เที่ยว Chicago กับเบบี๋

d11zmdJ+S1u8%KL41jFM2g

 

ชีวิตการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเยอะเลย หลังจากมีลูก จะให้ระหกระเหินเที่ยวตั้งแต่เช้ายันค่ำทำไม่ได้แล้ว (อย่างน้อยก็ตอนนี้) เพราะ 5 โมงเย็นคือเวลาข้าวเย็นของเธอ และเธอจะนอนตอนทุ่มตรงเกือบทุกวัน นี่คือเกริ่นไว้ให้รู้เฉยๆ ว่าทำไมวันๆ นึงเที่ยวน้อยจังวุ้ย

อย่างบล็อกนี้ก็เพิ่งกลับมาอัพเดต หลังจากร้างราจนหยากไย่ขึ้นไปเกือบปี ต้องรีบมาอัพก่อนครบปี ไม่งั้นเดี๋ยวมีคนกระแนะกระแหน (กระนั้นก็พบว่าผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วถึงจะเพิ่งมาเขียน ข้อมูลอะไรก็ไม่ได้จด ลืมไปหมดแล้วเนี่ย)

วันแรกเราบินจากนิวยอร์กไปชิคาโก้ พัก W Hotel ย่านดาวน์ทาวน์ เป็นโรงแรมที่โอเค ห้องกว้างใหญ่ เงียบสงบทั้งที่มีบาร์ตึ่งโป๊ะอยู่ข้างล่าง แนะนำสำหรับครอบครัวมีลูก ถ้านึกอะไรไม่ออก อาหารเช้าเค้าก็โอเค มีเมนูเด็กด้วยถ้าจำไม่ผิด

จากสนามบินเราใช้บริการ Grab เพราะสะดวกและราคาไม่แพงมาก (ไม่น่าเกิน 40 เหรียญ)

IMG_6076
สนามบินเขาสีจี๊ดจ๊าดมาก เหมือนกำลังขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอาร์เอสครบรอบสิบเก้าปี

 

วันแรกในชิคาโก้

สิ่งแรกที่ทำคือพุ่งไปหาของกิน ฮ่าๆๆ
เห็นเขาว่า Pretzel bun (หรือเรียกว่า Bretzel = Bread + Pretzel) sandwich ของร้าน Hannah’s Bretzel อร่อยเลยไปลองกัน คือแทนที่จะใช้ขนมปังธรรมดา ก็ทำแป้งแบบเพรสเซล เนื้อมันเลยแน่นดึ๋งๆ และหวานกว่าปกตินิดๆ อันนี้เห็นหลายร้านในนิวยอร์กอยู่เหมือนกัน อยากบอกว่ามันอร่อยจริง! โดยเฉพาะของเราไส้เนื้อกับหัวหอมคาราเมลไลซ์ รสชาติหวานเค็มลงตัว แต่ของบูไส้แฮมอะไรสักอย่างเราเฉยๆ ของเค้ามีให้เลือกสารพัดไส้เลยนะ

IMG_6093

IMG_6096
อันนี้อยู่ใกล้ร้าน Hannah’s Bretzel

 

The Bean
พอท้องอิ่ม แน่นอนว่าแมงเม่าอย่างเรา ก็ต้องบินพุ่งเข้าหาไฟ The Bean หรือ Cloud Gate  อันเป็นสัญลักษณ์ของชิคาโก้ (ก็ไม่รู้จะทำอะไรก่อนนี่เนาะ ไม่ได้วางแผนก่อนมา) คนเยอะมากดังคาด และเจ้าหมีก็เลือกที่จะนอนหลับเวลานี้…

