
หลังจากย้ายมาฮ่องกงเข้าเดือนที่ 3 พวกเราก็เริ่มคุ้นเคยกับเมืองนี้มากขึ้น
รวมทั้งลงตัวกับการย้ายบ้าน แต่งบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน มีบัตรสมาชิกร้านนู้น ร้านนั้นอัดเต็มกระเป๋า
คะนี้ก็ถึงคราวที่ควรจะเริ่มออกสำรวจเมืองกันละ … จริงๆ แล้วเหตุเกิดจากเมื่อวันก่อน
น้องนัท สาวน้อยที่เคยช่วยเอ๋ขายของจากลิตเติลฯ บอกว่ากำลังจะมาฮ่องกง
และถามว่าควรจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง … ได้ยินแล้วข้าเจ้าเหวอนิดๆ ค่ะ! คือออกสเต็ปไม่ถูกเลย
เพราะที่ผ่านมาก็จะแวะไปตามร้านนั้น ร้านนี้ ที่ตัวเองชอบ ไม่ค่อยได้เที่ยวแลนด์มาร์กทั้งหลายเท่าไร
อย่าง Peak’s Tram ก็ยังไม่เคยนั่ง พระใหญ่ก็ยังไม่เคยไปไหว้ Repulse Bay ก็เพิ่งไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง
และยังมีอีกหลายที่ ที่คนส่วนใหญ่มาฮ่องกงแล้วมักดู แต่เรายังไม่เคย
ก็เลยตั้งปฏิธาณกับคุณบูว่า เราจะต้องซอกแซกไปตามสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลายให้ถ้วนทั่ว(เท่าที่ทำได้)
เวลาใครถามจะได้แนะนำเค้าถูก และระหว่างทางถ้าเจออะไรน่าสนใจ ก็จะได้เรียนรู้เอาไว้ในคราวเดียว
ทริปวันนี้ใช้เวลา 11.00 – 21.00 น.
11.00 Hokkaido Dairy Farm (สาขาใกล้บ้าน)
12.00 Nan Lian Garden, Chi Lin Nunnery (Diamond Hill Station)
13.30 Sik Sik Yuen Tai Sin Temple (Wong Tai Sin Station)
14.30 Sham Shui Po Markets – – กิน Yunnan Noodle เป็นอาหารมื้อบ่ายต้น
16.30 Flowers Market, Bird Park, Goldfirsh Market เดินไปจนถึงสถานี Mong Kok
18.00 Temple St. Market (Jordan Station), Yau Ma Tei fruit Market, Kowloon Park, The One dept.
21.00 กินมื้อดึกที่ Roll & Mari แถว Korean Town
แต่ละที่เราไม่ได้รีบเร่งอะไร สถานที่แต่ละแห่งอยู่ย่านเดียวกัน ใช้เวลาเดินทางไม่มาก ทำให้เที่ยวได้แยะ
ข้อเสียอย่างเดียวคือช่วงนี้ ฮ่องกงอากาศร้อนมาก
พอกลับบ้านถึงรู้ว่าสิวผุดขึ้นกลางหน้าผาก 1 เม็ด และเสื้อผ้าเหม็นเหงื่อมว้าก!
