
เที่ยว Guguan
ถ้าอ่านบล็อกกันประจำ คงสังเกตว่า หลักๆ ครอบครัวนี้ชอบอยู่สองอย่าง (นอกจากเที่ยว)
หนึ่งคือออนเซ็น กับสองคือปีนเขา ดังนั้นแน่นอนว่า
เหตุผลที่ทำให้เรามากู่ก๊วน ก็เพราะเป็นเมืองที่ “ขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็น”
น้ำแร่ที่นี่ไม่มีกลิ่น แช่ได้สบายอุรา สูงสุดอยู่ราว 48 องศา
ที่นี่ไม่มีบ่อธรรมชาติ มีเฉพาะบ่อที่อยู่ตามรีสอร์ตต่างๆ ซึ่งจะปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
คร่าวๆ เกี่ยวกับ Guguan
เป็นเมืองเล็กที่อยู่ติดแม่น้ำ Dajia River สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 700-1,000 เมตร
ตั้งอยู่ในเทือกเขา Xueshan ค้นพบว่ามีน้ำแร่ในปี 1907
ช่วงที่ชาวญี่ปุ่นเข้ามายึดไต้หวันเป็นเมืองขึ้น จึงสร้างบ่ออาบน้ำสาธารณะขึ้นในปี 1927
มีการค้นพบรูปปั้นหินโบราณในเมืองจำนวนมาก
เมืองนี้รุ่งเรืองสูงสุดใน 1975 ก่อนที่จะซบเซาเพราะการบริหารจัดการไม่ดี
ผนวกกับประสบภัยธรรมชาติ ทำให้ถนนถูกตัดขาดอยู่หลายครั้งหลายครา
รถบัสไป Guguan
จากไถจ๊ง นั่งรถจากป้ายใกล้ๆ ป้ายรถไป Sun Moon Lake
เยื้องๆ กับ Taichung Main station
ใช้เวลาราว 2.15 นาที ไม่ต้องมีการจองตั๋วล่วงหน้า จ่ายค่ารถกับคนขับได้เลย
ตอนเราไปมีรถเที่ยว 6.55 / 7.55 / 8.55 / 10.40
และรถกลับจากกู่ก๊วนเที่ยว 9.00/ 10.00 / 13.10
ค่ารถ 185 NTD/เที่ยว (ข้อมูลปี 2010)
Minggao Hotel
เราค้างที่กู่ก๊วนกันแค่คืนเดียว วันแรกไปถึงก็บ่ายต้นละ
เข้าพักที่ Minggao Hotel ซึ่งตอนนั้นราคา 3,000 กว่าๆ NTD
รร.อยู่ติดถนนใหญ่ แถวๆ ที่รถบัสจอดเลยเชียวล่ะ ในห้องมีอ่างจากุซซี่ใหญ่บะเลิ่ม
ซึ่งเขาต่อท่อเอาน้ำแร่จริงๆ มาให้อาบกันถึงในห้องเลย แต่จะไม่ได้อารมณ์ออนเซ็น
แม้ตัวที่พักเองจะไม่มีบ่อออนเซ็นเป็นของตัวเอง แต่เขาจะให้คูปองเราไปใช้ได้ที่
รร.Utopia (ป่านนี้ไม่รู้เป็นฉันใดแล้วเหมือนกัน แต่เข้าใจว่าเมืองนี้ก็โตช้าประมาณนึง)
บ่อที่ รร.Utopia เปิดเช้ามาก ปิดดึกมาก และเดินไปใช้เวลาราว 5 นาทีเอง…สบายมาก
หรือจะเลือกพักแบบห้องธรรมดาในราคา 1,800 NTD ก็ได้เช่นกัน
สิ่งที่ดีที่สุดในโรงแรมนี้คือ…เจ้าของพูดภาษาอังกฤษได้ และ มีร้านอาหารโลคัลเล็กๆ อยู่ติดกัน
ส่วนอาหารเช้า ให้เดินข้ามถนนไปกินร้านตรงกันข้าม
เข้าใจว่าเป็นเจ้าของเดียวกับโรงแรม ..ซึ่ง..เป็นอาหารเช้าง่ายๆ ที่อร่อยมาก
โดยเฉพาะเตี๋ยวซุปหมูสับเนี่ย…มันตรึงตราติดใจจริงๆ
อื่นๆ มีแพนเค้กสอดไส้ไข่ที่เราอยากกลับไปกินอีก น้ำเต้าหู้ก็อร่อย