IMG_6223

IMG_6107
มาดูใกล้ๆ มันก็ไม่ได้สะอาดวาวอย่างที่คิดเนาะ

ติดกับ cloud gate คือ Jay Pritzker Pavilion ที่ออกแบบโดยคุณ Frank Gehry คนออกแบบกุ๊กเกนไฮม์มิวเซียม ดังนั้นความหลุดมาจากอวกาศ ความม้วน ความเหล็ก ความทรานส์ฟอร์เมอร์ อันเป็นซิกเนเจอร์สุดๆ ของลุงเค้าก็ต้องมี

yjQTwN+ZTwSvJEKmxc5YFw
ฝนเริ่มตก อิแม่เริ่มเอาผ้าพันคอมาโพกหัวละ ร่มมีคันเดียว
IMG_6137
เดินจาก pavilion มา เห็นวิวเมืองจากมุมล่าง สวยเลยมาช่วงหน้าร้อน ดอกไม้งาม

เดินถัดจากสเตเดียมมานิดนึง ข้ามถนนก็จะเจอ The Art Institute of Chicago สำหรับคนที่เวลาไปไหนชอบเข้ามิวเซียมก็แนะนำ เพราะงานที่จัดแสดงไม่หนอน มีภาพศิลปินดังๆ เยอะแยะ และมีนิทรรศการหมุนเวียนดีๆ มาให้เลือกดูด้วย ค่าเข้าไม่ถูก ถ้าตัดสินใจมาก็อยู่ยาวๆ นิดนึงจะดี ค่าเข้านิทรรศการเวียนราวๆ 8 เหรียญได้

เดินดูอย่างผาสุขอยู่นาน แต่พอถึงเวลานมของเจ้าหมีเท่านั้นแหละ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจนอิแม่ต้องเผ่นออกจากห้องดูรูปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

จบจาก Art Institute เรานั่งรถไฟไปตลาดอาหารที่ไหนสักแห่ง ซึ่งไม่ค่อยน่าสนใจเพราะร้านรวงปิดกันหมดแล้ว ฮือ ออออ เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ซะงั้น  แต่ระบบขนส่งของเค้าก็ค่อนข้างสับสนดี(ตกลงดีหรือไม่ดี?) มีความเหมือนรถไฟสาย 1 ของนิวยอร์กนิดๆ บางจุดสนิมเกรอะแอบกลัวพัง (แต่ไม่กลัวหรอก เพราะถ้าจะพังจริง ของนิวยอร์กคงพังไปก่อนแล้ว)

 

 

เย็นนั้นกินข้าวร้านใกล้บ้าน เป็นร้านอาหารเยอรมันเก่าแก่มากชื่อ The Berghoff และน่าจะอยู่ในลิสต์ท่องเที่ยวเพราะเห็นคนมากินกันเยอะ อารมณ์อาหารประมาณร้านนิวไลท์ คือมีความเรโทรในทุกอณู เราสั่งเนื้อลูกวัวชุบแป้งทอดกินกับครีมผักขม คุณบูสั่งอะไรลืมไปแล้ว จำได้แค่ว่านี่เจ้ามีน่านั่งไฮแชร์กินร่วมโต๊ะกับเราได้เป็นครั้งแรก (เพราะหลังเพิ่งแข็ง นั่งเองได้ไม่นานมานี้เอง) อิแม่ปลื้มสุดๆ ได้กินข้าวสองมือซะที ฮ่าๆๆๆ

IMG_6541

 

ชิคาโก้วันที่สอง

วันนี้เรามีนัดกับน้องยี้ ไปเดินเล่นแถวละแวกบ้านคุณ Frank Lloyd Wright กันชื่อย่าน Oak Park ซึ่งบ้านเรือนแถวนั้นจะมีบ้านที่คุณแฟรงค์เป็นคนออกแบบเยอะอยู่ อันนี้ถ้าเป็นคนในแวดวงสถาปนิกก็จะรู้จักกันถ้วนหน้า เพราะเค้าถือ “เดอะตำนาน” ของวงการตั้งแต่รุ่นแรกแย้ม ทำงานตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อนได้ออกมาร่วม(ทุก)สมัยจนดูงานตอนนี้ก็ไม่รู้สึกล้าหลังหรือโบราณอะไรเลย เพื่อนคนนึงถึงกับบอกว่าตัดสินใจเรียนสถาปนิกเพราะชอบงานของคุณแฟรงค์เขา คิดดูเอาแล้วกัน

