ความเดิมจากตอนที่ยัยเมียย้ายบ้านจากฮ่องกง มานิวยอร์ก -> อ่านที่นี่
บัดนี้ก็มาปักหลักนิวยอร์กเข้าเดือนที่ 9 แล้ว เริ่มชินกับชีวิตในเมืองใหญ่ เริ่มคุ้นเคยต้นไม้ที่ใบเหลืองสวยให้เราได้กรี๊ดแค่ไม่กี่สัปดาห์ ก่อนร่วงหล่นจนโกร๋นในเวลาต่อมา เพื่อจะหนาวเฉียบยาวนาน
หลังจากตระเวนหาบ้านนานหลักเดือน สุดท้ายเราก็ได้ห้องที่พอใจ ในโลเคชั่นที่เหมาะสม แม้ราคาจะโหดเหี้ยมอำมหิตจนอิเมียนี่คัลเจอร์ช็อคไปสามระลอกก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับฮ่องกงแล้ว คือบับสูสีนะบอกเลย ค่าบ้านในฮ่องกงนี่สามารถแซงหน้านิวยอร์กได้ง่ายๆ เลย
ไอแสบไอเกีย (ikea)
ย้ายไปไหนๆ ไอเกียเป็นทางเลือกซื้อเฟอร์ฯ อันดับต้นๆ เสมอ เพราะของถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพและราคาร้านอื่นๆ ในนิวยอร์ก อีกทั้งเราไม่ได้ต้องการเฟอร์ฯ ที่จะอยู่ไปตลอดชาติ ดีไม่ดีพอย้ายก็อาจจะทิ้งไว้ที่นี่ด้วย
ไอเกียที่เมกาไม่ได้เป็นคนส่งของเอง เขาใช้ซับคอนแทรคเตอร์ส่งให้ นอกจาก “ค่าส่งแพง / ส่งช้า” ของที่มีขายในสโตร์ใช่ว่าจะส่งได้ทุกรายการนะ อันไหนไม่ยอมส่ง…เราก็ต้อง “แบก” กลับบ้านกันเองค่ะ (เออ สงสัยเหมือนกัน ทำไมบางอันไม่ส่งวะ?) สองสามีพันยาแบกหลายสิ่งขึ้นเรือกลับฝั่งแมนฮัตตัน แล้วค่อยต่อแท็กซี่กลับบ้านอีกที เพราะไอเกียอยู่ไกลแถว Red Hook โน่น นั่งแท็กกลับมาเลยอาจจะล้มละลายได้ (อ่านรายละเอียดไอเกียนิวยอร์กที่นี่)
ที่เรียกว่า “ไอแสบ” นี่ไม่ถือว่าเกินไปนะ เพราะหลังจากรอมาเป็นสัปดาห์ ถึงเวลาส่งของ…นัด 10-13.00 ก็มาส่งซะ 13.10 พอมาก็ดันส่งของไม่ครบ เดือดร้อนอิเมียต้องโทร.จิกให้กลับมาส่งอีกรอบ โทร.ไปตาม 4 รอบห่างกันรอบละราวเกือบชม. นางบอกอีก 20 นาทีจะถึงแล้วทุกรอบ!!! สุดท้ายรอจน 6 โมงเย็นก็ไม่เห็นแม้แต่เงา โทร.เข้ามือถือไม่ติด เลยโทร.เข้าบริษัท ผจก.ตอบว่า “เขากลับบ้านไปแล้ว พรุ่งนี้ส่งได้ไหม กี่โมงดี?”
จี๊ดข่ะ….มันจี๊ด!!!!
คือถ้าย้ายมาอยู่บ้านนี้แล้วอิฉันไม่เดือดร้อนนะ แต่บังเอิญยังไม่ได้ย้าย นี่คือมาเพื่อรอรับของโดยเฉพาะ…8 ชม.คือรอในบ้านอันว่างเปล่าทำไรไม่ได้ นอกจากยืนงงๆ อึ้งๆ นับบัคเตรีที่ลอยล่องอยู่ในห้องเป็นการฆ่าเวลา…อยากกระโดดขาคู่ไอเด็กส่งของคนนั้นมาก ถ้ามันจะบอกตั้งแต่แรกว่าขอกลับมาส่งใหม่พรุ่งนี้เช้า เราก็ไม่ว่าอะไร แต่ในเมื่อมันบอกว่าอีก 20 นาที อ่ะ…เป็นใครก็คงต้องรอไหม?
