จุดเริ่มต้นของบล็อกนี้ คือได้แผนที่แจกฟรีมาจากร้าน Uniqlo นิวยอร์ก (ไม่รู้สาขาอื่นมีแจกไหม) เป็นแผนที่ตุ่ยๆ เอาไปใช้จริงจังอะไรไม่ได้หรอก (ของฟรีแกจะเอาอาไร้!) เพราะไม่มีแลนด์มาร์กสลักสำคัญ ไม่มีร้านลับน่าค้นหา ไม่มีร้านดังคับฟ้ามาแนะนำ มีแค่…จุดสาขาร้านยูนิโคล่ในนิวยอร์ก และจุดโปรดของคุณ Jason Poland ซึ่งเป็นศิลปินชาวนิวยอร์ก คนวาดแผนที่นี้ขึ้นมานั่นแหละ
แต่ก็เก็บไว้นะ…จนฝุ่นเริ่มเกาะได้ที่ วันนึงน้องสาวชื่อยี้ มาหาแฟนที่นิวยอร์กพอดี เราเจอกันหลายวัน จนวันนึงไม่รู้จะไปไหน (ไม่ได้ชอบคุณ Jason Poland เป็นพิเศษอะไร และไม่ได้ว่างมากมายขนาดน้าน ) เลยชวนเธอมาตามล่าหาจุดในแผนที่นี้ด้วยกัน (ไม่ว่างจริงจริ๊ง) แถมเริ่มวันดี๊ดีนะ คือวันที่อากาศหนาวม๊ากกกกกก มือเมอนี่แทบไม่อยากเอาออกจากกระเป๋า แต่ก็ขอบใจนะยี้ที่บ้าตามพี่ 55555 คอยช่วยถ่ายรูปให้ตลอด เพราะมืออิเอ๋น้อยมันแข็งไปหมดแว้ววววว…
อนึ่ง…ถ้าคุณ Jason เค้ามาเห็นบล็อกนี้ เค้าคงดีใจนะ ที่มีคนบ้าเดินตามหาจุดต่างๆ ในแผนที่เค้าด้วย
ว่ากันตามท้องเรื่องแล้ว ในแผนที่มีทั้งหมด 30 จุด แต่เราจะไม่ตามไปทุกจุด เพราะบางอย่างก็ส่วนตัวมากไป๊ บางอย่างก็เป็นการเขียนแบบแรนดอม (เช่นจุด 8 พูดถึงร้านขายของบนถ.Mulberry ที่เค้าชอบไปซื้อแอปริคอต) หรือบางร้านเคยเดินผ่าน นึกออก จำได้ว่าอยู่ตรงไหน แต่ไม่อยากกลับไปอีกก็ไม่ไปเป็นต้น (เช่น จุด 17 ร้าน Print Matters ซึ่งเป็นร้านขายงานตัดเย็บจากผ้าแคนวาสพวกกระเป๋าซิป หรือเป๋าช้อปปิ้ง ที่เขียนคำจ๊าบๆ เจ็บๆ ไว้บนนั้น อันจะพบเห็นได้ทั่วไปในตลาดงานทำมือบ้านเรา)
แต่จะว่าไป สิ่งที่ได้จากการไล่ล่าตามแผนที่นี้ ก็คือทำให้เราได้เห็นรายละเอียดเล็กๆ ที่บางทีก็มองข้ามไป และได้เจออะไรใหม่ๆ เช่นเบอร์ 1 Picasso Sculpture ที่ซุกซ่อนอยู่หลืบในย่านที่อยู่อาศัยแถวโซโห ซึ่งเราไม่เคยเดินผ่าน (และน่าจะไม่มีวันเดินผ่าน) ไปเจอเลยเป็นต้น
เริ่มต้นกันที่เบอร์ 1 Picasso Scrupture ใกล้สวนที่คุณ Jason ชอบมานั่งคุยเล่นกับเพื่อน
จุดที่ 3 แยกตัดระหว่างถนน Mercer กับ Prince อันเป็นที่ๆ เค้าชอบมานั่งวาดรูป (อยู่ Soho)
แถวนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านขนม คนเยอะคักคักตลอดเวลา น่าจะอินสะไปร์ไอเดียอะไรให้ศิลปินอย่างเขาได้
จุดที่ 4 สิงโตตัวซ้าย ที่ตั้งอยู่หน้า National Library บนถนนฟิฟธ์อะเวนิว
วันไปไม่ได้ติดแผนที่ไปด้วย ที่ฮาคือมีเก้าอี้แบบเดียวกับที่เค้าวาดตั้งอยู่ข้างๆ มันด้วยอะ สงสัยเค้าชอบมานั่งส่องคนแถวนี้ เพราะคนก็แวะเข้ามาห้องสมุดกันมากมาย
