นอร์เวย์ day 11: เดินเขานอกเมือง Oslo

IMG_7141.JPG

หลังจากเมื่อวานรอดพ้นจากการไปเดินเขา แต่วันนี้พอลืมตาตื่นมาไม่ได้ยินเสียงฝน เลยคิดว่าคงไม่พ้นได้ไปเดินเขากันแน่นวล…

ทำไมไม่ซื้อหวยน้า เอ๋น้อย….

เรากินอาหารเช้าเท่าที่มี (โยเกริ์ตหมดแล้ว) แล้วห่อไข่ต้ม (หอบหิ้วมาตั้งกะ Alesund!) ทำแซนวิช ต้มน้ำเดือดใส่กระติก เกียมมาม่าคัพใส่เป้พร้อมสรรพ จากนั้นนั่งแทรมไป Central station แล้วต่อ subway สาย 1 ไปจนสุดสาย นั่นแหละคือต้นเทรล

IMG_7109.JPG
ไปกันสองคน เป๋ามีแค่นี้แหละ

ใช้บัตร Oslo pass ขึ้นทั้งแทรมและรถไฟได้เลย แต่ที่ครอบครัวตัวพีอึ้งสุด คือที่ตรวจบัตรไม่มีอะไรกั้น…คำว่าไม่มีกั้นคือไม่มีเลย เอ็งจะเดินผ่านไปขึ้นรถไฟเฉยๆ เลยก็ได้ แล้วเสี่ยงเอาว่าจะมีใครมาตรวจบัตรรึเปล่า ซึ่ง…เราอยู่มา 3 วันยังไม่โดนสุ่มตรวจสักที…ช่างเป็นประเทศที่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากจนกะเหรี่ยงอย่างเราตื่นตระหนก

นั่งรถไฟราว 40 นาทีก็สุดสาย บูเล่าคร่าวๆ ว่าเทรลนี้ระยะทางราว 6.5 ไมล์ น่าจะใช้เวลาราว 3 ชม.​ เทอร์เรนไม่ได้ขึ้นเขาสูง หรือลงห้วยมากจนเกินไป ไม่ได้เห็นวิวจากมุมสูงเท่าไร เน้นการเดินเข้าป่าสนมากกว่า

ส่วนไฮไลท์ (หากพอจะเรียกได้) คือการที่เทอร์เรนเป็นทางน้ำตก หรือหญ้าชุ่มน้ำ เดินลำบาก (มันควรจัดในหมวดไฮไลท์เหรอ?) อยากจะบอกว่าเดินๆ ไปนี่เท้าแทบจะจมน้ำไปได้เลย ต้องใช้ไม้ปีนเขาแหย่ๆ ยันๆ ตัวไปเรื่อยๆ ไม่งั้นถ้าน้ำเข้ารองเท้าจนถุงเท้าชุ่มน้ำขึ้นมา เท้าจะเน่าเปื่อยอยู่ในนั้นทั้งวัน มันจะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ถ้าให้มองในแง่ดีก็คือทางแบบนี้ช่างสนุกท้าทาย ได้ใช้สติประสมสมาธิตลอดเส้นทางการเดิน

IMG_7120

IMG_7129

IMG_7142

IMG_7148

IMG_7154

IMG_7155

IMG_7158

IMG_7159

อากาศดี๊ดี ชุ่มปอดมากๆ สดชื่นที่สุดของที่สุด นี่พอจะเรียกว่าซูเปอร์โอโซนได้รึเปล่านะ (นี่ต่างหากที่ควรจัดอยู่ในหมวดไฮไลท์)

เดินได้สักชม.ก็เจอฮัท ซึ่งเค้าเปิดอาทิตย์ละ 3 วัน ขายอาหารง่ายๆ (คิดว่า) แต่วันนี้ปิด…มีลุงนักปั่นคนนึงนั่งกินกลางวันอยู่ตรงโต๊ะที่มองเห็นวิวป่า พวกเราเลยหาโต๊ะที่พอจะมีร่มเงาบ้าง เราเป็นคนเอเชียต้องการร่มเงา ไม่ใช่นั่งกินไรกันกลางแดดโจ้งๆ ยกเว้นวันหนาวจัดก็ถือเป็นข้อยกเว้น

