โมงทุกสิ่งก็มืดสนิทยังกะ 3 ทุ่ม
อากาศ
สวิงนิดหน่อย บางวันหนาวมากขนาดว่าต้องเอามือซุกกระเป๋าตลอด ไม่งั้นมือจะเย็นเฉียบ บางวันก็หนาวแบบสบายๆ แต่บางทีก็ฝนตก บางทีตกหนัก บางทีตกหยิมๆ แต่มันก็แอบน่ารำคาญเพราะถนนเฉอะแฉะ จะปล่อยหมีเดินก็ไม่ค่อยสะดวก ไปสนามเด็กเล่นก็ไม่ได้ หกล้มมาเสื้อผ้าเลอะเทอะ! ดังนั้น สิ่งที่เราเตรียมไปด้วยก็คือ
1.รถเข็นเด็กคันเล็ก คนปารีสใช้ babyzen yoyo กัน 90% เลยเพราะฟุตบาทเค้าเล็กโดยเฉพาะย่านเมืองเก่า ใช้โยโย่แล้วสะดวกจริงจังมาก
2.hand muff หรือที่สวมมือให้อุ่นเวลาเข็นรถ มันจะติดอยู่กับมือจับเลยสะดวกมาก เรากะบูแย่งกันเข็นรถเพราะอยากอุ่นมือ 555 ไม่มีก็สวมถุงมือเอา
3.foot muff/foot warmer หรือถุงแด้อันแสนอบอุ่น ที่อิแม่อยากกระโจนเข้าไปอยู่ในนั้นแทนลูกเวลาหนาวจัด
4.ผ้าคลุมกันฝนรถเข็นเด็ก อันนี้ขาดไม่ได้! เอาร่มอิพ่ออิแม่ไปด้วยล่ะ เพราะเวลาเจอฝนหนักๆ เราจะได้สบายใจ ลุยไปเรื่อยๆ ทริปนี้เจอฝนตกทั้งวันไป 2-3 วันเหมือนกันนะ แต่เราก็อาศัยเบลอๆ ใส่เสื้อกันฝนได้ เอาผ้าคลุมกันฝนให้รถหมี แล้วก็เจ๊าะแจ๊ะๆ ไปเรื่อยๆ ด้วยคำขวัญ “ฝนตกได้ แต่นักเดินทางอย่างเราห้ามหยุดเที่ยว!”
เสื้อผ้า
ใส่ heattech แล้วทับด้วยสเวตเตอร์ ตามด้วยแจ็คเก็ตขนเป็ดเอาอยู่ละ ส่วนกางเกงจะใส่ heattech ก่อนก็จะช่วยให้เดินสบายขึ้น สำคัญคือคอต้องมีผ้าปิดมิดชิด หัวก็ต้องมีหมวกใส่ให้หูอุ่น มือซุกกระเป๋าได้ไม่ต้องเอาถุงมือไป และเตรียมอุปกรณ์กันฝนไว้ด้วย อย่าชะล่าใจเด็ดขาด
การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน
สถานีส่วนใหญ่สะอาดสะอ้าน เพราะมีถังขยะเตรียมไว้เยอะมากๆๆๆ คือถ้าปอกส้มให้หมีกินเนี่ย ไม่ต้องถือเปลือกนานเลย เพราะเดี๋ยวๆ ก็มีถังขยะให้ทิ้งแล้ว (แต่ห้องน้ำกลิ่นสยองมากนะ มันห้องน้ำสถานีรถไฟอะเนาะ ทำใจเหอะ)
ให้เตรียมใจไว้เลยว่าต้องแบกรถเข็นขึ้นลงบันไดชนิดที่กล้ามขึ้นได้! (แต่กล้ามคุณบูก็ยังขึ้นเฉพาะตรงพุงแฮะ) เพราะสถานีส่วนใหญ่ ไม่ buggy friendly เลยค่ะ! คือไม่มีลิฟท์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่แหม…จะบอกว่าไม่มีเลยก็ไม่ได้ บางสถานีมันมีนะ พวกรถไฟที่วิ่งบนดินอะ แต่ถ้าใต้ดินนี่มีแค่ไม่กี่สถานีจริงๆ ดีหน่อยก็จะมีบันไดเลื่อน (สถานีลึกมากๆๆๆๆ) การจะเอารถเข็นผ่านที่กั้น ก็ต้องเอาบัตรไปเสียบ หมุนไม้กั้น แล้วถอยตัวออกมาไปกดคุยกับพนักงานว่าเปิดประตูใหญ่ให้หน่อย เพราะมันไม่ได้เปิดทิ้งไว้เหมือนนิวยอร์กที่คนเปิดเข้าออกเป็นว่าเล่น
รถไฟปารีสนี่วิ่งด้วยล้อนะ แปลกตาดี (เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออก) ขบวนรถก็กว้างดี เข้าประตูไปจะมีเก้าอี้แบบเด้งพับเก็บให้เรานั่งแล้วเอารถเข็นจอดติดกันได้ ส่วนใหญ่หมีจะขอออกมานั่งเอง คนก็ไม่ได้ว่าอะไร มีแน่นบ้างเวลาพีคอาว
แต่…อยู่แค่ 9 วันเจอร์สไตร์กไป 4 วันละจ้ะ เป็นการสไตร์กระดับประเทศประจำปีของเค้า เราผิดเองที่ดันไปตรงวัน ขบวนรถไฟวิ่งน้อยลง วิ่งเฉพาะบางสาย ทำให้ชีวิตลำบากขึ้นไปอีกระดับ บางวันนั่งๆ อยู่บอกให้ทุกคนลง เพราะรถไม่วิ่งแล้ว (หาสาเหตุไม่ได้เพราะเค้าแค่บอกว่ามันไม่วิ่งแล้ว เดาว่าอาจจะมีปัญหาที่ระบบรางหรือระบบซิกแนล) แต่คงไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะโชคด้อยเรื่องขึ้นรถไฟอย่างพวกเรา…เนาะ อย่าคิดไรมาก
เรียกรถ Uber ก็ไม่ได้แพงนะ แต่คราวนี้เราไม่ค่อยได้ใช้ เพราะรถเข็นมันมี foot muff พับไม่ได้ เบลอๆ นั่งรถไฟไปเรื่อยๆ เหนื่อยนักก็เที่ยวแถวที่พัก
กินข้าวตามร้านอาหาร
80% ของร้านอาหารไม่มีเก้าอี้เด็ก แต่เดชะบุญเจ้าหมีนั่งกินอาหารบนเก้าอี้ปกติได้โดยไม่ค่อยยุกยิกแล้ว บางร้านที่ดีมากจริงๆ นั่นแหละถึงจะมีเก้าอี้เด็กให้
โดยรวมอาหารประเทศนี้อร่อย รสชาติบาลานซ์ไม่เค็ม ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เลี่ยน คืออร่อยสมชาติจริงๆ ไม่ได้จัดว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสเท่านั้นนะ อาหารญี่ปุ่นที่เรากินก็สุดยอดมากๆๆ เจ้าหมีสำราญเลยค่ะ กลับบ้านมาถึงกับกินข้าวน้อยลงเพราะอาหารมี้ไม่กลมกล่อมเท่า 555
สนามเด็กเล่น
มีให้พอสมควรเลยนะ อย่างบริเวณรร.ที่เราอยู่ มีสนามเด็กเล่นถึง 2 ที่แน่ะ แม้จะเล่นได้ถึงแค่ 5 โมงก็มีพี่รปภ.มาเป่านกหวีดไล่ให้กลับบ้าน เพราะมันมืดม๊ากกกก