ส่วนเราอยากไปดูเพราะชอบงานสถาปัตย์สวยๆ แปลกๆ อยู่แล้ว ในเมื่อมาถึงถิ่นแล้วก็ขอซะหน่อย แต่คงตะกายไปไม่ถึงบ้านน้ำตกอันลือลั่นนั่นหรอกนะ ไกลเกิ๊น ^^” (ทำนองอินแต่ไม่ดิ้นรน)

ตอนเช้าก็เดินเล่นละแวกโรงแรม(ดาวน์ทาวน์) แถวนี้ตึกรามเค้าเก๋ดีนะ สถาปัตยกรรมแกรนด์ๆ เยอะเลย

 

 

นั่งรถไฟไป Oak Park กันค่ะ จากสถานีเดินไปราวๆ 15 นาทีจะถึง Frank Lloyd Wright museum ซื้อบัตร ซื้อทัวร์ ซื้อของที่ระลึก ครบค่ะ!

ทัวร์เค้ามี 2 อย่างคือ ทัวร์เดินข้างนอกเพื่อดูบ้านเรือนที่คุณแฟรงค์เค้าออกแบบ อันนี้เราจะซื้อทัวร์ไปกับไกด์ก็ได้ หรือเช่า audio guide แล้วก็ถือแผ่นพับออกไปเดินเองก็ได้ พวกเราเลือกเดินเอง

บ้านแถวนี้สวยและถูกอนุรักษ์ให้มีความมาจากอีกยุคนึงโดยพร้อมเพรียง แต่ละหลังตัดแต่งต้นไม้ดอกไม้สวยงาม ร่มรื่น ตัวบ้านไม่มีหลังไหนซีดเก่า เดินไปเมาท์มอยกันไปกับยี้ โดยที่เจ้ามีน่าหลับ (เย้!)

 

 

 

ส่วนอีกทัวร์คือ ทัวร์เดินดูในบ้านคุณแฟรงค์ ซึ่งดัดแปลงส่วนนึงเป็นร้านขายของที่ระลึก  อันนี้เราซื้อทัวร์ตามไกด์เข้าไป เพราะเค้าไม่ให้เราเดินดุ่มๆ เข้าไปเอง ฮ่าๆๆๆ

เจ้าหมีตื่นพอดี เลยใส่เป้อุ้มเดินๆ ตามเค้าไป ในบ้านน่าประทับใจ หลังไม่ใหญ่แต่แบ่งส่วนได้ลงตัว มีห้อง play room ใต้หลังคาที่โล่งโถงโปร่งสบาย เจาะรูเอาเปียโนออกมาเฉพาะตรงคีย์บอร์ดแล้วส่วนที่เหลือยัดไว้เหนือบันได แต่…ภาพวาดจินนี่อินเดอะบอทเทิลในนั้นดิ ทำลายความฝันเด็กชัดๆ แอบน่ากลัว

ชอบไอเดียนึงของเค้าตรงห้องน้ำ ที่ปล่อยช่องแสงไว้ตรงอ่างล้างหน้าพอดี ดูลงตัว รวมถึงช่องแสงต่างๆ ในบ้านทำกราฟฟิกสวยงามมาก เรายังได้เห็นห้องทำงานของเค้าด้วย มีแสงธรรมชาติเยอะมาก และมีตู้เซฟเก็บแบบโดยเฉพาะ

เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นก็เป็นของลูกๆ คุณแฟรงค์บริจาคมา เพราะก่อนที่จะกลายเป็นมิวเซียม บ้านหลังนี้ไม่ใช่ของคุณแฟรงค์แล้ว เค้าขายแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น การฟังไกด์ทำให้รู้ว่า คุณแฟรงค์เป็นคนทำงานเก่ง หาเงินเก่ง แต่ใช้เงินไม่เป็น ชอบเอาเงินไปซื้องานศิลปะหรืออะไรก็ตามที่ตัวเองชอบไปทั่ว ดังนั้นชีวิตครอบครัวเลยไม่ได้สุขสบายอย่างที่ควรจะเป็น