จัดการเทน้ำร้อนใส่มาม่าคัพ (ไม่สนวิว สนร่ม) กินกับไข่ต้ม

สักพักหันหลังไปเห็นลุงเก็บอะไรอยู่นั่น อ้าว ราสพ์เบอร์รี่ป่านี่นา เดินไปเก็บมั่งๆๆ ได้ผลไม้ล้างปากแล้ว ขนาดลูกจิ๋วมาก แต่รสหวานจัดเข้มข้น ล้างก็ไม่ได้ล้าง  กินเลย 5555 หลังจากนั้นพอเดินตามทางจักรยาน เจอสตรอว์เบอร์รี่ป่าเม็ดเล็กเท่าไข่ปลาแซลมอนขึ้นชุกชุมมาก (ไม่กล้ากิน)

IMG_7160IMG_7162IMG_7165IMG_7168IMG_7167IMG_7171

พอกินกลางวันเสร็จนี่ดิ ทางเกือบจะไม่ใช่ทาง ทุกหนแห่งเป็นหญ้าชุ่มน้ำเต็มไปหมด บางจุดถึงกับต้องกระโดดหยองแหย็งเพื่อไม่ให้เท้าจมน้ำ สุดท้ายพอลุยที่ลุ่มไปโผล่ตรงทางจักรยาน รีบบอกบูว่าเราเดินตามทางกรวดไปดีกว่า ก่อนที่เท้าจะชุ่มน้ำไปทั้งยวง (ขนาดใส่รองเท้าเดินป่าแบบหุ้มข้อกันน้ำได้นิดหน่อยละนะ)

แต่ปัญหาคือทางจักรยานยาวกว่าทางเท้า
ก็เอาวะ…เป็นทางที่ตัดผ่านทะเลสาปด้วยก็สนุกดี เดินไปเรื่อยๆ จนเจอทางแยกที่จะไปขึ้นรถไฟกับทางไปคาเฟ่…รถไฟจะออกแล้ว….ปล่อยมันออกไป….พวกเราลงไปคาเฟ่กัน 555555

IMG_7179IMG_7175IMG_7187IMG_7190

จริงๆ คาเฟ่นี่เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารมิชิลินสตาร์ที่บูพยายามจองก่อนมาแต่ดันเต็มในวันที่เราอยู่ (ร้านบ้าไรเนี่ย จะจ่ายแพงยังต้องปีนลงเขาไปกิน พอกินเสร็จก็ต้องปีนเขากลับขึ้นมาอีกเหนื่อยมาก) แต่วันนี้ไม่แน่ใจกระทั่งว่าคาเฟ่เปิดรึเปล่า (แต่ก็เดินลงเขาไปเช็คดูกันแล้ว แถมลงจริงจังมาก ไม่ใช่แค่เนินเล็กๆ นะพวก)

โชคดีเปิด! คนเยอะด้วย เหมือนบางคนตั้งใจมากินโดยเฉพาะ เป็นคาเฟ่ที่ดีเลยอะ คือจริงจัง ดูดี เป็นกิจจะลักษณะ ลักษณะร้านเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ๆ สไตล์นอร์เวย์ (ให้อารมณ์เหมือนบ้านขนิษฐา) การซื้ออาหารคล้ายคาเฟ่ที่อิเกีย คือหยิบถาด ไปเลือกอาหาร แล้วจ่ายที่แคชเชียร์ แต่ราคาคนละเรื่องกะอิเกีย เพราะขนาดบริการตัวเองยังจ่ายไป  500 กว่าคราวน์ (ช็อกเล็กๆ ตอนจ่ายตัง ยังคิดว่าเค้าคิดผิดป่าววะ อาหารแค่เนี้ยนะขุ่นพี่!)