จุดที่ 6 นั่งอ่านหนังสือจิบชาเย็น ที่ร้าน Housing Works บนถนน Crosby
Housing Works คือร้านขายของมือสองเพื่อนำเงินไปบริจาคให้คนตกทุกข์ได้ยาก (คล้าย Oxfarm หรือ Salvation army) มีให้เห็นโดยทั่วไปในนิวยอร์ก แต่ร้านหนังสือที่ขายหนังสือด้วยมีไม่มาก และนี่ก็เป็นหนึ่งในร้านที่มีหนังสือขายเยอะมากในราคาถูก มีคาเฟ่ตั้งด้านในด้วย เลิศหรูสมกับที่มันตั้งอยู่ย่าน Soho ส่วนที่ขายของมือสองสาขานี้ ก็จะมีของเริดๆๆๆ แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเราคิดว่าของที่ขายในร้าน Housing Works เนี่ย จะอยู่ในสภาพดี และได้รับการดูแลดีกว่าร้านมือสองอื่นๆ
จุดที่ 7 ร้านหนังสือ Mcnally Jackson บนถนน Prince
เป็นร้านหนังสือที่คนเข้าเยอะมาก เป็นหนึ่งในร้านมีชื่อ และอุ่นมากเวลาหน้าหนาว พวกเราจะแวะเข้าไปอังไออุ่นเสมอ ในนั้นมีมุมคาเฟ่เล็กๆ มีมุมโรงพิมพ์เล็กๆ ให้คุณพิมพ์หนังสือของตัวเองได้ด้วยเครื่องพิมพ์โบราณ ที่สำคัญคือมีหนังสือเยอะมาก ยืนอ่าน นั่งอ่าน ได้ตามสบาย นานๆ ทีเราก็ซื้อหนังสือเค้ากลับบ้านเหมือนกัน
จุดที่ 10 Chinatown เป็นที่ๆ เค้าชอบมาเดินดูนั่นนี่
สำหรับฝรั่ง ไชน่าทาวน์เป็นอะไรที่ exotic มาก แต่สำหรับคนไทยอย่างเรา ไชน่าทาวน์คือแหล่งอาหารและวัตถุดิบเอเชียอันเลอค่า! เดินมาย่านนี้เหมือนหลุดไปฮ่องกง คนพูดจีนกวางตุ้งกันไฟแลบ ร้านติ๋มซำ ร้านอาหารคันโตรสชาติต้นตำรับ ทำให้หายคิดถึงเป็ดพะโล้ เปาหมูแดง หมูแผ่นบีเชงเฮียงโฮมเมดได้อยู่ อย่างในรูปนั่นคือเปาหมูแดงเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ รสชาติอร่อยเท่าร้านดีๆ ในฮ่องกงเลย มาไชน่าทาวน์ทีไรเรากับคุณบูแบกของกลับกันหลังแอ่นเลย เพราะอะไรๆ ก็น่ากินและคิดถึงไปเสียทั้งนั้น (น่าสงสารเนาะ)
จุดที่ 15 American Natural History Museum
คุณ Jason เค้าชอบวาดรูปสัตว์ที่อยู่บนกำแพงใกล้กับโถงปลาวาฬในมิวเซียมนี้ บังเอิญวันที่เราไป โถงปลาวาฬปิดเพราะมีจัดปาร์ตี้ อะซิก… T^T
เป็นอีกหนึ่งมิวเซียมที่มีของให้ดูเยอะมาก รวมถึงส่วนให้ความรู้ก็บานเบอะจนอ่านไม่หวาดไม่ไหว บางส่วนใหม่ บางส่วนเก่า เค้ามีซากโครงกระดูกไดโนเสาร์ให้ดูเยอะจริงๆ อ้อ สำหรับเด็ก 4 ขวบขึ้นไป เค้ามีแค้มป์ Night at the museum ด้วยนะ พาลูกหลานมานอนใต้โครงกระดูกปลาวาฬได้ น่าสนุกดี อ่านรายละเอียดเพิ่มในเว็บไซต์เค้าได้เลย
จุดที่ 19 Farmers Market ที่ Union Square
