การเดินทางในตัวเมืองไถจ๊ง
เนื่องจากไถจ๊งเป็นเมืองในตอนกลางของประเทศ (จ๊ง = กลาง)
เมืองจึงสามารถขยายกว้างในทุกทิศทาง การเดินทางในเมืองต้องอาศัยรถเมล์
BRT (น่าประทับใจว่า BRT ที่นี่เขาทำเป็นกิจจะลักษณะ และมีคนใช้งานกันมากมาย)
หรือไม่ก็เช่ารถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
แต่บ้านนี้ไม่คิดจะเอาทักษะขับรถอันอ่อนด้อยของตัวเอง
มาเสี่ยงกับความหวาดเสียวของคนขับในไถจ๊งแน่ๆ มันฉวัดเฉวียนมาก และมอไซค์แยะจิงๆ
จนบางจังหวะเผลอนึกไปว่า “นี่เราอยู่เวียดนามป่าววะ”
ด้วยความพยายาม + บากบั่น ของคนด้อยความรู้เรื่องแผ่นที่ เราพยายามพล็อตจุดลงบนกูเกิลแม็พ
เผื่อใครตามรอยจะได้เห็นภาพคร่าวๆ ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง
เดี๋ยวเขียนเรื่องร้านอาหารเสร็จ จะพล็อตร้านเพิ่มลงไปด้วย
ดูแบบละเอียดจาก Google Map โดยตรง ให้คลิกที่นี่ค่ะ
Stock 20
ไม่เสียค่าเข้า
อยู่ติดกับ Taichung Main Station และสถานีรถไฟความเร็วสูงที่กำลังก่อสร้าง (เราไปปี 2015)
ที่นี่เป็นเหมือนแกลลอรี่จัดแสดงผลงานของอาร์ติสท้องถิ่น
บริเวณที่เคยเป็นโกดังอิฐแดงริมทางรถไฟ เขาก็เอามาชุบโฉมเป็นสตูดิโอของศิลปิน
ที่เขามาปักหลักทำงานกันจริงๆ และศิลปินพวกนี้ก็สนุกกับการเอาผลงานหรือของเล่นมาแต่งสตูฯ ของตัวเอง
ทำให้คนที่เดินผ่านไปมา สนุกสนานเฮฮากับความครีเอตของพี่ๆ เขาไปด้วย













National Taiwan Museum of Arts
เข้าฟรี
พวกเราหิวน้ำขั้นวิกฤตตอนไปถึงมิวเซียม เนื่องจากอากาศร้อน + รอรถเมล์นาน
จึงพากันพุ่งร่างไปที่มิวเซียมคาเฟ่บนชั้น 3 เป็นอย่างแรก
แม้ตอนนั้นเหลือเวลาอีกชม.กว่าๆ มิวเซียมก็จะปิดแล้ว (ขอเอาชีวิตให้รอดก่อนละตู ไม่สนดูอาร์ตไรทั้งนั้ลลล!)
จังหวะที่โผล่หน้าไปคาเฟ่ เห็นคนสั่งชาเย็นใส่ผลไม้แก้วโต ท่าทางหวานฉ่ำชื่นใจ
พอได้นั่งจึงเปิดเมนูสั่งตามเขาอย่างไร้อย่างอาย…ปรากฏลืมไปว่าชาเย็นพวกนี้ใช้เวลาทำนานมว้าก!