บูเลือก meatball ส่วนเราเอา soup of the day เป็นหน่อไม้ฝรั่งขาวกับครูตองหลายแบบ และขนมปังเล็กๆ ก้อนนึง อร่อย นมมันหอมมาก ซดคล่องคอ เหมาะกับอากาศเย็นๆ

กินเสร็จกะไปหยิบแดนิชก้อนนึงซื้อกลับบ้าน ปรากฏ…มันหมด

IMG_7201IMG_7202IMG_7204IMG_7206IMG_7209

เดินขึ้นเขากลับมาที่สถานีรถไฟ ฝนเริ่มลงเม็ด ดีใจจุงที่ลงตอนเราอยู่บนรถแล้ว รถวิ่งขึ้นเขาลงเขา เห็นวิวมุมสูง จัดเป็นรถไฟทัวร์ได้เลยนะ นั่งดูวิวไปสักพัก พากันสัปหงก 5555 รู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าอีกสองสถานีจะถึง central station แล้ว! จึงรีบปลุกบู

ตื่นมา ลอยออกจากรถไฟเหมือนวิญญานยังไม่กลับร่างดี ไปขึ้นแทรม กลับที่พักไปอืดได้สัก 30 นาทีก็ออกมาช้อปปิ้งของวินเทจกันต่อ โชคดีมีร้านวินเทจอยู่แถวบ้านเราหลายร้าน และมีคาเฟ่นึงขายของแคทลีนโอล์มแบบเยอะม๊าก อยากได้ม๊าก และแพงม๊าก…

จึงเดินกรี๊ดกร๊าดไปรอบๆ ร้านแล้วก็เด้งตัวออกมา เพื่อไปร้านที่เล็งไว้วันก่อน (เปิดพอดีเลยอะ) เจอคุณป้านั่งขายชิลล์มาก ร้านรกมาก เดินดูไปก็กลัวชนของเค้าหล่นแตก คัดแล้วคัดอีกได้ของมา 4 ชิ้นในราคา 300 NOK ก็ถือว่าแพงนะแต่ก็ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน (ยังไงก็ถูกกว่าค่าอาหารกลางวันละฟระ) พยายามเลือกซื้อแต่ของ  made in Norway

IMG_7219.JPG

ค่ำนี้เรากินสเต็กร้านสาขาที่เคยกินที่ Bergen เพราะติดใจในความอร่อย ซ้ำซากช่างมันเพราะร้านอาหารมีให้เลือกน้อยเหลือเกินประเทศนี้

ถึงบ้านเราพยายามรวบรวมเก็บของ ขณะที่บูหาข้อมูลเฮลซิงกิ (next station) จัดการซื้อบัตรมูมินเวิลด์ ตั๋วบัส พาสที่จะใช้ ศึกษาเวลาเปิดปิดและการเดินทางไปเอาท์เล็ตต่างๆ ในฟินแลนด์ด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงขนาดไม่เอาเวลาไปอัพไอจีอาหารที่ส่งรูปไปให้

“ก็ต้องมีใครคนนึงทำหน้าที่นี้ใช่ไหมคะ” นางว่า พร้อมค้อน
อะชิ….

 

ส่งท้ายนอร์เวย์…

-รถไฟมาสนามบินใช้เวลาแค่ราว 20 นาที เพราะเป็นสายตรง จอดแค่ป้ายเดียวก่อนสนามบิน

-ที่คืนภาษีอยู่เยื้องๆ เคานเตอร์ 9 ใช้เวลาคืนเพียงกะพริบตา เลือกสกุลเงินได้ระหว่าง  NOK, USD, Euro)

-ที่เกต เครื่องเล็กน่ารัก คนน้อย ใช้เวลาโหลดคนแป๊บเดียว ออกก่อนเวลา 5 นาทีด้วย

ข้อสังเกตของนอร์เวย์…

-ผู้หญิงชอบถักเปีย ผมบลอนด์แซมน้ำตาลกันทั้งประเทศ

-ภาษีกินร้าน 25 ทูโก 15

-มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันมาก ขนาดที่ตอกบัตซับเวย์ไม่มีที่กั้น

-คนเชื่อในสิทธิของตัวเองมาก

-ในเมืองนี่แหละที่เพิ่งเห็นเศษขยะ  เฉพาะแถวนักท่องเที่ยวเยอะๆ ต่างเมืองคือสะอาดเว่อร์เหมือนญี่ปุ่น

-แต่ละร้านใช้พนักงานน้อยมาก และทำได้ทุกอย่าง ค่าแรงเค้าแพง

-เวลาเปิดปิดสั้นมาก เช่น 11-17 น.

-ของในนอร์เวย์ไม่เห็นจะถูก กระทั่งของที่เป็นแบรนด์นอร์เวย์เอง (คงรู้แหละว่านทท.เป็นคนซื้อ)

 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s