
การเดินทางวันแรกเริ่มละ เราจะไปค้างที่เมือง Kagoshima กันคืนนึง!
อันว่า Kagoshima คือเมืองที่อยู่เกือบใต้สุดของเกาะ และที่พวกเราดั้นด้นมาก็เพราะอยากเดินเขาบนภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น แต่ทว่า…ก่อนไปมันเกิดระเบิดขึ้นมา เค้าเลยปิดเทรลไป (สรุปอด!) แต่ไหนๆ วางแผนไว้แล้ว เราก็ยังไปอยู่ดี เพราะรู้สึกว่าเที่ยวญี่ปุ่นนี่ ไปเมืองไหนก็สนุกทั้งนั้น

นั่งชิงกังเซ็น Sakura จาก Fukuoka (hakata) – Kagoshima
หลังจากตื่นตามสังขารสั่ง แล้วกระดืบไปสถานี Hakata ซื้อเบนโตะที่ร้านขายก่อนเข้าสถานี JR ซึ่ง…บอกเลยว่าเป็นการกระทำที่ผิด!!!!!!!! เพราะร้านเบนโตะข้างในสถานี JR นั้น เลิศหรูประตูดินกว่ามาก!!! มีของน่ากินๆ เพียบ! ดังนั้นอดใจไว้นะคะ เข้าไปข้างในแล้วค่อยซื้อ (แล้วเราก็ได้เบนโตะหมีคุมะ รสชาติงั้นๆ เน้นความน่ารัก ส่วนคุณบูซื้อเบนโตะลิ้นวัวกับไข่ปลา และไข่ต้มยางมะตูมจากในสถานี…อร่อย) ส่วนกาแฟร้อนไปหาซื้อจากรถเข็นบนชิงกังเซ็นนั่นแล
นั่งชิงกังเซ็นแค่ 2 ชม.เอง กินเบนโตะเสร็จ นั่งเอื่อยนั่นนี่ปิดตาหลับ….ก็ถึงแล้วอะ ชิงกังเซ็นอะไรๆ ก็ดีหมด ยกเว้นไม่ค่อยเห็นวิวเนาะ

สถานี Kagoshima
เป็นสถานีที่ใหญ่พอควรเลย มีร้านขายขนมของฝากที่….ละลานตามาก ยังกะซูเปอร์ Sogo ทั้งของแห้ง ของสดแช่ตู้ หมายตาไว้ละ ว่าขากลับมาขึ้นรถไฟคุมาโมโต้ จะต้องวนสักรอบ พอเดินมาด้านหน้าสถานี เจอจัดงานท้องถิ่นอะไรก็ไม่รู้ มีซีอิ๊ว ของแห้ง ของสด ของปรุงสุกขายเพียบ…โอ ฉันรักเมืองนี้ตั้งแต่แรกเจอ
เราซื้อตั๋ว Cute pass สำหรับขึ้นรถราง เรือ รถบัส ฯลฯ ในเมืองที่ Tourist Information ตรงทางออก JR บัตร Cute Pass ใช้เป็นส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวได้หลายแห่งด้วย (ถ้ามีปัญญาไปได้หมดล่ะก็นะ) เค้ามีแบบ 1 และ 2 วัน ราคา 1,000 และ 1,500 เยนตามลำดับ (เค้าตั้งชื่อให้เราอยากซื้อป่าวนะ แอบสงสัย)
ของเด่นของคาโกชิม่า คือ มันหวาน ที่แปรรูปเป็นขนมนิ่มๆ พวกไดฟุกุ ชีสเค้ก ฯลฯ รวมถึงโซจูมันหวาน แต่ที่เราชอบคือแบบอบกรอบกินเล่นคล้ายข้าวเกรียบ ซื้อซองใสๆ ไม่มียี่ห้อก็อร่อย หรือยี่ห้อ Calbee ก็อร่อย และหาซื้อได้จากเมืองนี้เท่านั้น เห็นแล้วชอบก็ซื้อเลยล่ะ นอกนั้นก็มีหมูตุ๋น ปลาแฮร์ริ่ง ลูกชิ้นปลาทอดที่แฟนซีมาก (ไส้ไข่ปลา ไส้ชีส ใบโอบะ ใส่รากบัว ข้าวโพด ฯลฯ) ขนมนึ่งแบบที่ยัดไส้บ้างไม่ยัดบ้าง