(กว่าจะชงชา รอให้ชาเริ่มเย็น หั่นผลไม้ ใส่น้ำแข็ง ปรุงรส ฯลฯ)
อิฉันก็นั่งเงก ปากคอแห้ง กลืนน้ำลายดูคนอื่นเขาดูดชาเย็นๆ ลงคอไป
แต่…คุ้มกับการรอคอยค่ะ!! เพราะอร่อยชุ่มคอมากก หวานกำลังดีลงตัว
(หลังจากนั้น พอนึกถึงชาเย็นไต้หวัน เราจะนึกถึงที่นี่เป็นที่แรกเลย)
เขาเสิร์ฟพร้อมส้อมมาให้จิ้มผลไม้ด้วย Dream Tea ที่เราสั่งรสจะเปรี้ยวนิดหวานหน่อย
ส่วน rose Tea ของคุณบูก็หอมกลิ่นกุหลาบมากหลาย
สิริรวมค่าชา 2 กา 440 NTD
ที่นี่มี Exhibition แยะมาก และค่อนข้างหลากหลาย ที่สำคัญคือทุกอย่างเปิดให้ชมฟรี
เป็นผลงานของทั้งศิลปินไต้หวันและต่างประเทศผสมผสานกัน
จัดเป็นแบบธีมอาร์ต หรือแบบผลงานโซโลของศิลปินคนใดคนหนึ่ง
เรียกว่าเดินกันชม.นึงนี่รีบจนขาแทบขวิดก็ยังดูไม่ครบถ้วน
ที่นี่อะไรๆ ก็ดีนะ เสียอย่างนึง…ห้องน้ำเป็นแบบนั่งยอง!!!! (มันไม่เกี่ยว แต่ก็เกี่ยวนิดๆ น่า)









National Museum of Natural Science
จาก Natiional Taiwan Museum of Fine Arts นั่งแท็กซี่มาราว 5-10 นาที ตกราว 110 NT
ดังนั้นขอแนะนำอย่างยิ่งให้นั่งแท็กซี่นะคะ จะประหยัดเวลาแยะเลย
ค่าเข้าที่นี่แบ่งโซน แบ่งส่วน แลดูงุนงงมาก แต่ด้วยความที่เราเหลือเวลาดูแค่ 1 ชม.
เลยเลือกบัตรแบบ Exhibition Zone ซึ่งกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของมิวเซียม
และเป็นโซนที่คุ้มค่าที่สุด ดังนั้นใครมีเวลาราวๆ 1-2 ชม. ก็แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบนี้
ขณะที่ถ้าใครอยากเข้า Botanic Garden ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 20NT และต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง
และควรแน่ใจว่าตัวเองมีเวลามากพอ คุ้มกับเงินที่ต้องจ่าย
เอาล่ะ…บอกตรงๆ ว่า ถ้าพ่อแม่จะพาลูกมา ที่นี่เหมาะมาก!
เพราะเป็นแหล่งความรู้ชั้นดี มีแขนงความรู้หลากหลาย
สามารถจูงมือลูกไปอบรมบ่มสอนความรู้รอบตัวได้เป็นวัน(ดีไม่ดีเราเองนั่นแหละ ที่จะได้ความรู้เพิ่ม!)
เด็กจะออกันเป็นพิเศษตรงโซนไดโนเสาร์จำลอง ที่เขาไม่ได้ทำแบบหนอนหนูดูแล้วปลอมนะ
หุ่นไดโนเสาร์ที่นี่กะพริบตา ขยับตัวได้ธรรมชาติมาก!
หลอกเด็กได้เลยนะว่าเป็นของจริงอ่ะ อิฉันกับคุณบูถึงกับยืนนิ่งดูอยู่เป็นนาน
ว่าอะไรมันจะทำได้ดีขนาดนั้น นี่เราไม่ต้องนั่งไทม์แมชชีนกลับไป 65,000 ปีก่อน
ก็สามารถใกล้ชิดกับไดโนเสาร์ได้ขนาดนี้ มันน่าปลาบปลื้มจริงๆ (ดราม่ายืนยันว่าปลาบปลื้มมากจิง)
ขณะที่โซนร่างกาย เขามีการเอาสมองอวบๆ ของคนปกติ กับสมองฝ่อๆ ของคนเสพยามาเทียบกันให้ดูจะๆ