เรื่องนี้จบที่เอาของที่ขาดมาส่งตอนเช้าวันถัดไปก่อน 10 โมง…ก่อนอิฉันจะลากสังขารไปรับ…คงกลัวโดนด่าสิท่า
ดังนั้นเพื่อตอบแทนการบริการแสนล้ำค่า อิเมียจึงเขียนวิจารณ์แหลกบริษัทส่งของให้ ikea ใน Yelp! เป็นครั้งแรกเลยที่เขียน negative comment แต่บอกเลยว่าการทำกันขนาดนี้ อิฉันไม่ขอทน!!! ใครจะคิดว่ามาอยู่นิวยอร์กได้ไม่ถึง 2 เดิอน ได้ปลุกเอาจิตวิญญานด้านมืดของอิเมียขึ้นมาได้ ทั้งที่ไม่เคยทำไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต….เอวัง
ที่ผ่านมา ใช้แต่บริการพนักงานประกอบของให้จากไอเกีย ทั้งที่ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเค้าคิดเงินเพิ่มราว 5-10% ของราคาสินค้า คำนวนออกมาก็ไม่เท่าไหร่ จ่ายไปดีกว่ามานั่งเสียเวลาประกอบ อุปกรณ์ไรก็ไม่มี ต่อไปก็ไม่เป๊ะ ที่สำคัญพนักงานก็ดีมาก ทำงานเร็วราวสายฟ้าฟาด ได้งานเนี้ยบนิ้งกิงก่องแก้ว
แต่ที่นี่ค่าประกอบคิดราว 1 ใน 3 ของค่าสินค้า
คิดง่ายๆ นะ ถ้าเตียงราคา 10,000 บาท ค่าประกอบปาเข้าไป 3,000 บาท!
ต่อมไตความงกของอิเมียยอมไม่ด๊ายยยย!
ดังนั้นก็…ต่อไปสิคะ รออะไร… (บูมองบน)
ช่วงนั้นสงสารคุณบูมาก เพราะส-อา นางอดไปเที่ยว ต้องมานั่งประกอบเฟอร์ฯ คือมันเหมือนไม่ยาก แต่พอทำจริงมันไม่ง่าย สิ่งที่ควรทำได้ตามคู่มือ กลับไม่ได้ว่ะ! ของชิ้นเล็กอย่างโต๊ะหัวเตียงอะไรไม่เท่าไร (ซึ่งก็ยังประกอบไม่เหมือนคู่มือบ้าง ใช้ๆ ไปแหละ) แต่พวกของใหญ่อย่างเตียงคิงไซส์นี่นะ…ต้องถึงกะต้องยันขาคู่ ยืดเหยียดร่างกระทืบมันเข้ากลัก จนจุดนึงเกือบยอมแพ้ ยอมเรียกช่างมาต่อให้จะได้ไม่ต้องเครียดกัน ทว่าทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี



ดังนั้นห้องนอนจึงเป็นห้องแรกที่เสร็จ เพราะใช้เฟอร์ใหม่หมด ไม่ต้องรอที่ชิปมาทางเรือ รวมถึงโคมไฟทั้งหลายด้วย เราแอบช้อปผ้า marimekko ล่วงหน้า เอามาปูทับบดบังหลังตู้ที่เป็นไม้อัด แถมสร้างสีสันให้ห้องได้แบบ 2 in 1
ทว่า ถ้าเดินออกมาจากห้องนอน จะเจอภาพนี้….กร๊ากกกก

ช่วงสัปดาห์แรกที่ย้ายเข้าห้องมา ในบ้านมีแค่เตียงและเฟอร์ฯใหม่จากอิเกีย ที่ประกอบเสร็จบ้างไม่เสร็จบ้างตามรูป พวกเรากัดฟันต่อเฟอร์ฯห้องนอนทุกอย่างจนเสร็จ เพราะไม่อยากให้มีฝุ่นในห้องนอนจนติดเท้าขึ้นเตียง ข้างนอกซึ่งเป็นห้องนั่งเล่น ก็มีสภาพอย่างที่เห็นคือโล่งๆ เละๆ ช่วงสัปดาห์แรกของที่ชิปลงเรือยังส่งมาไม่ถึง ดังนั้นจะทำอะไรก็เมคดูเอาค่ะ จะใช้คอมฯ ก็นั่งบนเก้าอี้ที่มีอยู่ตัวเดียว จะกินอะไรก็เอากล่องกระดาษมาปูรองนั่ง จะแขวนผ้าชื้นก็อาศัยตามตะขอหรือสวิตซ์โคมไฟ



จนถึงวันที่ของที่ชิปเรือมาส่ง โห….ดีใจม๊ากที่มาเร็วกว่ากำหนดเป็นสัปดาห์ แต่ทว่า…พอแกะของออกจากกล่อง ขาอิเมียก็ทรุดอีกครั้ง





และเมื่อแกะเสร็จ…เห็นสภาพของทั้งหลาย เข่าทรุดเลยข่ะ





หลังจากนั้น อิเมียก็หมกตัวอยู่บ้านเป็นสัปดาห์ ในการทำความสะอาดและเก็บข้าวของ ให้บ้านกลายเป็นบ้านอีกครั้ง จะว่าไปขั้นตอนนี้มันสนุกนะ เหมือนเราได้ของใหม่อะ เพราะบางอย่างซื้อมาเก็บไว้แล้วก็ลืม การย้ายบ้านทำให้เรามีโอกาสเริ่มต้นใหม่กับการเก็บของให้เป็นหมวดหมู่ และทิ้งหรือบริจาคของที่ไม่ค่อยได้ใช้จริงๆ จุดนี้แนะนำเลย ซื้อหนังสือของฮงมาริมาเล่มนึง จะช่วยเตือนสติในการจัดได้ดีเยี่ยม มันเวิร์กจีจี
สุดท้ายก็ออกมาแนวๆ นี้..คือไม่ได้ถ่ายรูปบ้านที่จัดเสร็จแล้วไว้มากเท่าที่ควรแฮะ แปลก
แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่า…ม่านค่ะ…ม่านยังไม่มี๊!!!!
