อย่างที่เกริ่นในตอนแรกว่า การมาเที่ยวดีซีหนนี้จะไร้ความแซบ ถ้าขาดการมาเดินเล่นแถว Georgetown เอาคร่าวๆ ว่าคนโลคัลเขาไม่อยู่กันตรง The national mall หรอก ดังนั้นร้านรวง ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้งจึงหดแห้วตามไปด้วย ถ้าไม่ได้ออกมาตรงนี้จะถือว่าขาดการมิงเกิลกับเหล่าวอชิงเตี้ยนดีซี (ศัพท์ไรวะ?) เขานะ
วิธีไปก็เปิด google maps จะง่ายสุด จากจุดที่รร.เราอยู่ เดินมาหน้า National air & space museum แล้วนั่งรถสาย 130 ราว 20 นาทีก็จะถึง Georgetown ละ เราใช้เวลาอยู่ราว 5 ชม.
9.30 น.
breakfast at Leopold’s Kafe + Konditorei
อาหารเช้าดี กาแฟอร่อย บริการช้าหน่อย แต่ก็เหมาะกับอารมณ์มาฮอลิเดย์เนาะ คนกินกันเยอะเลยทั้งโลคัลและนทท. สั่งกาแฟมารองท้อง ลอง croque monsieur แล้วพบว่า…ไม่ค่อยเวิร์ก ขนมปังทำแห้งเกินไป (แต่ความเค็มพี่ทั่นจัดให้เต็ม) spaetzle กับเห็ด แฮมแพนเชตต้า และไข่ดาวในสกิลเลตต์ที่คุณบูสั่งนี่ดิ เจ๋งอะ มาดีซีทริปนี้เราได้กินสแปตเซิล 2 หนละ และรู้สึกชอบมันมาก ชิ้นเล็กหนุบๆ หนึบๆ เหมือนพาสต้าแต่มีไข่เยอะกว่า นัวๆ ปนๆ อยู่กับอาหารแล้วทำให้รสละมุนดีจัง จุดเด่นอีกอย่างของร้านนี้คือขนมเยอะมากๆ
ราคาอาหารรวมทิป 60 เหรียญ
10.45 น.
เดินดูบ้านสวยๆ แถวหน้า Georgetown University
ไกด์บูศักดิ์บอกว่า Georgetown university เป็นมหาลัยการเมืองชื่อดังของเมกา เก่าแก่มา 200 กว่าปี(ค.ศ.1789) มีนักการเมืองและปธน.จบจากที่นี่มากมาย รวมถึงวุฒิสมาชิก(และอดีตปธน.)ทั้งหลายที่ทำงานในทำเนียบขาว ก็จะมาหาบ้านอยู่กันแถวนี้ แค่เดินผ่านๆ ก็บอกได้เลยว่ามันคือย่านที่เริด! บ้านสวยงาม สะอาด น่าอยู่ ต้นไม้ตรึมโป๊ะ ร่มรื่นสุดๆ ยิ่งใกล้ๆ มหาลัยเขาเหมาบ้านมาทาสีน่ารักๆ ทำเป็นบ้านพักให้นักศึกษาอยู่ (ใช่! ฉันอยากเป็นนศศ.ในหอพักเหล่านี้มากกว่าหอกริฟฟินดอร์!)
