เรายังอยู่กันที่เมืองฮาเนีย (Chania) แม้บล็อกแรกที่เขียนจะผ่านไปแล้ว 2 ปีก็ตาม กร๊ากกกกก
จากเมื่อวันก่อนไปเดินป่า Samaria george และเอาตัวรอดออกมาได้ วันนี้เราเดินวนเที่ยวในเมือง เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีอะไรไม่มากนะ บ้านเรือนเขาไม่ได้สวยเว่อร์อะไร มีบานประตูน่ารักๆ ให้เห็นบ้าง มีตลาดอาหารที่เดินดูสนุกดี ทีเด็ดสำหรับเราคงเป็นทางเดินเลียบริมน้ำ ที่มีร้านอาหารและประภาคารเก่าแก่กว่า 500 ปีที่เคยเขียนไปแล้วในตอนที่ 1
วันสุดท้ายก่อนบ๋ายบายฮาเนีย เราขับรถออกไปดูโบสถ์เก่าแก่ไม่รู้กี่ร้อยปีกัน คือด้วยความที่ตอนไปกรีกนี่ เราขับรถเยอะมากๆ พอถึงที่พักเพลียสุด ไม่มีแรงแม้แต่จะเขียนบันทึกใดๆ ทั้งสิ้น แถมชื่อโบสถ์ ชื่อถนน ชื่อฯลฯ ก็จำยากตะพึดตะพือ! สุดท้ายพอจะกลับมาเขียนบล็อก อ้าวเฮ้ย…ไม่มีอะไรจะให้เขียน 555555 เป็นบทเรียนจริงๆ หลังๆ เวลาไปไหนเราเลยพกสมุดเล่มเล็กๆ ไปด้วย เอาไว้จดชื่อสถานที่ ความรู้สึก ความคิดสั้นๆ ณ ช่วงเวลานั้น เผื่อไม่มีเวลากลับมาเขียนบันทึกตอนจบวัน เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็จะทำให้คนที่คิดว่าจะมาเมืองฮาเนียดีรึเปล่า ได้ใช้รูปเป็นตัวปลากรอบการตัดสินใจนะ
อาหารด้านล่างถ่ายมาจากร้าน Gramboussa Taberna ซึ่งอยู่ท่ามกลางสวนมะกอกอันห่างไกล ไม่น่าเชื่อว่าเราจะดั้นด้นไปหาจนเจอ ร้านตั้งในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีตู้อะไรเลย แต่น่ารักดี
ไฮไลท์ประจำวันสุดท้ายในฮาเนีย ก็คือการไปหาดสีชมพู หรือชื่อทางการว่า Elafonisi beach ซึ่งจุดเด่นเค้าคือจะมีทรายสีชมพูตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าครามสวยดีนะ แถมน้ำตื้นจนเราเดินข้ามจากฝั่งหาดไปยังฝั่งเกาะเล็กๆได้สบายๆ บนเกาะก็มีทางให้เดินเล่นได้ จะปูเสื่อเขลงตัวนอน หรือจะกลับไปนอนเล่นบนเก้าอี้ฝั่งหาดก็ได้เช่นกัน ส่วนนี้มีระบบการจัดการค่อนข้างดี มีห้องสุขาและห้องน้ำเป็นกิจจะลักษณะและสะอาด พวกเราอยู่นี่กันสักชม.นึงได้ ก่อนรีบขับรถกลับก่อนฟ้าจะมืด ทำไมน่ะเรอะ….

เพราะถนนน่ากัวมว้าก! เป็นถนนเลาะหน้าผาไปเรื่อยๆ แบบไม่มีตัวกั้นไรทั้งนั้น อิฉันก็ไม่ได้ขับรถแข็งอะไร แถมไม่ได้ขับบ่อยด้วยก็แอบกลัว เลยบอกคุณบูว่าเราควรรีบกลับกันตั้งแต่ฟ้ายังแจ้ง เพื่อฟามปลอดภัย


ไม่น่าเชื่อ ในที่สุดสิ่งที่ค้างคาใจ (การเขียนบล็อกเมืองฮาเนีย) ก็เสร็จซะที! หวังว่าเมืองถัดไป Rethymno จะมีข้อมูลมากกว่านี้นะยัยเอ๋น้อย (ช่วงนี้เป็นช่วงว่าง เลยรื้อทริปเก่าๆ มาแปะได้ ฮี่ๆ ^^)