เที่ยวใน Guguan
เก็บกระเป๋าเสร็จ เราออกมาเดินเล่นตรง Visitor Center และ Onsen Park
ที่มีบ่อแช่เท้าเล็กๆ ให้ 2 บ่อ พร้อมปลาสกัดผิวหนังกำพร้าฝูงย่อมๆ
คนมาแช่เท้ากันแยะเชียว น้ำตรงนี้แค่พออุ่น แช่ได้สบายมาก
เราแช่ราว 15 นาทีก็เปลี่ยนให้คนอื่นเข้ามาหย่อนเท้าบ้าง
บ่าย 2 กว่าพวกเราเดินไปที่สะพาน Shaolai Suspension Bridge
เห็นร้านคุณป้าขายของกินจุกจิก เลยสั่ง เต้าหู้ต้มชากับสมุนไพร และเห็ดทอดโรงผงวิเศษ (ชูรส)
ถือเดินข้ามสะพานไปกะจะหาที่นั่งกิน ..ตอนแรกเลือกจะเดินลงเขา (ขี้เกียจเดินขึ้น)
ปรากฏทางเดินมันเลียบลำธารที่ตอนนี้น้ำแห้งขอด มีแต่ซากหินก้อนเล็กก้อนน้อยกองรวมกัน
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จนหินใหญ่ถล่มลงมาด้านล่าง…นาทีนั้นรู้สึกหดหู่ ขนพองอย่างบอกไม่ถูก
ภาพตรงหน้ามันชวนให้กลั๊ว กลัวขึ้นมาจับใจ เลยกัดฟันยอมเดินขึ้นเขา…
ยังไงฉันก็ไม่ขอนั่งกินในหุบเขากินคนตรงนี้แน่ๆ บรื๋อววว >__<







Shaolai Trail
คราวนี้เลยเข้าทางคุณบู นางชวนให้เดินขึ้นไปกินอาหารกันบนเขา ดูวิวงามๆ
โรแมนติกนะยูวว์….
อ่ะ..เราก็รอมชอม เดินขึ้นไปนิดนึงก็ได้ แต่ไม่ไปจนสุดนะยะ
นางพยักหน้าส่งๆ ไป แต่ในใจมีฮิดเดน อะเจนด้า “ขอให้หล่อนเดินขึ้นมาก่อนเฮอะ”
แล้วเราก็ตกหลุมพรางจริงๆ นั่งกินเสร็จแทนที่จะเดินลงเขาทางเดิม
นางพาเดินขึ้นยอดเขา แล้วเลือกเดินลงอีกทางนึงแทน…รักขุ่นบูมากๆ ตรงเนี๊ยะ!!!
สมัยนั้นยังเดินเขาไม่แยะ ร่างกายไม่ได้ออกกำลัง เลยเหนื่อยแฮ่กลิ้นห้อยเลยค่ะ
ระยะทางของเทรลอยู่ที่ 1,300 เมตร หรือโลนิดๆ แต่เป็นบันไดขึ้น-ลงเขาซะส่วนใหญ่
ข้างทางมีป้ายแดงๆ เตือนให้ระวังงูและหินถล่มเป็นระยะ
ดังนั้นใครไปก็อย่าเดินซี้ซั้วนะคะ เผื่อคุณงูเค้าเดินผ่านมาพอดี
จากตีนเขา เราเดินไปที่ Guguan Suspension Bridge ซึ่งแถวนั้นมีรีสอร์ตที่
มีบ่อออนเซ็นให้บริการทั้งแขกที่เข้าพัก และแขกวอล์กอินอย่างพวกเรา
แต่โผล่ๆ หน้าไปแล้วไม่ค่อยน่าสนใจ เลยเดินกลับไปแช่จากุสซี่ในห้อง
แล้วออกไปแช่บ่อกลางแจ้งของรร. Utopia ตอน 6 โมงเช้าวันถัดไป เพราะไม่มีคนดี
ที่นี่เขาให้ใส่ชุดว่ายน้ำแช่ได้ ไม่ต้องเปลือยร่างนะค้าาาาาาาาาาาาา








Mucha Cafe
เป็นร้านอาหารติดกับ รร.ที่พูดถึงเมื่อกี๊ เรามานั่งกินชาไข่มุกไปรอบนึงตอนบ่ายๆ
ตกเย็นไม่รู้จะกินข้าวที่ไหน เพราะมีทางเลือกไม่มาก คือ
1. กินร้านซีฟู้ด ที่คนมานั่งกินกันทีละครอบครัว (ผ่าน!) (ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องปลาเทราต์)
2. กินอาหารกล่องเซเว่น
3. กินร้าน Mucha Cafe
เลือกอันสุดท้ายล่ะวะ … แต่ไม่ผิดหวังนะ พวกเราโชคดีมาก
คุณบูสั่งผักดองหม้อไฟ ส่วนเราสั่งปลาเทราต์ทอดเนย กินกับพริกแซบไต้หวัน และผักสารพัด
เป็นครั้งแรกที่เรากินปลาเทราต์ทอดกับส้มยีๆ อ่ะ เป็นรสชาติที่กลมกล่อมลงตัวมาก
ทั้งละมุนและสดชื่นในคำเดียว ตอนนั้นอากาศหนาวด้วย (ปกติที่นี่จะหนาวกว่าส่วนอื่น เพราะอยู่กลางหุบเขา)
นั่งกินกันไป คุยกันไป แซบกันไป…happy มาก : )







ปิดท้ายด้วยภาพเมือง Guguan




