
บล็อกนี้คือภาคต่อจาก ซิดนีย์ไดอารี่ทั้ง 4 เพราะเป็นทริปเดียวกัน
เราไปเมลเบิร์นโดยไม่มีแผนเที่ยวเลยแม้แต่วันเดียว (แต่จองร้านอาหารไป 2 ร้าน) ดังนั้นความยืดหยุ่นมีสูงมาก วันแรกที่ไปถึง พวกเราอ่านเจอในสื่อไหนสักแห่ง ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายของ The Royal Melbourne Show แล้ว ถ้าเอ็งอยากไป เอ็งต้องไปวันนี้เท่านั้น!!!! แม้ตอนถึงสนามบินเมลเบิร์นก็เกือบบ่าย 2 ละ แต่ใจฉันน่ะบินไปที่งานเรียบร้อย พวกเราต้องไปให้ได้!!
พอธันย่ารู้ข่าวว่าพวกเราจะไปงานนี้ เธอก็ยิ้มร่าดีใจบอกว่าฉันเคยไปสมัยเด็กๆ ล่ะ…ก่อนจะหันมามองเราเหมือนคิดได้ แล้วบอกว่า “แต่ไปตอนอายุเท่านี้ก็ไม่แปล๊กกกก” ฮ่าๆๆ
ดังนั้น..เมื่อเอากระเป๋าเก็บบ้านธันย่าเรียบร้อย เราก็วักน้ำแปะหน้าให้สดชื่น แล้วพุ่งร่างออกมาทันควัน!
Myki Card
นี่คือระบบการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนในเมลเบิร์นแบบใหม่ ที่รวมทั้งรถไฟ แทรมและรถบัสไว้ในบัตรใบเดียว ปีที่แล้วเรามายังใช้ Met Card อยู่เลย ระบบนี้เพิ่งคิกออฟประมาณเดือนมิถุนายน 2012 ตอนนั้นยังใหม่มาก ทั้งคนโลคัลและนักท่องเที่ยวพากันงงงันเป็นแถว เพราะการจะซื้อบัตรต้องซื้อจากเครื่องขายอัตโนมัติ เลยต้องมีพนักงานคอยดูแลตลอด
วิธีการซื้อ สำหรับคนที่มาอยู่ประมาณ 5 วันเหมือนเรา
คือให้ไปที่เครื่อง กด Buy Ticket -> Top up ticker ->ใส่สตางค์
อ่านแล้วอาจจะงงๆ ว่าทำไมพอกดซื้อแล้วเข้ามาเมนู Top up พนักงานอธิบายว่าพอเราซื้อ แสดงว่าระบบคิดว่าเรามีตั๋วแล้ว แต่เป็นตั๋วที่ไม่มีเงิน ดังนั้นมันจึงให้เรา Top Up แต่จงจำไว้ว่า ถ้าเราใส่แบงก์อะไรลงไป พอหักค่าบัตร 6 เหรียญ เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือระบบจะตัดเป็นค่าเดินทางในบัตรให้ทั้งหมด ดังนั้นพอเจ้าบูใส่แบงก์ 50 เหรียญลงไป พอตัดค่าบัตร 6 เหรียญ เราก็มีเงินให้ใช้ในบัตร 44 เหรียญ แต่เวลาใช้ขึ้นรถระบบจะคิดค่าโดยสารที่ถูกที่สุดให้โดยอัตโนมัติ และหากเราใช้สตางค์ไม่หมด ปีหน้าจะเอากลับมาใช้ใหม่ก็ได้ (บัตรเก่าเรา ก็เอามาเปลี่ยนเป็น Myki ได้)
แต่มีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยู่ 7 วัน ก็คือการซื้อ 7-Day Pass ในราคา 44 เหรียญเท่ากัน และต้องจ่ายค่าบัตรอีก 6 เหรียญ รวมแล้วเป็น 50 เหรียญเท่ากัน
หรือจะเลือกซื้อแบบ 1-Day pass แต่ถ้าใครอยู่นานกว่า 28 วันก็เลือกซื้อแบบนานเกิน 28 วันจะได้เรทถูกเช่นกัน
ลองศึกษาจากเว็บไซต์ myki ดูกันเอานะคะ เผื่อตอนนี้จะมีการอัพเดตราคาใหม่แล้ว
The Royal Melbourne Show
เรานั่งรถไฟจากสถานี Flinders Lane ซึ่งมีสายที่ไป RMS โดยเฉพาะ รถจะจอดแค่ 3 สถานีเพื่อรับคน แล้วไปสุดสายที่งานเลย สะดวกมากๆ เช็ควันเวลาจัดงานประจำแต่ละปีได้ที่เว็บไซต์ทางการของงานนะคะ http://royalshow.com.au