11.30
Georgetown University
มหาลัยนี้สวยอลังมาก ถึงจะเก่าแล้วแต่ยังดูเหมือนใหม่ มีนักศึกษามาเป็นไกด์พานักท่องเที่ยวเข้าชมตามสถานที่ต่างๆ พร้อมบรรยายกลุ่มเล็กๆ ซึ่งน่าจะต้องมีการจองมาก่อน พวกเราจึงชวดไปและคิดว่าคงไม่มีเวลามากขนาดนั้น เพราะทัวร์น่าจะใช้เวลาสักชม.เป็นอย่างต่ำ
แล้วอยู่ๆ คุณบูก็พาเรามุดไปด้านหลังมหาลัยซึ่งอยู่หลังยิมฯ มันคือป่าจริงๆ ที่พอโผล่หน้าเข้าไปเจอกวางแม่ลูก! เดินๆ ไปเจอกระรอก มีนกร้องจิ๊บๆ จั๊บๆ คลอให้ฟังตลอดการเดิน ใครสนใจก็ไม่ต้องกลัวเพราะแท้จริงแล้วป่าแห่งนี้คือทางเดินเป็นกิจจะลักษณะ มีคนมาวิ่ง พาลูกมาเดิน คู่รักมาเดินผ่านไปเป็นระยะๆ เมื่อก่อนทางเป็นวนลูปได้ แต่เดี๋ยวนี้เขาปิดเนื่องจากสะพานเหล็กเก่าม๊ากที่อยู่อีกด้านนึงมันพังจวนเจียนจะถล่มลงมาใส่หัวคน แต่พอเราถามคนที่วิ่งผ่านมา เขาก็บอกว่าเข้าไปเหอะ ไม่มีอะไรหรอก (มั้ง)
แถวนี้คือทางจักรยานแบบกิจจะลักษณะมาก แค่เดินราว 10 นาที มีคนปั่นจักรยานผ่านไปเราน่าจะสัก20 คนได้…
12.00
ทางเดินเลียบคลองเข้าเมือง
เดินๆ ไปแล้วนึกถึง Camden Lock ขึ้นมา เพราะคลองแห่งนี้ก็เคยใช้เป็นเส้นทางขนส่งด้วยม้าในสมัยก่อนเช่นกัน สองข้างทางเดินง่าย สวยด้วย อากาศดี
12.30
Rock Creek Park, Old stone house / บ้านหินโบราณเก่าแก่
ชอบดีซีอย่างนึง ตรงอะไรๆ ก็เข้าฟรีตลอด (ไม่เหมือนนิวยอร์ก ที่บอกว่าเข้าฟรีและให้บริจาค แต่เอาเข้าจริงก็มีการบอกว่าคุณ “ควรจะ” บริจาคเท่านี้ๆ นะ แถมตั้งเคาน์เตอร์กันไว้ด้านหน้า ใครมันจะกล้าเดินผ่านเข้าไปลอยๆ?) รวมถึงบ้านหินเก่าแก่แห่งนี้ด้วย ด้านหลังเป็นสวนใหญ่เชียว เดินเล่นได้ ด้านในเขาก็เปิดให้เข้าไปถึงชั้น 3 ดูก็รู้น่าว่าเป็นการเซ็ตฉาก แต่แหม…มันก็น่ารักดี แถมทำให้พอจิ้นออกได้คร่าวๆ ว่าสมัยก่อนคนเขาอะไร แบบไหน ยังไงกัน
13.00
Wisconsin Ave.