สงครามม่าน
เราไปสั่งตัดมู่ลี่ที่ร้าน Lowe’s ตั้งแต่ก่อนย้ายเข้าบ้าน 1 สัปดาห์ กระบวนการมันบัดศรีบัดเถลิงมาก ศิริรวมตั้งแต่วันแรกที่จ่ายตังไปจนถึงติดม่าน ปาเข้าไปเดือนครึ่ง ทั้งที่พนักงานบอกว่าแค่ 3 สัปดาห์!
1.จ่ายเงิน (แน่นอนอยู่แล้ว)
2. นัดช่างให้ไปวัดหน้าต่างที่บ้าน (ซับคอนแทรคเตอร์)
3. ช่างมาวัดหน้าต่างเสร็จ กลับไปบอกที่ร้านว่าต้องตัดอะไรยังไง
4. พอม่านตัดเสร็จ เราต้องไปแบกมู่ลี่กลับบ้านเอง
5. ขอเอกสารประกันจากบ.ติดม่าน กรณีเกิดความเสียหายกับตัวอาคารขณะติดตั้ง
6. รอคิวช่างมาติด
แค่ฟังก็บับ…อยากไปเรียนช่างอะ ฉันจะได้ไม่ต้องไหว้วานไอร้านพวกนี้ เพราะแค่คิดระบบการทำงานก็เหนื่อยใจละเหอะ แต่ก็พยายามๆ ทำทีละขั้นไป พอจี๊ดขึ้นมาเมื่อไรก็บอกตัวเองว่า one step at a time นะเอ๋น้อย แต่เหมือนฟ้าต้องการพิสูจน์ จึงส่งบททดสอบมาให้
1.จ่ายเงิน …
แพงมาก ค่ามู่ลี่หลายพันบาท ค่าแรง “หมื่นกว่าบาท”!!!! คือติดมู่ลี่หน้าต่าง 2 บานนะคะ! ตอนจ่ายกัดฟันแบบ…เอออย่าให้ถึงตาฉันบ้างนะเว้ย
2. นัดช่างมาวัดหน้าต่าง
กว่าจะนัดได้…ปาเข้าไป 2 อาทิตย์..คือโทร.จะขอนัดทุก 3 วันเลยนะที่สำคัญนัด 9 โมงนางโทร.มาตอน 8.30 น.บอกว่าถึงแล้ว ซึ่งตอนนั้นอิฉันเพิ่งออกจากห้องน้ำ พอบอกว่ารอสัก 5 นาทีได้ไหม(จะใส่เสื้อผ้าก่อนโว้ย) นางบอกรอไม่ได้ ฉันไปแล้วนะ…เฮ้ย บ้าป่าววะ!!!
เห็นท่าไม่ดี เราเลยบอกว่าขอแค่ 3 นาทีก็ได้ ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ! แต่นางบอกไม่ได้ ฉันจะไปแล้ว ฉันมีนัดเยอะมากวันนี้ แล้วรู้ไรมะ..นางไปจิงๆ …คือถามหน่อยว่าฉันผิดเหรอ เธอมาก่อนเวลาครึ่งชม.นะ แล้วการรอแค่ 3 นาทีให้กุใส่เสื้อผ้าเนี่ย…มันนานแค่ไหนกันเชียว (คิดขึ้นมาแล้วของขึ้นสุดๆ)
สรุปว่าเรื่องนี้ลงเอยที่นางมาวัดให้ในวันถัดไปข่ะ (คือถ้ารอ 3 นาทีจะไม่เสียเวลาเท่าการมาใหม่เลยนะ) …หลังจากอิฉันโทร.ไปถาม 3 รอบว่าเอ็งต้องมาวันพรุ่งนี้นะ
3.ช่างกลับไปบอกที่ร้านว่าต้องตัดอะไรยังไง / 4. เราต้องแบกมู่ลี่กลับเอง
อันนี้คือหนักข่ะ ต้องไปแบกเอง มู่ลี่หนักมาก คือตอนแรกก็คิดว่านี่เราเลือกร้านผิดป่าววะ แต่นี่คือร้านที่เพื่อนคุณบูแนะนำมาว่าถูกและบริการโอเคแล้ว (ถามจริง? นี่มันนิวอยร์กหรือปาปัวนิวกินี?)