อยากจะตะโกนก้องว่า ใครมาเมลเบิร์นช่วงที่มีงาน “ต้อง” ไปให้ได้นะ เพราะมันสนุกจริงๆ มีครบรสไม่เฉพาะแค่เครื่องเล่นสนุกๆ เท่านั้น แต่ยังรวมเอาภาคส่วนเกษตรกรรม และของดีเมลเบิร์นมาไว้ในที่เดียว โดยเฉพาะถ้ามาเป็นครอบครัวนี่ยิ่งแจ่มเลยค่า
ค่าตั๋ว 32 ต่อคน แต่หลัง 4 โมงจะ 36 ต่อคนพร้อมกับวาวเชอร์ค่าเครื่องเล่นอีก 20 เหรียญ ตอนเราไป 3 โมงครึ่ง แต่ขี้เกียจจะรอละ เลยซื้อเข้าไปเลยดีกว่า
งานสนุกมาก!!! ต้อนรับเราด้วยเครื่องเล่นน่าสนุกและบูทเกมจำนวนมากมายมหาศาล จนนึกว่าจะเดินไปไม่ถึงสุดงานซะอีก แม้จะแวะชะโงกหน้าดูเกือบทุกบูท แต่แทบไม่ได้แตะเล่นอะไรเลย เพราะกว่าคู่รักกะเหรี่ยงจะกระดืบๆไปถึงงานก็จะ 4 โมงเย็นแล้ว งานเขามีถึง 6 โมง ขืนมัวแต่หยุดอยู่ ณ จุดใดจุดนึง อาจจะไปไม่ถึงสุดงานจริงๆ ก็ได้



ตอนแรกนึกว่ามีแค่เครื่องเล่นต่างๆ และบูทเกม แต่ที่ไหนได้ พอเดินถัดจากเครื่องเล่นเข้าไป มีเต็นท์และโกดังขนาดใหญ่มหึมาเรียงติดกันไปเป็นพรืด ไม่รวมสนามหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลที่ล้อมรั้วเป็นส่วนๆ ที่ดูเหมือนจะมีกิจกรรมในทุกหนทุกแห่ง จะเดินไปทางไหนก่อนดีฟระ มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิ๊นนนนนน…. (เวลาก็น้อยลงเรื่อยๆ)
บูหยิบแผนที่ออกมาดู พบว่าเป็นส่วนจัดแสดงและขายอาหาร 3 โกดัง ส่วนเวทีการแสดง 1 เต็นท์ ส่วนสัตว์เลี้ยงละสัตว์ในฟาร์มต่างๆ ที่นำมาให้เด็กได้เล่นกันแบบใกล้ชิดอีกหลายเต็นท์ มีการแสดงของสุนัขที่กระโดดสูงที่สุดจนได้กินเนสบุ๊ก การแสดงการผ่าฟืนทีถูกหลัก การเล่านิทาน (หมากับแกะ) เกี่ยวกับสุนัขต้อนแกะ การฝึก ลักษณะการทำงานของสุนัขต้อนแกะในแต่ละวัย ซึ่งเป็นอะไรที่ดูเพลินมากกกก เสียอย่างเดียวลมแรงเฉียบ ยืนดูไปแอบสั่นหงึกๆๆ (กัดฟันทน ยัยเมียกระเหรี่ยงเอ๋ย!!)
ในส่วนของโกดังขายอาหารเป็นอะไรที่เดินสนุก มีของดี ของโอท้อปเมลเบิร์นหลากหลาย บางจุดมีการเอานมสดๆ มากวนๆ เป็นเนยให้เราดู ซื้อเจลาโตรส Rum Raisin จากบูธคุณตาซึ่งอ่านคร่าวๆ ได้ว่าแกเลี้ยงวัว รีดนมเองแล้วนำมาทำเป็นเจลาโต เราอยากจะบอกว่ามันคือเจลาโตที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา ไม่หวานมาก ของบ้านๆ นี่แหละเจ๋ง
หลายๆ ฟาร์มนำผลิตภัณฑ์ของตัวเองมารวบห่อเป็นแพ็คแล้วขายราคาถูก โดยเฉพาะวันนี้คือวันสุดท้ายของงาน คุณป้าคุณลุงขึ้เกียจขนของกลับบ้าน เซลสินค้ากันใหญ่ คุณลุงร้านน้ำผึ้งให้ honey sachet เราแถมมาอีก 5-6 ห่อ ทั้งที่เราซื้อน้ำผึ้งแค่กล่องเดียว ขณะที่เจ้าของงานก็รวบรวมเอาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมาขายเป็นแพ็ค เรียกว่า Deluxe Bag (คิดว่าชื่อนี้) มีให้เลือก 2 แบบคือ 25 เหรียญ หรือ 35 เหรียญ
แบบ 25 เหรียญก็จะมีชีส 3 แบบ เนยที่กวนเองด้วยมือ! บิสกิต 1 กล่อง โยเกิร์ต ที่ใส่มาในกระเป๋าเก็บความเย็นขนาดพอเหมาะ อยากบอกว่าเนยอันนี้มันอร่อยเลอค่าราคาน้ำอัดลมสุดๆ ทำไมแถวบ้านฉันไม่มีไรแบบเน้ขายบ้าง!!
