Breakfast at The Angry Fix
เป็นชื่อของคาเฟ่ที่ได้อารมณ์มาก เพราะหิวทีไรเราชอบงับหัวเจ้าบูทุกทีไป
นี่เป็นคาเฟ่ใกล้ที่พัก ใช้เวลา 5 นาทีในการเดิน กาแฟอร่อย ครัวซองต์อัลมอนด์ก็ใช้ได้ นอกจากขนมอบแล้วเขายังมีแซนวิช ปานินี่ (ขนมปังแบนสอดไส้แล้วหนีบ) มูสลี่และเค้ก การตกแต่งเรียบง่ายกิ๊บเก๋ มีคนเข้ามาสั่งกาแฟไม่ขาด ระหว่างเราดื่มกาแฟลาเต้แก้วเดียวเท่านั้น
กาแฟ 2 แก้วและครัวซองต์อัลมอนต์ ราคา 10 เหรียญ
กินบรันช์ที่ The Swell
หลังอาหารเช้าพวกเราก็เดินเล่นโต๋เต๋ในเมืองนั่นแหละ เพราะไม่ได้มีแผนเที่ยวอะไรในมือ แค่เห็นว่าไม่เคยมาซิดนีย์ด้วยกัน และอยากมากินอาหารอร่อยๆ เลยจะเห็นว่าพวกเราไปสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย เน้นเดินไปตามย่านต่างๆ มากกว่า
แถวหาดมีร้านอาหารน่าทานชื่อ three blue ducks เหมาะสำหรับการมาทานบรันช์ก่อนเดินเล่นไปตามแนวหาดเป็นที่ยิ่ง หัวหน้าเชฟที่ Tetsuya ลาออกมาทำอะไรสนุกๆ ที่ร้านตัวเอง ช่วงสายเปิดบริการบรันช์ ราคาไม่แพงมาก ขณะทีตอนเย็นจะทำาอาหารค่ำสุดหรูราคาหลัก 100 เหรียญขึ้นไป ร้านตกแต่งฟังกี้ ด้านหน้ามีกะบะปลูกต้นผักชีและพืชสวนครัวประเภทใช้โรยหน้าเอาไว้เล็กน้อย น่าเสียดาย…ร้านดันปิดวันชาติตอนเราไป

เราเลยเดินต่อลงไปที่หาด กินแบบนักท่องเที่ยวคนอื่นเขากันกินได้ก็ได้ เดินเข้าร้าน The Swell เพราะเห็นว่าท่าจะดี แต่อีกหลายร้านที่อยู่แนวเดียวกันก็เข้าท่า ใครมาขอให้ลองเดินทดสอบเรตติ้งกันสักนิดก่อนค่อยตัดสินใจ อีกเหตุหนึ่งที่เลือก The Swell เพราะมีโต๊ะให้นั่งเลย ไม่ต้องรอคิว
เราสั่ง poached eggs with fried prochiutto rocket & truffled oil ส่วนบูสั่ง pork sausages with fennel and red beans พร้อมน้ำส้มผสมสับปะรดและน้ำผลไม้รวม ทั้งหมดราคา 70 เหรียญ
รสชาติอาหารมาตรฐาน ที่แปลกคือการเอาแฮมโพรชิวโตที่ปกติทานกันดิบๆ มาทอดจนกรอบกรุบอร่อยดี เสียอย่างเดียวใส่ทรัฟเฟิลน้อยไปหน่อย ไม่ค่อยได้กลิ่นเลย
หาด Bronte – Bondi
อิ่มอาหารเราเริ่มตั้งต้นเดินย่อย ตอนแรกบูบอกว่าระยะทางเดินเลาะหาดมันราวๆ 2 กม.กว่าๆ แต่พออ่านข้อมูลตามป้ายริมทาง พบว่ามันยาวถึง 3.5 กม. ดีนะที่กินข้าวมาก่อน ไม่งั้นได้โมโหหหิวงับหัวกันกลางทางแน่นอน!

เดือนตุลาที่เราไป ลมทะเลค่อนข้างแรง เราเตรียมเสื้อกันลมมาเรียบร้อย ด้วยรู้ฤทธิ์ดีว่าลมทะเลแรงจัด แถมเย็นเฉียบเข้ากระดูก ดังนั้นพอได้ยินว่าบูจะพามาบีช เราเลยเตรียมตัวให้พร้อมโดยไม่ต้องให้ใครมาบอก ปรากฏพอมาถึงกลับพบว่าตัวเองใส่เสื้อผ้ามาเกินไป ชาวบ้านเขาใส่บิกินี่อาบแดดกัน!!
พวกเราเดินตามคำแนะนำของหมูน้อยที่บอกว่า ให้เดินจากบรอนเต้ก่อนแล้วค่อยมาบอนได วิวสวย และเราก็พบว่ามันสวยมากจริงๆ น้ำทะเลสีครามเข้าแบบนี้บ้านเราไม่มี เกลียวคลื่นสูงที่ซัดสาดกระทบฝั่งก่อให้เกิดฟองขาวฟ่องครั้งละมหาศาล มองด้วยตาเปล่าให้ความรู้สกว่ามันนุ่มน่าจับเหมือนฟองนม แต่ถ้าจับไปจริงๆ คงเย็นยะเยือกน่าดู
หันไปถามเจ้าบูว่า แล้วหนุ่มๆ นักกระดานโต้คลื่นที่แช่ตัวลอยลำรอคลื่นพวกนั้น เค้าไม่หนาวกันบ้างเหรอ บูตอบว่า พวกเค้าใส่ชุดเว็ทสูทก็เลยไม่หนาว
เราเข้าใจว่าเว็ทสูทคือเสื้อที่กันน้ำไม่ให้เข้า แต่ความจริงหาใช่ไม่ เพราะยังไงน้ำก็เข้าได้อยู่ดี แต่ว่ามันจะมีการสร้างแอร์พ็อคเก็ต เพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
กิจกรรมบนหาดของชาวออสซี่เขานอกจากอาบแดด ก็คืออ่านหนังสือ มีผ้าผืนเดียวปู เอากระเป๋ารองหัว กินข้าว ปิคนิค พาลูกเดินเล่น พาแฟนมาเดินเล่น พาตัวเองมาเดินเล่น กลุ่มคนท้องมาเดินออกกำลังกาย พาหมามาเดินเล่น มาเล่นจานร่อน ฟริสบี้ ด้านหน้าหาดบอนได คนหนาแน่น มีร้าน seafood มากมายหลายร้าน ลองเดินเลือกหากันดู
สำหรับเราคิดว่า การมาซิดนีย์คงพลาดไปเยอะ ถ้าไม่ได้มาเดินเล่นเลาะแนวหาดนี้ เนื่องจากแนวถนนอยู่มุมสูง ทำให้เรามองเห็นวิวสวยๆ ตลอด คนเดินกันพอสมควรไม่เหงา ไม่น่ากลัว


เย็นนั้นเดินเล่นย่านร้านคราฟท์และของน่ารักๆ น่าเสียดายที่ร้านส่วนใหญ่ปิดวันหยุด กินอะไรเป็นอาหารเย็นก็จำไม่ได้คือกัน รู้แค่ว่าพรุ่งนีเราต้องเก็บกระเป๋าลาจากบ้านคุณ Paul เขาแล้ว