 

 

 

deep dish pizza ที่ร้าน Giordano’s Pizza

เดินมิวเซียมเสร็จหิวโหย พากันไปร้านพิซซ่าอย่างรีบ โชคดีมีสาขาอยู่ตรง Oak Park ที่นึงพอดี กลัวเหมือนกันว่าจะมีคิว เพราะเป็นหนึ่งในสองร้านดัง ได้ยินว่าสาขาในเมืองนี่คนรอกันเป็นชั่วโมงได้เลยนะ ปรากฎไม่มีคิวค่ะ ดีใจมาก!!! แต่รอพิซซ่านานมากเช่นกันเพราะเค้าทำทีละถาดและใช้เวลาอบนาน

deep dish pizza นี่เป็นของที่ต้องกินเมื่อมาชิคาโก้ เป็นพิซซ่าหนาปึ้กตามชื่อ ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันแหละว่าจะเลี่ยน แต่เอาเข้าจริงไม่เลี่ยนนะ เพราะชีสไม่ได้เยอะแยะ เน้นซอสรสอร่อยมากกว่า คิดว่าถ้าสั่งถาดใหญ่กว่านี้ก็น่าจะหมดได้ แต่กินแบบนี้แหละกำลังดี

รสชาติเราว่าโอเค ไม่ได้ว้าวอะไร แต่ก็ไม่แย่ เป็นประสบการณ์ที่ดี เจ้าหมีได้แต่จับไม่ให้กินนะ

 

 

ใกล้ๆ กันมีร้านไอติมน่าทานมากชื่อ Petersen Ice cream เห็นคนไปต่อคิวซื้อกัน เราก็ต้องกินค่ะ!

 

 

 

IMG_6357
ปิดท้ายทริปด้วยการเดินไปดูโบสถ์ที่ออกแบบโดยคุณแฟรงค์ แตกต่างเลยใช่มะ นี่เป็นงานของเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว มาถึงทุกวันนี้ยังเข้ายุคเข้าสมัย

 

ชิคาโก้วันที่ 3 
วันนี้ต้องไปขึ้นไฟล์ทกลับตอนบ่ายสี่โมงเย็น เลยกะว่าไปเที่ยวแค่อะแควเรียมอย่างเดียวก็คงหมดเวลาละ ก็เดินจากโรงแรมไปค่ะ เพราะนั่งรถไฟก็ใช้เวลาเกือบเท่ากัน จะนั่งแทกซี่อะไรก็ไม่ได้ เพราะต้องใช้คาร์ซีท แล้วพวกเราก็ขี้เกียจหอบหิ้วคาร์ซีทเข้าไปในอะแควเรี่ยมด้วย แต่เดินผ่านสวนผ่านอะไรไปเรื่อยๆ เพลินๆ

เป็นอะแควเรี่ยมที่ไม่มีอะไรพิเศษมากมาย แต่ใหญ่เลยแหละ ปลาแปลกก็พอมีให้ดู อย่างปลาวาฬเบลูกา ที่มีห้องให้ฟังเสียงเค้าด้วย เด็กๆ ออกันเต็มห้องเลย ส่วนการแสดงของเค้าก็ค่อนข้างดี เสียแต่…สั้นมาก!  ใครเอารถเข็นไปเค้ามีประตูให้เข้าทางด้านล่างไม่ต้องขึ้นบันได

G0hatiKZRD2Hs8ReT9eAtw

 

 

 

สรุปจบทริปชิคาโก้ 3 วัน 2 คืนแบบไม่ค่อยได้เที่ยวอะไรมาก 5555 สนุกดีได้เจอน้องยี้และเพื่อนๆ ด้วย แต่เครื่องบินที่ดีเลย์ 2 ชม.เพราะพายุเข้านิวยอร์กนี่สิ ทำเอากลับถึงบ้านตี 1 สลบกันทั้งพ่อแม่ลูก ดีนะเจ้าหมีไม่งอแงในแท็กซี่

IMG_6497IMG_6524

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s