เอาปอดของคนปกติกับปอดคนสูบบุหรี่มาวางชิดกันให้เห็น
มีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์น่าสนใจ และอื่นๆ อีกมากมาย
รับรองได้ความรู้เพียบ และโซนใหม่เกี่ยวกับพืช ก็ทำได้สนุกมาก
เขาทำกราฟฟิกดี๊ดีอ่ะ อยากอ่าน อยากเล่น อยากแตะมันทุกบุธเลย
แต่ต้องรีบเพราะมีเวลาแค่ชม.เดียว T^T
ถ้าฉันเป็นเด็ก แล้วมีโอกาสมาที่แบบนี้ จะได้อินสะไปร์กลับไปแยะเลย
และอาจจะรู้ว่า โตขึ้นมาฉันอยากเป็นอะไร






ร้าน Miyahara / Dawn Cake
ก่อนไปก็อ่านถึงร้านพายสับปะรดนี้จากบล็อกเกอร์หลายคน
เพราะพายสับปะรดถือเป็นขนมขึ้นชื่อของไถจ๊งอย่างหนึ่ง
เนื่องจากเป็นที่ตั้งฟาร์มดังๆ อย่าง Sunny Hills ที่คนหลั่งไหลไปเที่ยวชม
ไม่พอยังส่งขนมไปขายนานาประเทศ
แต่พอได้มาที่ร้านจริง ก็พบว่ามันน่าประทับใจกว่าตัวหนังสือที่อ่านมาเสียอีก
เหมือนฉากหนึ่งในหนัง Harry Potter เลยอ่ะ (บูบอก)
ที่นี่ดัดแปลงจากคลินิกหมอตาเก่า เอามาทำเป็นร้านขายพายสับปะรดพรีเมี่ยม
มีขนมหวานอีกสองสามอย่าง รวมถึงไอติม ความโดดเด่นคือแพ็คเกจที่ออกแบบหวือหวา
มีทั้งแบบเท่ แบบสวยหวาน แบบเรียบๆ คือไม่ว่าคุณจะซื้อไปฝากใคร
เขามีแพ็คเกจที่เหมาะกับผู้รับอย่างแน่อน ไม่พอยังมีโบว์หลากสีให้เลือกผูกด้วย (บางอย่าง)
ราคาของมันจึงพรีเมี่ยมตามลักษณะทางกายภาพ (เริ่มต้นราว 360 NT/กล่อง )
ถ้าเราเดินตามท้องถนนแล้วผ่านร้านขายพายสับปะรดล่ะก็ ร้านพวกนั้นจะขายราว 160 NT
ซึ่งได้ปริมาณมากกว่า บางทีก็อร่อยกว่า (แล้วแต่ลิ้นคน) เพียงแค่แพ็คเกจไม่งามเก๋เท่านั้น
ใครที่ชอบพายสับปะรด เมืองนี้มีขายแยะมาก และส่วนใหญ่จะอร่อย
เราซื้อกลับมา 3 ร้านก็อร่อยไปคนละแบบ…หลักๆ จะหอมเนย ไม่หวานจัด ไม่เปรี้ยวเกินไป
ที่ Miyahara เขามีให้เลือกว่าจะเอาสับปะรดท้องถิ่น (Native) ซึ่งออกเปรี้ยวนิดๆ
หรือจะเลือกแบบหวานสนิทเลยก็ได้ (แต่ไม่หวานมาก)
ชั้น 2 ของร้านคือร้านอาหารจีน (ขายแต่เซ็ตเมนู หัวละ 1000NT)
ชั้น 3 เป็นคาเฟ่ (ชาร์ตขั้นต่ำ 380NT/คน) แต่ร้านพวกนี้ใช่ว่าเราจะดุ่มๆ เข้าไปได้
เพราะมีพนักงานดักรอที่หัวบันได เพื่อแจ้งให้ทราบว่า หากท่านประสงค์จะขึ้นด้านบน
จะต้องถูกชาร์ตทันทีตามราคาที่แจ้ง ถ้ายอมรับได้ก็จะได้รับอนุญาตให้ผ่านด่านอรหันต์
ถ้าไม่อยากเสียสตางค์ หรือยังอิ่มอยู่ ก็ผ่านไป
พวกเราตัดสินใจไปนั่งพักที่คาเฟ่ชั้น 3 ตอนแรกเห็นคนข้างล่างยั้วเยี๊ยะ
คิดในใจว่าอาจไม่มีที่นั่ง ปรากฏคาเฟ่ว่างกว่าที่คิด คือโต๊ะเต็มแค่ 60%
ไม่แน่ใจว่าคนไม่รู้กัน หรือเพราะไม่อยากจ่ายสตางค์กันแน่
แต่คิดดูดีๆ นะ 380NT นี่ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับราคาเค้กบางเจ้าในกรุงเทพ