11.00 น. กินอาหารเช้าที่ Hokkaido’s Dairy Farm
ร้านนี้เป็นร้านแบบ “ฉ่าชันเท้ง” หรือสภากาแฟยามเช้าของคนฮ่องกง
ซึ่งเสิร์ฟพวก โบ่โหลเปา หรือขนมปังสับปะรด (ลักษณะข้างบนมันคล้ายๆ สับปะรด)
ไข่ดาว หมูแฮม ไส้กรอก มะกะโรนีในซุปไก่ เส้นหมี่ใส่เนื้อสแปมอะไรแบบนี้
ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมตะวันตก ที่ถูกผสมผสานจนกลายเป็นเรื่องสามัญ
สิ่งที่ทำให้ร้านนี้ต่างจาก ฉ่าชันเท้ง อื่นๆ ก็คือเขาจะใช้นมฮอกไกโด ในการทำไข่คน
หรือใครจะสั่งนมฮอกไกโดมาทานกับอาหารก็ได้ (แต่ชากาแฟ ใช้นมข้นจืดชงเหมือนร้านทั่วไป)
สำคัญตรงที่พนักงานส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่มาทำงานพิเศษ
เลยพูดภาษาอังกฤกษได้ การสื่อสารไม่ลำบากอย่างร้านโลคัลแห่งอื่นๆ
สมัยก่อนตอนสาขาไม่ยุบยั่บเท่านี้ เวลาจะกินแต่ละทีต้องต่อคิวหน้าร้าน
ถ้าใครมาแถวคอสเวย์ ร้านจะอยู่ในตึก Hyson Place ชั้น 12 ส่วนสาขาอื่นเช็กได้จากลิงก์นี้
http://www.hokkaidodairyfarm.com/locations
ส่วนใหญ่เรามักจะสั่งเป็นเซ็ต เพราะคุ้มกว่า
จะเลือกแค่ขนมปัง ไข่ กับกาแฟ
หรือเลือกขนมปัง ไข่ แฮม มะกะโรนี กับกาแฟก็ได้ (เส้นเปลี่ยนได้หลายแบบ)
ตอนแรกเราก็กินไข่ดาว หรือไข่คนกับขนมปังตามปกติไป
แต่หลังๆ เห็นคนส่วนใหญ่ตักเอาแฮม และไข่มาใส่ในซุปมะกะโรนีด้วย
เราเลยทำตามบ้าง เออ…มันก็อร่อยดีแฮะ



12.00 Nan Lian Garden และสำนักแม่ชี Chi Lin Nunnery
สถานี Diamond Hill Station Exit C2 เดิน 3-5 นาที
แม้บ้านช่องของคนฮ่องกงจะแออัดแค่ไหน แต่สวนที่นี่กว้างขวาง ตกแต่งตามแบบสมัยราชวงศ์ถังได้สวยจัด
เดินเข้าไปแล้ว แหม้…มันหายใจได้เต็มปอดจริงๆ บูถึงกับเปรยว่า อา…นี่มันเขาเหลียงซานในฮ่องกงนิ่
ตัวสวนมีตำหนักแดงสวยสดเป็นนางเอก (แต่ตอนเราไปปิดซ่อมบำรุง) มีทางเดินล้อมกรอบด้วยต้นสน
น่าชวนคนรักมาเดินจูงมือลันลา เดินไปเดินมาเจอบ่อปลาคาร์ฟตัวเบ้อเลิ่มอยู่หน้าตำหนักสีน้ำตาลแดง
ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเมืองจีนสมัยโบราณอย่างบอกไม่ถูก แต่พอหันไปมองด้านข้างพบว่าเป็นฝรั่ง
เออ…ยังอยู่ยุคปัจจุบันก็ด้ะ …
ที่นี่เขามีร้านอาหาร vegetarian อยู่ด้านหลังม่านน้ำตกด้วย ตอนเดินผ่านเห็นคนกินแยะเลย ท่าทางจะดี
ขณะที่ฝั่งตรงข้ามก็มี Tea House ซึ่งก็คือตำหนักสีน้ำตาลแดงริมบ่อปลาคาร์ฟที่เห็นเมื่อกี๊นั่นแหละ
เค้าอนุญาตเฉพาะคนที่จะดื่มชาเท่านั้น คนทั่วไปห้ามเข้า ด้วยความที่เราสองคนอยากชิลล์เลยเข้าไป
และพบว่าด้านในชิลล์เริดสมใจ ความเซนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง มันช่างเงียบสงบนักหนา
เพราะว่า…มีแค่เราสองคนเป็นลูกค้า อ่าม…. – -”
ตอนแรกไม่เอะใจหรอก ตอนหลังถึงรู้ว่าทำไมคนไม่ค่อยเข้ามากัน
เพราะที่นี่มีกฎเยอะแยะจนบางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า ตูจะมานั่งดื่มชา ไม่ได้มาจารกรรมสมบัติชาตินะ(โว้ย!)