จากบ้านหิน เราเดินเตาะแตะมาถนนนี้โดยไกด์บูศักดิ์ มีแบรนด์สากลโลกค่อนข้างครบ มีร้านเล็กๆ น่ารักหลายร้าน รวมถึงร้านขายฟัดจ์เก่าแก่ชื่อ Thomas Sweets ที่บรรยากาศโคตจะใช่! และเราซึ่งยืดอกภาคภูมิว่าตั้งกะมาดีซียังไม่ได้ช้อปอะไรเลย นอกจากแม็กเนต ‘failure is not an option’ อันเดียว ก็พบจุดจบแห่งความภาคภูมิใจที่ร้านขายน้ำมันมะกอกกะเกลือ! จัดของมาซะเต็มเป๋าเลยอะสมเป็นแม่บ้านจริงๆ
จากร้าน Thomas Sweets เลี้ยวขวาเข้าไป P street NW จะเจอบ้านหลังนึงซึ่งปลูกต้นไม้คลุมทั้งหลังเลย น่ารักน่าใคร่มากๆ กรอบหน้าต่างก็มีดอกไม้สวยๆ ประดับ คืออยากได้บ้านหลังนี้เป็นของตนเองแต่คงไม่มีปัญหา แถวนี้จะมีป้ายบอกทางไป Tudor Place ซึ่งเป็นบ้านทิวดอร์เก่าแก่ สวนสวย และเปิดให้คนเข้าชมด้วย (คนชอบจองเป็นที่จัดแต่งงาน) แต่พวกเราถอยทัพกลับก่อนเพราะคิดว่าควรค่าแก่เวลา(กิน)แล้ว
13.30
Martin’s Tavern
อยู่บน Wisconsin Ave. เช่นกัน เป็นร้านอาหารไอริชพลัดถิ่น เราแวะเข้าไปจองโต๊ะตอนเดินผ่านแล้ว จึงได้นั่งโต๊ะที่ปธน.JFK เคยนั่งตอนเอ่ยปากขอคุณแจ็คกี้ ศรีพันยาเค้าแต่งงาน วูบแรกที่รู้นี่อุ๊ยตายเราโชคดีจริงๆ (เหมือนตอนได้นั่งโต๊ะมาริลีน มอนโรในร้าน Serendipity3 นี่ก็กรี๊ดกร๊าดน่าดู) เพราะเกือบทั้งร้านมีโต๊ะแบบบูธไม้สไตล์เก่าแค่ 3 โต๊ะเอง อีก 2 เป็นโต๊ะโปรดของปธน.Nixon ซึ่งมีลุงป้าที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 20 ปีนัดกินกลางวันกันจุ๋งจิ๋งน่าเอ็นดูมาก
เอาล่ะ อาหารร้านนี้บอกเลยเค็มทุกอย่าง มาไซส์ช้างนิดๆ ด้วย ดังนั้นการสั่งแค่เมนคนละจานดูจะเป็นสิ่งที่ควรค่าและเหมาะสม ทว่า…บูศักดิ์อยากลอง Oyster Stew ด้วย ก็เป็นอาหารที่เราไม่เคยพบเจอ และบูศักดิ์ผู้ซึ่งเป็นนักกินก็พบว่ามันแปลกในความคิดเขามาก ที่อยู่ๆ จะจับหอยนางรมอวบๆ มาใส่ในซุปครีมเข้มข้นหอมมัน แปะด้วยครูตอง 1 แผ่น ทว่า…อร่อยมาก! หอยไม่คาวเลยสักหยด และครีมก็เข้ากั๊น เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ คือสุดยอด แนะนำมาก กินเสร็จค่อยจับมือกันไปวิ่งติงนังลดไขมันสักนิด
fish&chips นี่สดมาก ปลาทอดคนละสไตล์กับอังกฤษแต่ก็อร่อยดี ฟรายส์เสิร์ฟพร้อมวิเนการ์กับซอสมะเขือเทศให้บีบเอง ส่วนคุณบูสั่ง shrimps and grits คือกุ้งกับกริตส์ซึ่งเป็นเหมือนแป้งเอาไปอบก่อน แล้วราดด้วยซอสพริกหวาน มีรสมีชาติกว่าปลาของอิฉันหน่อย จึงขโมยเขากินอย่างไร้ยางอาย ฮว่ะๆๆ
จริงๆ แล้วแถว Georgetown ยังมีร้านดังอีกร้านชื่อ Georgetown cupcake ที่เดินผ่านรอบไหนคนก็ต่อคิวยาวเป็นสิบ เราเลยขี้เกียจลอง คงอร่อยแหละแต่เราไม่โปรดคัพเค้กมาก
กินอาหารเสร็จ เราก็เดินไปรอรถสาย 130 เพื่อนั่งกลับเข้าเมือง หยิบกระเป๋าที่โรงแรมแล้วเรียกแท็กซี่กลับสถานีรถไฟ ขึ้นรถเที่ยว18.05 กลับนิวยอร์ก ปิดทริปวอชิงตันแอปเปิลด้วยประการฉะนี้เอย