ส่วนแบบ 35 เหรียญมีแยะและน่าสนใจมาก คือน้ำมันมะกอก ไส้กรอก เนย ชีส ฯลฯ รวมๆ แล้วดูแยะกว่ามาก แต่เราคิดว่าคงแบกอะไรเหล่านี้ไม่ไหว เลยขอเลือกแบบ 25 เหรียญดีกว่า ซื้อไปเอาหนุก (แม้ใจจะกลัวเนยละลาย แต่ก็แบกๆ ไปก่อนค่อยว่ากัน ผีแม่บ้านเข้าสิงมันไม่ยอมออกจนกว่าจะซื้อ) แต่ตอนจ่ายตังพนักงานบอกว่าราคาแค่ 20 เหรียญเพราะลดราคาวันสุดท้าย! คุณพระคุณเจ้าคุ้มมากๆ กรี๊ดดดสามสิบห้ารอบ (บูมองบนไม่หยุด)
เราแวะดูการแสดงของ Clown ที่ตอนแรกเรานั่งสัปหงกเพราะยังเจ็ตแลกไม่หาย แต่พอเริ่มแสดงแล้วนุกมาก อ้าปากหวอดูกันเลยทีเดียว
ทีเด็ดอีกอย่างของงานนี้คือ Show Bag Exhibition ที่ตอนแรกเจ้าบูเองก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร นึกว่าเป็นร้านขายกระเป๋า แต่พอเราเข้าไปในโกดังเท่านั้นก็ถึงบางอ้อ เพราะ Show Bag ที่ว่ามันคือกับดักล่อลวงเงินในกระเป๋าดีๆ นี่เอง!
คอนเซ็ปต์ก็คือการรวมเอาสินค้าหลายๆ ชนิด มาใส่รวมกันในถุงขายเป็นเซ้ตๆ แต่ละเซ็ตจะมีความแตกต่างกันออกไป เค้าจะจัดแสดงให้ดูด้านหลังบูธว่าแต่ละเซ็ตมีสินค้าอันไหนบ้าง บูธแรกที่เราเข้าไปเห็นก็คือพวกขนมช็อคโกแลตต่างๆ ถัดไปเป็นบูธของคาแรคเตอร์ที่เด็กๆ ชอบ เช่นสปันจ์บ็อบฯ และอื่นๆ อีกมากมาย มิหนำซ้ำวันนี้วันสุดท้าย มีการลดราคาจาก 20 เหลือแค่ 10 เหรียญ สาวเอ๋เลยตบะแตก หอบของกลับบ้านหลายถุง อาการบ้าเซลกำเริบ จนเจ้าบูเหล่ตามองมา แน่ใจนะว่าเธอขนกลับไหว?? เอ่อ….ก็ไม่รู้เหมือนกัน มันถูกอ้ะ!! 300 บาทได้ของตั้งเยอะแยะ ซื้อจากสำเพ็งยังไม่ได้เท่านี้เลย ที่สำคัญของพวกนี้เป็นของลิขสิทธิ์หมดนะ (แม้จะผลิตในจีนก็เฮอะ!)
ปิดท้ายด้วยด้วยแสงสีทองๆ สวยๆ ของท้องฟ้าฝั่งขั้วโลกใต้


เนื้อย่างที่ Guhng
เป็นร้านเกาหลีอันดับหนึ่งในใจที่เมลเบิร์น (อาจเพราะไม่เคยไปร้านอื่น ฮ่าๆๆ) หากใครชอบทานเนื้อ ขอแนะนำว่าต้องมาให้ได้ ที่นี่มีขายแบบเป็นเซ็ต 2 คน หรือ 4 คน
Set 2B คนละ 45 เหรียญ ราคาโดยเฉลี่ยแล้วจะแพงกว่าร้านในไทยนิดหน่อย แต่เนื้อที่นี่คุณภาพดีมากกกๆๆๆๆๆๆๆ Kimji Soup ก็อร่อยกว่าที่ใดในเลิศหล้า เจ้าบูกับเอ๋น้อยกินกันเงียบไม่พูดไม่จา และเนื้อ 2 ก้อนโต กับลิ้นวัวอีก 1 จานใหญ่ก็หมดลงภายในเวลารวดเร็ว รวมทั้งหมด 140 เหรียญ
ปิดฉากวันอันแสนสุขในเมลเบิร์น