กฎที่ว่าคือ 1.ต้องปิดเสียงมือถือ 2. ห้ามถ่ายรูป 3. ห้ามคุยเสียงดัง 4. ต้องสั่งชาคนละที่ ห้ามสั่งที่เดียวมาแบ่งกัน
ราคาชาจีน 6 กรัม/ที่ ราคาเริ่มต้นราว 550 บาทเป็นต้นไปจนถึง 1000 กว่าบาท
(เช็กราคาชาแต่ละประเภทที่ป้ายด้านหน้าก่อนเข้าตำหนักได้นะคะ เค้าปักบอกไว้)
แม้จะเคืองพนักงานที่ระแวดระวัง เหมือนกลัวฉันจะขโมยปั้นชากลับบ้าน หรือหยิบกล้องมาแอบถ่าย
แต่ก็ยอมรับว่าระบบน้ำ เตา และอื่นๆ ที่เค้าวางไว้ดีมาก พนักงานอธิบายดี ทำให้เราชงชาแบบจีนดั้งเดิมได้เอง
verdict: มารยาทพนักงาน ทำให้เราไม่อยากจะเหยียบเท้าเข้าไปใน Tea House อันศักดิ์สิทธิ์นี้อีก
จากสวน จะมีสะพานหินข้ามถนน เชื่อมต่อไปยัง สำนักแม่ชี Chi Lin Nunnery ได้เลย
ที่นี่สวยมาก ยิ่งมองเลยไปทางด้านหลังๆ จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปเขาเหลียงซานจริงๆ
เพราะฉากหลังคือภูเขาทั้งลูก (แต่อย่ามองเลยภูเขาไปนะ เพราะจะเห็นคอนโดแท่งสูงปรี๊ดดดด ขัดลูกกะตาม๊ากส์!)
พวกเราก็เดินไหว้พระไปทีละห้องๆ และพบว่ายังมีเทพอีกหลายองค์ที่เรายังไม่รู้จัก











13.30 Sik Sik Yuen Tai Sin Temple
สถานี: Wong Tai Sin exitB3 ออกแล้วให้มองขวา จะเจอบันไดขึ้นวัดเลย
เป็นวัดรวมเทพ คล้ายวัดมังกรบ้านเรา ทางเข้าวัดจึงมีร้านรวงขายธูปเทียนเต็มไปหมด
นักท่องเที่ยวแบบคณะทัวร์เพียบ! คณะทัวร์จีนปีนป่ายเชือกที่เค้าขึงกั้นไว้เข้าไปถ่ายรูปอย่างสำราญ (เฮ้อ)
ที่นี่คึกคักล้งเล้ง แตกต่างจากสวนและสำนักชีที่เพิ่งไปมาแบบหนังคนละม้วน
แต่สถาปัตยกรรมแบบจีนก็ให้ความรู้สึกสวยแปลกตาในความคิดเรา
ไหว้พระและเดินรอบวัดสักพัก คุณบูก็ชี้ชวนไปดูตรงทางเข้าเล็กๆ ของแผงขายธูปเทียนด้านหน้า
เพราะมันคือ “ถนนสายหมอดู” ที่ในนั้นมีหมอดูเต็มมมไปหมด บางคนที่พูดภาษาอังกฤษได้
ก็จะแปะป้ายบอกไว้ เจ้าไหนดังหน่อยก็จะมีคนมานั่งรอคิวด้านหน้า











14.30 Sham Shui Po Markets
กิน Yunnan Noodle เป็นอาหารมื้อบ่ายต้น
สถานี: Sham Shui Po Exit A2 (จริงๆ แล้วตามแต่คนเลย)
ย่านนี้เป็นย่านที่คนจนอาศัยอยู่กันหนาแน่น ดังนั้นที่ดินจึงค่อนข้างถูก (แต่ก็ยังแพง)