ที่พักใน Kagoshima
รร Richmond Hotel
จากสถานีนั่งรถราง (Street bus) มาราว 15 นาที (หรือ 4 สถานี) ก็ถึง รร.เราอยู่ใจกลาง shopping arcade ล้อมรอบด้วยร้านปาจิงโกะขนาดใหญ่ เรียกว่าเดชะบุญมากๆ เพราะมีเวลาอยู่เมืองนี้แค่ 24 ชม. การมาพักย่านกลางเมืองทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปดูร้านรวง ฯลฯ (แม้จะพลาดการได้เห็นวิถีชีวิตของคนเมืองก็ตาม) แถวนี้มีทั้งร้านของฝากดีๆ เยอะและครบทุกสิ่ง ทั้งร้านลูกชิ้นปลา ร้านขนมนึ่ง ร้านของแห้ง ร้านกาชาปอง ร้านสะดวกซื้อ คือ…แนะนำมากๆ ค่ะโรงแรมนี้ โลเคชั่นเลิศหรูคู่คุณธรรม
ด้วยความที่ไปถึงเที่ยง พนักงานเลยเก็บกระเป๋าไว้ให้ แล้วบอกว่าถ้าห้องเช็คอินได้เมื่อไหร่จะเอากระเป๋าไปวางไว้ในห้องให้เลยนะ (อยากกราบ) และเมื่อกลับมาเช็คอินตอนค่ำ พนักงานจะเอาซองเครื่องบำรุงผิวและมาสก์มาให้เราเลือกหยิบไปใช้ที่ห้องได้ ในห้องมีไดร์เป่าผมหน้าตาเหมือนกาต้มน้ำ มีฟองน้ำขัดตัวให้ใช้ มีตู้เย็นเล็กๆ ไวไฟฟรี (ไม่มีพาสเวิร์ดด้วย คือ connect แล้วใช้ได้เลย!)
ทีเด็ดอีกอย่างของเขาคืออาหารเช้าเลอเลิศ มีให้เลือก 4 เมนู คือไข่ดาวหนมปัง / โอชาสึเกะ ปลาขาว /แบบญป(ปลาย่าง) / หมูดำย่างถ่าน!!!! เมนูหมูดำอร่อยสุโค่ย มีโอบ้าจังมาย่างหมูบนถ่านซู่ซ่า โฉ่ฉ่าให้เห็นกันจะๆ ตรงครัวเลยคร่า ชากาแฟ ผักดองต่างๆ หยิบกินตามสบาย โอย…ไม่เคยกินอาหารเช้าที่ไหนเป็นกิจจะแบบนี้ ประทับใจจุง ที่สำคัญคือคนจีนไม่มีมากวนหัวใจ กินกันอย่างผาสุกมาก



ที่เที่ยวใน Kagoshima
Sakurajima Island
จุดเด่นของเมืองนี้ คือมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่บนเกาะ Sakurajima อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น (ดังนั้นจะเห็นกราฟิกภูเขาไฟมีควันพวยพุ่งออกมา จากหลายๆ สินค้าที่เป็นผลผลิตของเมือง Kagoshima) เมืองทั้งเมืองตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เกิดจากการทรุดตัวหลังเกิดภูเขาไฟระเบิด ให้ความรู้สึกเหมือนซานโตรินี่มาก ด้วยความที่ภูเขาสูงและเมืองไม่มีตึกระฟ้าบัง ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นได้แม้ไม่ต้องมาถึงเกาะก็ได้
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุในดินหินภูเขาไฟนี้เอง ทำให้ปลูกอะไรก็ใหญ่โต ของเด็ดบนเกาะนี้คือหัวไชเท้ายักษ์ ที่ตอนเราไปไม่ใช่ฤดูกาลมัน แต่เขามีขายแบบดองใส่ซองไว้ให้เลือกซื้อ และอีกอย่างก็คือส้มจิ๋ว (ไม่ใช่หน้ามันอีกเช่นกัน)




