อยู่ๆ ตัดสินใจมาเมืองนี้กันทำไมก็ยังเป็นที่กังขา
รู้แค่ว่านี่คือเมือง “ต้นกำเนิดโมโมทาโร่”
กระทั่งศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวก็ยังตั้งชื่อว่า “Momotaro Tourist Information”
เพิ่มเติมคือเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยปลา องุ่น muscat ลูกพีช
เป็นเมืองเล็กๆ ที่คนขี่จักรยานแสนซิ่งกันเหมือนเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่น
ความเดิมตอนก่อน เรานั่งรถไฟจาก Matsuyama มา Okayama
ผ่านทุ่งนาเขียวขจี ที่คนญี่ปุ่นเค้าปลูกไปทำสาเกกัน
ตื่นมาอีกทีก็ถึงเมืองโอคายาม่า หยิบเป้ลงจากรถไฟ เข้าห้างฯ หาร้านข้าวกลางวัน
กินปลาซัมมะย่าง (ฤดูปลาซัมมะพอดี เนื้อปลางินุ๊มมมนุ่ม)
เช็คอินเข้าโรงแรม APA Okayama เรียบร้อย
นั่นแหละคุณบูถึงเพิ่งรู้ตัวว่า … ลืม Kobo (e-reader) ไว้บนกระเป๋าเบาะนั่งบนรถไฟคร่าาาาา!
โห…รถไฟคงวิ่งไปไหนต่อไหนแล้ว และตั้งแต่ลงรถไฟมามันก็ 2 ชม.ได้
โอกาสหายนี่สูงเท่ายอดภูเขาไฟฟูจิ แต่อีกใจก็ยังเชื่อว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนดี
เลยไปถามที่ศูนย์ Lost & Found ของสถานีเพื่อที่จะพบว่า….
มีคนเก็บมันมาส่งไว้จริงๆ จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
อยากกราบงามๆ ให้กับน้ำใจอันประเสริฐของคนประเทศนี้จริงๆ
ไม่รู้จะใช้คำไหนอธิบาย นอกจากตื้นตัน ตื่นเต้น ภูมิใจ ที่โลกนี้มีคนดีๆ (จุดนั้นน้ำตาเกือบไหล)
ที่ทำให้จิตใจเราฟูฟ่องขึ้นมาได้เป็นระยะๆ ขอบคุณมากๆๆๆ ตรงนี้อีกทีะนะคะ จุ๊บๆ



APA Hotel Okayama
เลย์เอาต์ห้องเหมือนกับที่อื่นๆ ทุกประการ เป็นห้องขนาดเล็ก มีเตียง semi queen size
ทีวี น้ำดื่ม ตู้เย็นขนาดเล็ก ที่เป่าผม รองเท้าแตะ ถุงพลาสติกคลุมกระเป๋าเดินทาง (ในลิ้นชัก)
ยูกาตะ และเครื่องอาบน้ำให้พร้อม พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษพอได้
ห้องที่นี่ไม่เก่าเท่าที่ Matsutama แต่เล็กมาก โต๊ะไม่มีลิ้นชักทำให้ต้องวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะหรือหลังทีวี
ทำให้ที่วางของๆ เราลดลงไปอีก กระเป๋า 2 ใบของเรามาถึงก่อนแล้ว (ที่ฝากส่งทางทาคิวบิน)
พอยื่นหางบัตรให้พนักงานก็พยักหน้ารับรู้ทันที โห..วินาทีนั้นดีใจนะ เพราะถ้ากระเป๋ายังไม่มา
อาจจะต้องอธิบายด้วยมือไม้กันอีกยาว สรุปว่าเป็นวิธีการขนกระเป๋าที่รอดมากๆ


เมื่อวางกระเป๋าเสร็จ ตามหา Kobo จนเจอแล้ว สองเราก็ออกท่องเที่ยวในเมือง Okayama โดยพลัน
เริ่มที่ Okayama Castle หรือปราสาทโอคายาม่าก่อนแล้วกัน
อีกชื่อหนึ่งของเขาคือ black castle หรือปราสาทดำโอคายาม่าตามสีดังที่เห็นในรูป
เป็นปราสาทที่ถูกบอมบ์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนจะเริ่มสร้างใหม่อีกครั้งจากพิมพ์เขียวเดิม
ดังนั้นวัสดุที่ใช้จึงไม่ใช่ของเก่า ปราสาทดูใหม่ แต่พวกเราไม่เข้าไปข้างใน
เพราะทริปนี้จัดไปแล้ว 2 ปราสาท เดี่ยวจะกระอักเลือดออกมาเป็นรูปปราสาทซะก่อน
เลยเดินข้ามสะพานด้านหน้า ผ่านไปยังสวน Korakuen Garden แทน



Korakuen Garden
ส่วนตัวแล้วคิดว่าไฮไลต์ของการมาโอคายาม่าคือสวนนี้จริงๆ (ค่าเข้าคนละ 300 เยน)
มันคือสวนที่ติดอันดับท้อป 3 ของประเทศ พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แบ่งโซนเพื่อปลูกต้นไม้ 4 ฤดู
ดังนั้นไม่ว่าเราจะมาฤดูไหน ก็จะมีสวนสวยๆ ให้ดูอย่างแน่นอน เดินเพลินสนุกมากๆ
ตรงกลางเป็นสนามหญ้าเขียวสดกว้างใหญ่ มีทำเป็นนาข้าว ซึ่งปลูกจริง เกี่ยวจริง และนำไปทำสาเกจริง
อันที่จริงโอคายาม่ามีพิพิทธภัณฑ์แมวกวักด้วยนะ (Maneki Neko Museum)
แต่เราไปแค่คืนเดียว เลยไม่ได้ไป เพราะมิวเซียมอยู่ชานเมืองนิดๆ
แค่เดินเล่นในเมืองก็สนุกแล้ว อากาศตอนไปกำลังเย็นสบายเลย
แผ่นพับสถานที่ท่องเที่ยวหาได้จากโรงแรมเลย เค้ามีให้ดูเพียบ

















สรุปทริปคันไซ คลิกดูได้ตามลิงก์เลยจ้ะ
Day 1: Kobe ตอน 1 และ ตอน 2 (Herb Garden/ Ijinkan Kitano / อันปังแมนมิวเซียม /Tetsujin)
Day 2: Himeiji Castle / ปราสาทฮิเมะจิ
Day 3: Arima Onsen / แช่ออนเซ็นที่อาริมะ
Day 4: Hiroshima / เมืองฮิโรชิม่า
Day 5: เกาะ Miyajima / เกาะมิยาจิม่า
Day 6: Matsuyama, Ehime / มัตสึยาม่า, เอะฮิเมะ
Day 7: Dogo Onsen / โดโกะ ออนเซ็น