คนพยายามดิ้นรนหาเงินกันด้วยการค้าขาย เมื่อขึ้นจากรถไฟฟ้าที่สถานีนี้ ไม่ว่าจะออก exit ไหน
ก็จะพบแผงลอยขายของเรียงราย 2 ข้างถนน จนสุดลูกหูลูกตา
ว่ากันว่า ที่นี่คือที่นี่ขายของถูกที่สุดแล้ว และคุณสามารถต่อรองราคากับร้านค้าแผงลอยได้
ลักษณะจะคล้ายๆ จตุจักรนิดๆ คือจัดของประเภทเดียวกัน ไว้บนถนนสายเดียวกัน
ดั่งพาหุรัด + สำเพ็ง + คลองถม อะไรแบบนั้นเลย เพราะมีทั้งเครื่องไฟฟ้า ของงานฝีมือ
ของโหล ของก๊อปราคาถูก รวมทั้งของเล่นนานาประเภท พวกเราเสียเวลาที่ถนนของเล่นเป็นพิเศษ
เพราะมันถู๊ก ถูก สำหรับคนที่อยากมาเดินถนนคราฟท์ในฮ่องกง ให้ศึกษาร้านตามแผนที่ของ Time Out
มีศิลปินมาวาดเอาไว้น่ารักกกกเชีย
http://www.timeout.com.hk/shopping/features/69150/time-outs-guide-to-sham-shui-po-diy.html
เดินเสร็จ หิวโฮก เลยแวะร้านอาหาร Tam’s Yunnan Noodle
เพราะเดินผ่านพอดี และบูบอกว่ามีสาขาอยู่ทั่วฮ่องกง ไว้ใจได้
น้ำซุปเค้าจะเผ็ดๆ แต่มีระดับให้เลือกว่าเผ็ดมากหรือน้อย
ความเลิศคือเส้นบะหมี่ที่นุ่มมากกกกกก ไม่มีกลิ่นแป้งเลย
เครื่องเคราเลือกได้หลายอย่าง ทั้งเนื้อ หมู ไก่ ลูกชิ้นหลายแบบ ผัก เห็ด
บูให้ความเห็นว่า “คล้ายสุกี้ที่ใส่เส้น” … ส่วนไก่ย่างคลุกงาธรรมดามาก
ปัญหาอย่างเดียวของร้านนี้คือ พนักงานพูดได้แต่ภาษาจีน กว่าจะได้กิน เมื่อยมืออยู่…
ราคาไม่แพง ทั้งหมด HK$67 รายละเอียดที่ตั้งร้านดูจาก open rice
http://www.openrice.com/english/restaurant/sr2.htm?shopid=21615
แต่ถ้าใครไม่ชอบจะกินร้านอื่นก็ได้ เพราะแถวนี้ร้านอาหารค่อนข้างแยะ








16.30 Flowers Market, Bird Park, Goldfirsh Market
แล้วรวดเดินไปจนถึงสถานี Mong Kok
สถานี Prin Edward Exit B4 ออกมาแล้วยูเทิร์นตัว ย้อนกลับเดินเลาะสะพานลอยรถไปเรื่อยๆ จะเจอ
บอกตรงๆ ว่าไม่คาดหวังเลย แทบไม่อยากมาตลาดดอกไม้ที่นี่ด้วยซ้ำ
แต่อาลา…อะไรไม่หวัง มักได้เกินหวังเสมอ ที่นี่มีต้นไม้ ดอกไม้ พันธุ์ไม้ แยะมากๆๆๆๆ เดินสนุกสุดแสน วิ้วว้าวตลอดทาง
อารมณ์ประมาณปากคลองตลาด รวมกับ ตลาดต้นไม้วันพุธที่จตุจักร