วิธีไป Sakurajima
จากรร. เรานั่งแทรมไปที่ท่าเรือ ขึ้น Sakurajima ferry ซึ่งมีออกทุกๆ 15 นาทีไปเกาะ ใช้เวลาเดินทางราว 15 นาที บนเรือมีมุมขายขนมเครื่องดื่ม และร้านอุด้งเล็กๆ คนโล่งมากหลาย ขึ้นมาแค่ 10% ได้มั้ง ทำไมเขาใช้เรือใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่รู้ (กลัวเขาขาดทุน) เราไปถึงเกาะตอนรถ Sakurajima view bus ออกตัวไปต่อหน้าต่อตา (แค้น!) หรืออีกทีคือ ฟ้าอยากให้เราเดินเล่นเลาะป่าสนริมหาด ซึ่งวิวสวยงาม อากาศเย็นสบาย แดดเปรี้ยงพอสังเขป (ดันไปถึงตอนเที่ยงพอดี)
Sakurajima View Bus คือรถบัสพาชมเกาะ ความถี่คือ 1 ชั่วโมงมี 1 คัน คือถ้าพลาดแล้วรอยาวเลยค่ะ รถจะแวะจอดหลายแห่ง จุดละ 5-15 นาทีแล้วแต่ความสำคัญของสถานที่ ดังนั้นคุณแทบไม่ต้องใช้ขาตัวเองเดิน ก็ได้เที่ยวทั่วแล้ว แต่แหม…บางทีจุดหมายมันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับ ความเพลิดเพลินระหว่างเดินทางเนาะ สามารถใช้บัตร Cute Pass ขึ้นรถได้เลย ถ้านั่งบัสทัวร์เกาะใช้เวลา 1 ชม. แต่พวกเราไปแช่เท้าและเดินเที่ยวด้วย จึงใช้เวลาอยู่บนเกาะทั้งหมดราว 3 ชม.






หลังจากพลาดบัสแล้ว จะนั่งรอเฉยๆ ชม.นึงก็ดูจะไร้ค่า (โอบ้าจังหน้าตายิ้มแย้มที่นั่งรอบัสพยายามคุยด้วย แต่หนูฟังไม่เข้าใจ หนูขอโทษนะคะ T^T) ดังนั้นเราเลยเดินเลี้ยวขวา เลาะ Volcanic trail ไปแช่เท้าที่บ่อแช่ ซึ่งเห็นทั้งวิวทะเลและภูเขา (แล้วแต่ด้านที่เรานั่ง) แวะ tourist info center ได้ไดคอนยักษ์ดองมา 1 ถุง (เออ มันใหญ่จริงแฮะหัวไชเท้าที่นี่) และเดินดูนิทรรศการเล็กๆ (มีแต่ภาษาญป.)

ความน่ารักของเส้นทางริมหาด หรือ Volcanic Trail คือเป็นป่าสนตลอดระยะทาง มีเหยี่ยวบินโฉบหัวบ้างเป็นระยะ (หวังว่าคงไม่เห็นฉันเป็นอาหาร) ระเกะระกะด้วยหินภูเขาไฟสีดำทะมึนก้อนใหญ่ เราค่อยเดินไปคุยไป ตั้งใจว่าจะไปยืนดักรอที่ป้ายรถเมล์จุดที่ 5 ของการเดินทาง ซึ่งอดีตเคยเป็นศูนย์แสดงคอนเสิร์ตซึ่งมีภูมิทัศน์สวยดี และเราก็ทำเวลาค่อนข้างดีเพราะไปถึงก่อนรถจะมาประมาณ 10 นาที (เวลาจอดของรถ มีกำหนดแน่นอน ดูได้ที่ป้าย)
รถบัสมีคนขึ้นราว 70% ถัดจากจุดที่เราขึ้นก็คือจุดชมวิวบนเกือบๆ ยอดเขาแล้ว (อา…ถ้าฉันเดินเลยจุดนี้ไป แปลว่าต้องเดินถึงยอดเขาเลยสินะ) ซึ่งเขาจะจอดให้นานถึง 15 นาที จะเข้าห้องน้ำ ซื้อของฝาก ฯลฯ อะไรก็ตามสบาย เราก็ใช้เวลาตรงนี้กันเต็มที่ทุกคน
ขากลับจากเรือเฟอร์รี่ชักหิว เลยสั่งอุด้งซุปร้อนชามนึง พบว่ารสชาติโอเคมากเลยนะ ความกดดันคือต้องพยายามกินให้หมดก่อนถึงฝั่ง เพราะเรือใช้เวลาแค่ 15 นาทีเอง (ลิ้นและเพดานปากรับบทหนักมากจุดนี้)