ตัดสินใจสั่ง Afternoon Tea for 1 ซึ่งเลือกขนมได้ 3 อย่างจากลิสต์
เราเลือกพายสับปะรด, honey rice cake, และเมล็ดฟักทองแห้ง
เมนูนี้เหมาะกับคนที่อยากลองขนม เพื่อตัดสินใจซื้อกลับบ้านในภายหลัง
แต่ไม่รู้สิ…โดยรวมแล้วเราเฉยๆ กับขนม ยกเว้นพายสับปะรดที่ติดรสเค็มนิดๆ หอมเนยฉุยๆ
เลยซื้อแต่พายสับปะรดกลับบ้าน
ส่วนของทอดของคาวที่สั่งมาทานเล่นก็อร่อยดี
เครื่องดื่มสั่งสับปะรดปั่น (อร่อย! เทพ! แนะนำมากๆ ดื่มแล้วสดชื่น)
กับชาอูหลงกุหลาบ (อันนี้ก็ใช้ได้เลย) สิริรวมทั้งหมดจ่ายไป 880 NTD
ระหว่างนั่งทานชาที่คาเฟ่ เราสามารถเอาใบสั่งซื้อมากรอกซื้อพายสับปะรดได้
พนักงานจะจัดเตรียมมาให้ โดยเราไม่ต้องไปยื้อแย่งกับประชาชนจำนวนมากด้านล่าง
และจ่ายสตางค์พร้อมค่าชากับขนมได้เลย
















Fourth Credit Union (ร้านขนม)
จะบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ไม่ใช่ แต่ในอีกแง่นึงมันก็ใช่
เพราะใครมาใครไปไถจ๊ง ก็จะหาทางแวะไปให้ได้สักครั้งหนึ่ง
ที่นี่คือคาเฟ่ที่ดัดแปลงจากธนาคารเก่า (ตามชื่อร้าน)
ตอนปรับปรุงตึก เขายังเก็บซากชิ้นสำคัญๆ ของธนาคารเอาไว้
เช่นประตูตู้เซฟใหญ่บึ้ม แล้วเอามาตกแต่งร้านใหม่ กลายเป็นเรื่องเก๋ไปซะอีก
และ…เขาเป็นเจ้าของเดียวกันกับ Miyahara ดังนั้นที่นี่จึงมีพายสับปะรดและไอศครีมขายด้วย
วันแรกที่เราไป…สารภาพว่าเข้าไม่ถึงอ่ะ เพราะคนต่อแถวล้นเป็นหางงูออกมาด้านนอก
เพราะตรงวันหยุดยาวของไต้หวันเข้าพอดี
อีก 2 วันถัดมาเลยกลับไปอีกครั้ง…ร้านว่างเชียว เลือกที่นั่งได้ตามใจชั้ลล วาฮู้วววว
เมนูส่วนใหญ่คือขนม + ไอติม = พาร์เฟต์สารพัดรูปแบบ
ชั้น 2 มีเครื่องดื่มขาย (อิฉันพุ่งร่างไปสั่งสับปะรดเกล็ดน้ำแข็งทันที อร่อยยยยยชื่นจายยย ราคา 60 NTD)
ส่วนชั้น 3 เป็น Tea House ขายอาหารจริงจังเช่นแซนวิช ขนมเป็นกิจจะลักษณะ
ทีเด็ดของเขาคือมีวาฟเฟิลที่ทำกันสดๆ ในร้าน กลิ่นของมันหอมฉุยเรียกแขกขั้นเทพ
แต่วันนี้คุณบูเลือกสั่ง Chinese Caserol เพราะแปลกดี (240NTD)
ไอติมเสิร์ฟพร้อมเค้ก ผลไม้ กล้วยคาราเมล โมจิเขียว
ตักทั้งหมดอย่างละหน่อยแล้วกินในคำเดียว ก็จะได้เคี้ยวขนมหลากหลายมิติ
ทั้งนุ่ม หนึบ กรอบ หอมหวานมัน














สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นของไถจ๊ง คลิกอ่านลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ
เที่ยวนอกเมืองไถจ๊ง
Fantasy Story/CMP block museum
หนึ่งวันที่ Sun Moon Lake
ตลาด Second Market
ที่พักไถจ๊ง
ที่กินในไถจ๊ง