แค่ร้านดอกไม้ก็มีดอกไม้แปลกๆ มาขายในราคาไม่แพงเว่อร์ เห็นแล้วน้ำหมากหกเลยอ่ะ อยากได้ไปทุกช่อ
และต้นไม้ที่นี่ก็ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยดูมาในฮ่องกง (แม้เพื่อนจะบอกว่า ซื้อต้นไม้แถวนี้ไปปลูก แล้วมักจะตายก็ตาม)
แถมบางร้านจัดแต่งซะคา-วาาาาาาาา-อิ แค่เตร่เข้าไปดูก็สนุกแล้ว แนะนำร้าน Hay Fever
แม้ชื่อจะแสลงใจคุณบูมว้าก (เพราะเธอเป็น Hay Fever เกือบทุกครั้งที่ไปลอนดอน)
แต่ร้านเก๋จัดๆ ด้านในสุดเป็นคาเฟ่ที่ใช้ต้นไม้ในร้านตกแต่ง ขนมเค้กก็ทำเป็นชิ้นกำลังดี ไม่บะเล่อเฮิ่มเหมือนร้านอื่น
วันที่ไปพุงแน่น (เพิ่งกินบะหมี่ยูนนานมาข่ะ) เลยตั้งใจว่า รอบหน้าที่มาซื้อต้นไม้ จะแวะร้านนี้ก่อนเลยยย (นะๆๆๆๆ บูนะ)
สรุปกลับบ้านพร้อมดอกไม้ 2 ช่อ และต้นไม้ 1 กระถางต้นไม้ 2 เพราะยังอยากเที่ยวตลาดอื่นต่ออีกสักนิด
รายละเอียดที่ตั้งร้าน Cafe Hay Fever จาก Open Rice
http://www.openrice.com/english/restaurant/sr2.htm?shopid=151043









Bird Park
ตอนที่ยังไม่เข้าไป มโนว่า มันน่าจะเป็นสวนที่ต้นไม้ครึ้ม นกเลยแยะ บินไปบินมา
แต่ทว่า…ความจริงคือ ที่นี่เป็นแหล่งขายนก และอุปกรณ์พวกกรง อาหาร ฯลฯ มีนกบินโฉบไปมาบ้างบางส่วน
เข้าไปตอนเย็นๆ แล้วบรรยากาศหู่เศร้าอย่างบอกไม่ถูก เห็นนกบางตัวก็บินร่อนสบายเฉิบ
แต่บางตัวอยู่อันกันในกรงแล้วร้องเสียงดัง น่าสงสาร
จึงยูเทิร์นกลับออกมาภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีดี … เราอาจจะไปผิดเวลาก็ได้




Goldfish Market
แถบนี้ลักษณะคล้ายจตุจักรโซนสัตว์เลี้ยงมากๆ คือถนนทุกเส้นจะมีร้านขายสัตว์
เน้นหนักคือปลาทอง ที่คนจีนมองว่าเป็นสัตว์มงคล ขายใส่ถุงห้อยบนราวตาข่ายกันยังก้ะต่างหู
มีร้านขายหมาแมว อุปกรณ์ บางร้านทำตู้จำลองเป้นท้องทะเลซะใหญ่บึ้ม
เห็นขายเต่ากันแยะเลย ไม่รู้เอาไปเลี้ยงหรือเอาไปทำยานะ … อืม…อย่าไปคิดเลย
ตอนแรกนึกว่าเย็นไป ร้านรวงจะปิด ที่ไหนได้ ทั้งคนขาย คนซื้อ ยังตรึมถนน





18.00 Temple St. Market (Jordan Station exit A),
Yau Ma Tei fruit Market, Kowloon Park, The One dept.