Kagoshima Aquarium
พวกเราชอบไปอะแควเรี่ยมกันมาก (ทั้งที่ยังไม่มีลูก 555) ที่นี่มีปลาโลคัลหลายชนิดที่ไม่เคยเห็นที่อื่น ดาวเด่นคือฉลามวาฬ ที่วันนี้หางป่วยนิดๆ รวมถึงแมงกะพรุนที่ไม่เคยพบเคยเจอ ปลาหมึกที่หน้าตาเหมือนหนัง Pirate of Caribbean มาก๊อปแบบไปทำเป็นตัวละคร ชอบตรงเค้ามีการโชว์ให้อาหารโลมาในคลอง(น้ำเค็ม) ด้านหน้าอะแควเรี่ยม เพื่อให้คนเดินผ่านไปมาดูกันฟรีๆ เพิ่งเคยเห็นคนทำแบบนี้เป็นครั้งแรก
ที่นี่มีปลาไหลไฟฟ้าในตู้ปลาด้วย เวลามีพลังไฟฟ้าออกมา ระดับบนตู้จะโชว์ให้เห็นพร้อมเสียงเหมือนไฟฟ้าดูด แลดูน่ากลัว ยิ่งตู้ตั้งอยู่ใกล้ๆ ปลาน้ำจืดโบราณซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยรากเหง้าต้นไม้เก่าแก่ (ปลอม) มันเลยดูสยองเข้าไปอีกนิด
ถ้าใครกระเป๋าหนัก จะใช้บริการล็อกเกอร์ ซึ่งหยอดเหรียญ 100 เยนลงไป และจะได้คืนตอนมาเอากระเป๋า (ฟรีนั่นเอง)



เทศกาลอะไรไม่รู้ หน้าห้างฯ Dolphin Port
เข้าใจว่าวันที่ไป น่าจะเป็นวันดีอะไรสักอย่าง เพราะจัดอีเวนต์กันหลายจุดเลย และพอเห็นคนเยอะๆ มีแผงขายอาหารและเครื่องดื่ม พวกเราก็กลายเป็นแมงเม่าบินหวี่เข้าหาไฟ คุณบูรี่เข้าไปสั่งโซจูมันหวาน ของขึ้นชื่อของที่นี่มาแก้วนึง ภูมิภาคนี้คนไม่ค่อยกินสาเก แต่จะกินโซจูแทนเพราะเป็นของท้องถิ่นเขา ซื้อเสร็จได้ตั๋วไปเล่นเกมตีบอลลงหลุม ส่วนเรากินน้ำแข็งไสรสองุ่นราดนมข้น (300 เยน)
กินเสร็จไปเดินเล่นที่ห้าง Dolphin Port มีซูเปอร์ขายของที่ระลึกและร้าน zakka ที่คนอย่างเราๆ มาเห็นต้องเข่าอ่อน ตอนบูปล่อยตัวเราเข้าไป นึกว่าจะใช้เวลาไม่นาน แต่ในihkoเป็นอุโมงค์ลึก ที่เดินเข้าไปแล้วไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ง่ายๆ สุดท้ายเลยต้องเดินเข้ามาตาม ร้านนี้นะ…ทุกซอก ทุกเชล์ฟหยุดดูได้หมดอะ เลือกของดี๊ดี น่ารักจนอยากขนกลับทุกสิ่ง หลายอย่างไม่เคยเห็นจากร้านอื่นด้วย โอย..แนะนำมากๆ






ที่กินใน Kagoshima
เนื้อย่าง satsuma ร้าน Nabeshima Tenmonkan
ใกล้ๆ โรงแรมมีสิ่งที่เรียกว่า Gourmet Street ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารขนาดเล็กสำหรับโลคัล (แต่เราดันเดินเจอหลังกินเสร็จแล้ว) หลายร้านน่ารักมาก (แต่อิ่มแล้ว ฮืออ) ส่วนอาหารหลักแถวนี้น่าจะเป็นชาบูหมูดำ (แถวนี้คนกินเนื้อม้าเป็นว่าเล่น แต่เราเฉยๆ น่ะ)