จะว่าไป เราก็ไป Union Square บ่อยพอควร เพราะมีสาขาของร้าน Flying Tiger อยู่ (ชอบไปอัพเดตสินค้านี่ฮิ) และร้านตัดผมประจำก็อยู่แถวนั้น ตลาดฟาร์มเมอร์สที่ยูเนี่ยนจะใหญ่เป็นพิเศษ เพราะตรงนี้คือจุดต่อรถไฟเกือบทุกสาย ดังร้านร้านรวง ซูเปอร์ฯ และอะไรต่ออะไร จึงมีมากมายไปหมด
จุดที่ 23 The Met Breuer บนถนน Madison
จริงๆ แล้ว The Met ในนิวยอร์กมี 3 สาขา และถ้าคุณซื้อตั๋วสาขาใดสาขาหนึ่ง ก็สามารถนำไปเข้าที่สาขาอื่นได้ภายในวันเดียวกัน (คิดว่าเป็นไปได้มะ? แค่ Met สาขาหลักก็ใหญ่ แถมสาขาอื่นก็ไกล? แต่ได้ค่า…..เพราะครอบครัวตัวพีไปได้ 2 แห่งในวันเดียวกันมาแล้ว แม้จะไกลกันมาก! พลังอึดเท่านั้นที่จะครองโลก อว่ะอ่ะอ่ะ)
เอาเป็นว่า The Met สาขาใหญ่ เป็นที่จัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายจากทั่วโลก เดินจนขาลากแทบร้องขอชีวิตก็ดูไม่ครบทุกชิ้นในวันเดียว เราเดินไม่กี่ชั่วโมงก็เอียน ต้อง eject ตัวเองออกมาเช่นกัน
ส่วน The Met Cloister ซึ่งอยู่ไกลม๊ากกนั้น…เด็ดนะ เพราะเขาเอาปราสาทเก่า วังโบราณ เน้นที่ยุคเมดิวัลอย่างเดียว มาต่อเหมือนเลโก้จนกลายเป็นตัวมิวเซียมขึ้นมา แน่นอนว่าภายในก็จัดแสดงชิ้นงานจากสมัยเมดิวัลเท่านั้น ใครชอบใครหลงยุคนี้ มาแล้วรับรองไม่ผิดหวัง
ขณะที่ The Met Breuer เป็นการจัดแสดงงานศิลปะล้วนๆ เป็นแนวโมเดิร์นหน่อย
จุดที่ 25 ต้นไม้ที่หน้าต่างร้าน Fanelli บนถนน Prince ตัดกับ Mercerz
ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่าร้าน Fanelli เป็นร้านเก่าแก่ที่น่ามากินร้านนึง ด้านนอกเป็นแผง coffee to go ในวันนั้นถ้าเรากะยี้ไม่อิ่ม ก็คงจัดเหมือนกัน
จุดที่ 27 ร้าน Taco Bell บนถนน 14th Street
ไม่ได้เข้าไปนั่งกินในร้าน เพราะเกิดอุตริอยากกินฟรายส์ของร้าน Wendy’s ที่อยู่ข้างๆ กันแทน อันว่าร้าน Taco Bell เป็นร้านทาโก้แบบฟาสท์ฟู้ดโบร่ำโบราณของเมกา สมัยมาม้าคุณบูเธอมาเรียนเมกา เธอก็ทำงานพิเศษที่ร้านนี้
จุดที่ 28 แผงหนังสือหน้าร้าน Strand
Strand เป็นอีกหนึ่งสถาบันของนิวยอร์กเลยก็ว่าได้ ร้านหนังสือเก่าแก่ มีอุปกรณ์ e-book เป็นของตัวเองด้านในร้านเป็นเหมือนห้องสมุด มีทั้งหนังสือใหม่ เก่าที่ไม่พิมพ์เพิ่มแล้ว มีสคริปต์หนัง บทละครอะไรให้เปิดดูเยอะเลย ชั้นล่างมีหนังสือหายาก มุมเครื่องเขียนของจุกจิกเขาก็มี โปสการ์ดร้านนี้ก็เข้าท่า
จุดที่ 29 เก้าอี้เหล็กใน Sculpture garden ที่ MOMA
รูปนี้ยี้เป็นคนถ่ายแล้วส่งมาให้ เพราะเธอไป MOMA ก่อนกลับพอดี ฮูเร!
จุดที่ 30 ต้นไม้ใน Central Park
เป็นสวนขนาดยักษ์กลางเมืองที่ใครๆ ก็ต้องแวะมา : )
adaytrip diary 