ถึงจุดนี้ บอกเลยว่าสภาพร่างกายเริ่มล้ามาก แถมเจอฝนประปรายตามทาง
แต่ไหนๆ ก็อยู่แถวนี้แล้ว เลยแวะมา Temple Street Market ซะหน่อย เพราะอ่านจาก timeout
บอกว่าเป็นแหล่งขายของเก่า น่าไปค้นดู … ปรากฎ มันคือตลาดนักท่องเที่ยวนี่นา
ขายพวกเสื้อยืด ของจุกจิกราคาไม่แพง ของก๊อป ของที่สามารถซื้อไปเป็นของฝากได้
บนถนนเส้นนี้มีร้านอาหารหลายร้านให้เลือก ถ้าหิวจะลองดูเมนู แล้วเลือกร้านได้เลย
ผิดหวังจาก Temple Street market เราฉีกตัวออกซ้าย เดินข้ามไปอีก 2 ถนน
เจอตลาดสด ที่เพิ่งรู้ตอนหลังว่ามันคือ Yau Ma Tei Fruit Market เออแฮะ … แบบนี้ค่อยสนุก
90% ของแผงขายผลไม้สมชื่อ ราคาไม่แพงมาก แถมเปิดดึกด้วย
ผ่านตลาดผลไม้ บูตั้งเป้าว่าจะเดินไป Korean Town เพราะเราอยากซื้อไชเท้าดองเกาหลี
ระหว่างทางผ่าน Kowloon Park ซึ่งมี Hong Kong Avenue of Comic Stars
เลยเดินขึ้นบันไดไปดู พบว่ามีหุ่นจำลองขนาดยักษ์ของตัวการ์ตูนประมาณสิบตัวได้
เขาจะมีบรรยายภาษาอังกฤษaรีทุกวัน เวลาบ่ายสามครึ่ง เช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก
http://www.comicavenue.hk ตัวสวนจะอยู่ตรงข้ามกับห้าง Miramall
สุดท้ายเราไปจบที่ห้าง The One (จากห้างนี้ อีก 1 ถนนก็ถึง Korean Town ละ)
พบว่ามีร้าน Homeless ใหญ่ยักษ์อยู่บนชั้น 8 และซอกหนึ่งมีมุมเซลโละของมีตำหนิด้วย
ที่นี่มีคาเฟ่อยู่หลายร้านเชียว ร้านนึง (และร้านเดียว) ที่เห็นคนต่อแถวยาวเหยียดคือ Dazzling Cafe
มองๆ เมนูแล้วคิดว่าอารมณ์คล้าย After You บ้านเรานะ







21.00 กินมื้อดึกที่ Roll & Mari แถว Korean Town
กว่าจะถึง Korean Town ร้านไชเท้าดองที่หมายตา ก็ปิดซะแระ
(กระโดดงับหูบุ 1 ที มัวชวนเราเดินเล่นใน The one จนลืมเวลา 555)
ถึงตอนนี้ เราสองคนเดินตัวติดกันไม่ได้แล้วนะ คือเหงื่อเหนอะมาก ต้องอยู่ห่างๆ กันไว้
ไม่งั้นจะกลายเป็นปาท่องโก๋ไปทั้งชาติ ด้วยความที่เหนื่อยและอยากกลับบ้านเร็วๆ
เลยผ่านร้านปิ้งย่าง อยากกินพวกคิมบับมากกว่า และต้องเป็นร้านที่ไม่มีคิวด้วย เมื่อยขาแล้ว
ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจคือมันอาจจะไม่ใช่ร้านอร่อยเริดมาก
เราสั่งมากิเนื้อ (พอใช้นะ แต่บังเอิญไม่ชอบกลิ่นใบโอบะ เลยกินน้อยกว่าบู)
Tofu Soup อันนี้อร่อยเลย รสชาติกลมกล่อม กำลังดี และมาในปริมาณพอเหมาะ
วุ้นเส้นห่อสาหร่ายชุบแป้งทอด เมนูนี้แอบงงนะ เพราะเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว…แม่ครัวเป็นคนไทยแน่ๆ!!!!
ราคาทั้งหมดราว HK$280 อร่อยพอใช้ อิ่มได้ในเวลารวดเร็ว
รายละเอียดที่ตั้งและรีวิวร้าน Roll & Mari จาก Openrice
http://www.openrice.com/english/restaurant/sr2.htm?shopid=163624®ion=0&s=3