พวกเราเดินไปตามถนนในเมืองเก่า ดมๆ ดูร้านนึงเป็นร้านชาบูเก่าแก่ ท่าทางดีมาก ปรากฏเดินเข้าไปถามคนจองเต็ม (เออ มันดีจริงด้วยแฮะ) เลยไปกินเนื้อย่างอีกร้านนึงแทนที่เก่าแก่ไม่แพ้กัน เปิดมาตั้งแต่ค.ศ.1970 เค้าใช้เนื้อจากเมือง Satsuma (เลยเรียกว่าเนื้อ Satsuma) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดๆ กันเลย จะเปรียบเทียบก็คล้ายเนื้อโกเบ เพียงแค่ Satsuma มีมันแทรกไม่มากเท่า กินแล้วไม่เลี่ยนรวดเร็วเหมือนโกเบ ราคาก็ถูกกว่ามากในเกรดเนื้อที่ใกล้เคียงกันสุดๆ พวกเราสั่งเซ็ตเนื้อพรีเมี่ยมรวม ซึ่งมีเนื้อ 4 อย่างและสิ่งที่เป็นเหมือนไส้มาอย่างนึง ตอนแรกเห็นนึกว่าจะไม่อิ่ม แต่ปรากฏ 3 ชิ้นสุดท้ายนี่ฉันแทบต้องบังคับตัวเองให้กินเข้าไป (สิริรวมแล้วราว 7000 เยน)

ร้าน Mujaki’s shirokuma
กินเนื้อย่างเสร็จก็มองหาของล้างปาก ตั้งใจจะแวะซื้อไอติมกุริกุระจาก family mart แต่บังเอิญเดินผ่านร้านน้ำแข็งไสหมีขาวซะก่อน เห็นแปลกดีเลยแวะกิน ซึ่งพอเข้าไปแล้วถึงรู้ว่ามันคือสิ่งขึ้นชื่อที่นี่
Shirokuma คือน้ำแข็งไสทำเป็นหน้าหมีขาว หลายร้านทำกัน แต่ร้านนี้เขาเป็นต้นกำเนิด และเป็นคนคิดค้นคำนี้ขึ้นมา ร้านอื่นจึงเรียกตาม (มิน่า เห็นที่ dolphin port แล้วยังสงสัยว่ามันคือไร หน้าตาคล้ายสโนว์แมน ที่แท้เป็นหน้าหมีนี่เอง)
เราไม่ได้สั่งน้ำแข็งหน้ามี แต่คิดว่าทุกเมนูลักษณะคล้ายกัน คือเป็นนมแข็งไสรองก้นด้วยเยลลี่สีสัน แล้วเอาผลไม้กระป๋องแปะๆๆๆๆ เข้าไป ความหวานของนมแข็งไสที่นี่หวานเจี๊ยบ จนเมลอนต้องเรียกพี่ ตักเข้าปากคำแรกที่กินนี่แทบสำลักดีกรีความแรงของน้ำตาล คว้าน้ำเปล่ามากรอกล้างคอเกือบไม่ทัน ถึงขนาดทำให้เมลอนที่กินตามเข้าไป รสจืดสนิทเลยจ้า (บ่นว่าหวานงั้นงี้ แต่สุดท้ายก็กินเกลี้ยงไม่เหลือหลอ)



อา…จบวันเพียงเท่านั้น แต่เหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 9 ชม.เองนะนั่น…
รุ่งเช้าเราต้องออกเดินทางไป Kumamoto ต่อ แต่ก่อนไปขึ้นรถไฟ เราใช้เวลาเดินเล่นบริเวณอาเขตใกล้ๆ โรงแรม เจอร้านขนม ของฝาก และกาชาปอง ก่อนเดินเลยไปดูบ้านเมืองเขาสักนิด แล้วก็กลับมาเอาของที่รร.











บล็อกทริปฟุกุโอกะ > ฟุกุโอกะ, Kumamoto, Beppu, Kagoshima, Kurogawa, Yufuin
More about me:
Facebook: http://www.facebook.com/adaytripdiary
IG: aenoi_adaytrip
6 thoughts