5. ขอเอกสารประกันความเสียหาย
หลังจากได้มู่ลี่มา อิฉันก็ต้องเมลแจ้งผจก.ตึกค่ะ ว่าจะมีคนมาติดม่าน เค้าก็บอกว่าต้องมีใบอนุญาตการติดและใบประกันค่าเสียหายมาจากบ.นั้นด้วยนะ…กว่าจะไปจิกใบมาได้นะ…ปาเข้าไป 5 วัน นี่หรือเมืองฟ้าอมร ระบบการทำงานทรงประสิทธิภาพสุดๆ ขนาดโทร.จิกเกือบทุกวัน
6.รอคิวช่างมาติด
ส่วนทางอินช่างคนเดิม โห…กว่าจะได้คิว…ปาไปอีกเกือบ 2 อาทิตย์! ระหว่างนั้นก็นอนให้แสงไฟแยงตากันไป ตอนกลางวันแดดก็ส่องทะลุเข้ามาเพิ่มกระที่ใบหน้ากันไป คือหันไปมองหน้าต่างแล้วจะขุ่นเคืองระบอกการให้บริการเมืองนี้มาก…เนี่ยเหรอเมืองใหญ่ที่ใครๆ ก็อยากมา บซ.มาก (เรื่องหน้าต่างนี่คือจี๊ดสุดแล้วจีจี)
พอถึงวันนัด…นางบอกว่ามาไม่ได้ค่ะ….มันเบี้ยวนัดกันดื้อๆ!
คือบับ…อิเมียก็บอกว่าเธอต้องมาติดให้ฉัน ฉันต้องมีมู่ลี่! นี่มันปาเข้าไปเดือนกว่านับจากวันแรกที่ฉันเหยียบเท้าเข้าไปอิร้านนั่นแล้วนะ สุดท้ายนางก็มาในวันรุ่งขึ้นข่ะ ซึ่งอิเมียก็ลุ้นสุดๆ ว่ามันจะไหวไหมเพราะช่วงนั้นประชุม UN เค้าปิดถนนแถวบ้านแบบยาวเป็นหลายสิบถนนเลย มันหาที่จอดไม่ได้ก็โทร.มาเหมือนจะบอกว่า เออหาที่จอดไม่ได้จีจี ทำไงดีๆๆๆ….ฉันบอกว่าไม่รู้! แต่ฉันต้องมีม่าน(แล้วโว้ย!)
ลงท้ายว่า ใช้เวลาติดม่านแค่ไม่ถึง 10 นาที…กับการรอคอย 2 สัปดาห์
ดอร์แมนถึงกับบอกว่า ทำไมไม่บอก super ของตึกเราล่ะเค้าทำให้ได้ ซึ่งจริงๆ ยัยเมียเคยบอกคุณบูนะ แต่นางบอกว่าลำบาก อ้าว…ประเด็นนี้เกือบทำให้ครอบครัวร้าวฉานแล้วจีจีนะ คิดว่ากลับไทยไปจะไปเรียนเป็นช่างม่าน มาหากินนิวยอร์กละ คิดค่าบริการครึ่งราคาแล้วให้บริการดีสุดๆ จนคนประทับใจ ตัดหน้าให้ตาช่างคนนี้หมดอนาคตหากินอะไรไม่ได้ไปเลย (แค้นฝังหุ่น)

สุดท้ายว่า บ้านใหม่ก็อบอุ่นดี ไม่ได้ถ่ายมุมเดียวกัน before-after เอาไว้เพราะขี้เกียจและบางทีก็ลืม (เห็นคนอื่นทำแล้วก็มีแรงฮึดนะ พอถึงเวลาต้องทำกลับลอยชาย) หน้าต่างห้องนั่งเล่นนี่ดีมาก เห็นใบไม้ในหน้าร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง หน้าหนาวก็เห็นหิมะชัดเจน ชอบ มีโซฟานั่งข้างหน้าต่างดูซีรี่ส์เกาหลีได้สบายใจเฉิบมากๆ
เพื่อนเห็นรูปห้องที่แต่งแล้ว นางบอกว่า “นี่มัน copy – paste จากบ้านที่ฮ่องกงทั้งห้องเลยนี่” 55555
จบกันดื้อๆ แบบนี้เหมือนเช่นเคย ไว้หน้าร้อนเมื่อไรจะถ่ายรูปเพิ่ม ตอนนี้หนาวแล้ว สลัวท้างงงวัน